ตอนที่ 481 ฉกฉวยผลประโยชน์ (4) / ตอนที่ 482 กองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุด (1)
ตอนที่ 481 ฉกฉวยผลประโยชน์ (4)
หนิงซินหัวเราะและพูดว่า “จะสามารถเอาชนะใจพวกเขาได้สำเร็จหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายเต็มใจหรือไม่ หากพวกเขาแสดงความเป็นมิตรและยอมรับเรา ข้าก็จะแสดงความเป็นมิตรต่อพวกเขาตอบด้วยการปฏิเสธค่าตอบแทนหลังจากที่เราไปถึงทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างแล้ว เช่นนี้จะยิ่งทิ้งความประทับใจที่ลึกซึ้งให้กับพวกเขายิ่งกว่า”
หากเจ้าต้องการเอาชนะใจผู้อื่น เจ้าห้ามเริ่มต้นจากสถานะที่ต่ำกว่าเป็นอันขาด หนิงซินรู้ว่าควรเพิ่มคุณค่าให้ตัวเองอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าคนพวกนั้น
แม้ว่าลู่เว่ยเจี๋ยจะไม่ค่อยเข้าใจว่าหนิงซินหมายความว่าอย่างไร แต่เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดนั้นน่าจะถูกต้อง
ขณะที่กลุ่มคนค่อยๆ เดินหน้าไปเรื่อยๆ เงาร่างสีดำที่ยืนอยู่บนต้นไม้สูงก็ได้ปล่อยเจ้าอสรพิษสีดำตัวเล็กๆ เข้าไปในซากใบไม้แห้งที่กองสุมอยู่ใต้ต้นไม้ อสรพิษตัวนั้นเคลื่อนไหวท่ามกลางพวกมันอย่างรวดเร็วมาก จากนั้นไม่นานร่างของมันก็กะพริบแล้วเลื้อยหายไปอย่างไร้ร่องรอย
……
…
กลุ่มของจวินอู๋เสียเดินมาพบแหล่งน้ำเข้าแห่งหนึ่ง เฉียวฉู่และคนอื่นๆ จึงพากันลงไปชำระล้างคราบเลือดที่ติดอยู่ตามร่างกาย ก่อนจะขึ้นมานั่งกินอาหารแห้งกันบนตอไม้ที่อยู่ข้างๆ
หลังจากนั้นไม่นานเยี่ยซาก็ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าทุกคน เฉียวฉู่ผู้ซึ่งรอคอยเวลานี้มานานแล้วก็ลุกพรวดขึ้นทันที
“ข้าน้อยหาตำแหน่งของพวกเขาพบแล้วขอรับ” เยี่ยซาคุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าจวินอู๋เสีย รายงานพร้อมก้มหัวลงต่ำ
“พวกนั้นมีทั้งหมดกี่คน” จวินอู๋เสียถาม
“ยี่สิบเจ็ดคนขอรับ นอกจากนั้น พวกเขาเพิ่งจะรวมกลุ่มกับคนนอกที่ไม่ได้มาจากสำนักศึกษาเฟิงหัวอีกด้วย และกำลังมุ่งหน้าไปที่ทะเลสาบจันทราวารีกระจ่าง” เยี่ยซากล่าว
รวมกลุ่มกับคนนอกที่ไม่ใช่ศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวอย่างนั้นหรือ
ข่าวที่เยี่ยซานำกลับมาทำให้ทุกคนประหลาดใจมากจริงๆ
“เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่เป็นแผนสำรองของพวกเขา ขอความช่วยเหลือจากขุมกำลังภายนอก?” เฉียวฉู่เกาคาง แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบหน้าหนิงซินและอิ่นเหยียนมาก่อน แต่เขาก็ได้สร้างภาพลักษณ์ที่ชั่วช้าของพวกเขาไว้ในใจแล้ว
ขณะที่ฟ่านจิ่นกำลังจะพูดบางอย่างออกไป เขาก็ถูกเสียงของเฉียวฉู่ที่ตะโกนขึ้นมาทำเอาต้องหุบปากลงฉับ คนที่เหลือเองก็ชะงักไป
เมื่อเฟยเยียนเห็นว่าฟ่านจิ่นหดหู่มากแค่ไหน เขาก็ต่อยไปที่เฉียวฉู่เบาๆ เฉียวฉู่แลบลิ้นทะเล้น โบกมือให้อย่างกระอักกระอ่วน
“ทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างหรือ มันมีไว้เพื่ออะไรกัน” จวินอู๋เสียเพิกเฉยต่อคำพูดของเฉียวฉู่โดยสิ้นเชิงและถามกลับไป
“ดูเหมือนว่าคนกลุ่มนั้นต้องการจะไปที่ทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างเพื่อค้นหาสมุนไพรบางอย่าง พวกของหนิงซินจึงอาสานำทางโดยขอแลกเปลี่ยนกับหินวิญญาณจากสัตว์วิญญาณระดับสูงห้าก้อนขอรับ” เยี่ยซารายงานทุกอย่างไม่มีปิดบัง
“สัตว์วิญญาณระดับสูงห้าตัว! หญิงสาวที่ชื่อหนิงซินผู้นั้นจะหน้าด้านมากเกินไปแล้ว ช่างกล้าพูดออกมาได้!” เฉียวฉู่ตกใจอีกครั้ง เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ก่อนหน้าที่พวกเขาจะรู้จักกับจวินอู๋เสีย พวกเขาก็อยู่อย่างยาจกมาโดยตลอด จึงรู้คุณค่าของเงินเป็นอย่างดี สิ่งที่หญิงสาวที่ชื่อหนิงซินขอนั้น มันสูงมากอย่างไม่น่าเชื่อ
ฟ่านจิ่นไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองใครแล้วในเวลานี้
“เจ้ารู้จักตัวตนของคนพวกนั้นหรือไม่” จวินอู๋เสียลูบขนของเจ้าแมวดำตัวน้อยอย่างครุ่นคิด นางรับปากกับฟ่านจิ่นแล้วว่าจะปล่อยหนิงซินและอิ่นเหยียนไป แต่ถ้าพวกเขากล้ากลับมายั่วยุนางอีกครั้ง นางก็จะไม่สนใจอีกว่าพวกเขาจะเป็นหรือว่าตาย
เยี่ยซาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “หลายคนในกลุ่มนั้น คล้ายจะมีตัวตนอยู่ในความทรงจำเดียวกับที่นายน้อยอู๋เย่าให้ข้ามาขอรับ”
“ในความทรงจำของเจ้าหรือ” จวินอู๋เสียหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ความทรงจำของเยี่ยซาคนเดิมขอรับ” เยี่ยซาตอบ
“…” การแสดงออกของเฉียวฉู่และคนอื่นๆ หลังจากที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างเยี่ยซากับจวินอู๋เสียดูจะตกตะลึงไม่น้อย
“มีใครบ้าง” จวินอู๋เสียเข้าใจความหมายของเยี่ยซาแล้ว ความทรงจำของเยี่ยซาคนก่อนหน้านี้ได้ถูกถ่ายโอนมายังเยี่ยซาคนปัจจุบันโดยวิธีการพิเศษบางอย่างของจวินอู๋เย่า
เยี่ยซาเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า “คนแรกคือหลงฉี แม่ทัพเอกแห่งกองทัพรุ่ยหลิน อีกคนคือหรงเหิง ศิษย์ของมู่เฉินแห่งยอดเขาเทียมเมฆาขอรับ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือล้วนเป็นทหารจากกองทัพรุ่ยหลินกับศิษย์จากยอดเขาเทียมเมฆาเช่นกัน แต่ข้าน้อยไม่รู้จักชื่อของพวกเขาขอรับ”
ทันทีที่เสียงของเยี่ยซาจบลง มือของจวินอู๋เสียที่ลูบเจ้าแมวดำตัวน้อยอยู่ก็แข็งทื่อ!
ตอนที่ 482 กองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุด (1)
“กองทัพรุ่ยหลินอย่างนั้นหรือ” ฟ่านจิ่นเงยหน้าขึ้นทันทีและมองไปที่เยี่ยซาด้วยสีหน้าตกตะลึง
“กองทัพรุ่ยหลินคืออะไรอย่างนั้นหรือ” เฉียวฉู่สับสนมึนงงไปหมด ไม่เข้าใจว่าทำไมฟ่านจิ่นถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงเช่นนี้
ฟ่านจิ่นมองไปที่เฉียวฉู่และคนอื่นๆ เมื่อได้พบว่าบนใบหน้าของคนที่เหลือล้วนแสดงอาการสับสนเช่นกัน เขาจึงถามกลับไปอย่างพูดไม่ออกว่า “พวกเจ้าไม่รู้จักกองทัพรุ่ยหลินรึ!”
เฉียวฉู่พยักหน้า
“กองทัพรุ่ยหลินเป็นกองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุดของรัฐชี
รัฐชีมีขนาดพื้นที่เล็กมากไม่พอ ยังมีจำนวนประชากรน้อยมากอีกด้วย
ท่ามกลางขุมอำนาจต่างๆ ที่ห้อมล้อมอยู่โดยรอบ จึงถูกมองว่าเป็นเพียงรัฐเล็กๆ ที่ไร้ความสำคัญเสมอ อย่างไรก็ตามรัฐชีกลับมาสามารถก่อตั้งรัฐขึ้นมาได้อย่างมั่นคงท่ามกลางยุคที่โกลาหลแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้กับกองทัพรุ่ยหลิน! เพราะมีกองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุดนี้ประจำการอยู่ที่ชายแดน หลายๆ รัฐที่มีพรมแดนอยู่ติดกับรัฐชีจึงครั่นคร้ามในกองทัพที่เป็นราวกับปีศาจร้าย ทั้งๆ ที่ทหารในกองทัพรุ่ยหลินว่ากันว่ามีเพียงหนึ่งแสนคนเท่านั้น แต่ทหารทุกคนกลับมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาและมีประสิทธิภาพในการต่อสู้ที่สูงมาก ไม่ว่าพวกเขาจะเจอกับศัตรูที่ยกทัพมาจากรัฐใด มันก็จะทิ้งฝันร้ายให้กับผู้ที่รอดชีวิตกลับไปจากสนามรบนั้นทุกคน” นับตั้งแต่ที่เขาได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับกองทัพรุ่ยหลิน ฟ่านจิ่นชื่นชมในกองทัพรุ่ยหลินนี้เสมอมา
อาจกล่าวได้ว่าภายนอกนั้น ชื่อเสียงของกองทัพรุ่ยหลินโด่งดังกว่าชื่อเสียงของรัฐชีมาก
เคยมีคนพูดกันว่า หากไม่มีกองทัพรุ่ยหลินประจำการอยู่ที่ชายแดน รัฐชีคงถูกแคว้นข้างเคียงบดขยี้ไปนานแล้ว
“มีพลังต่อสู้สูงมากเลยหรือ ระดับของวงแหวนภูติวิญญาณของพวกเขาเป็นภูติวิญญาณระดับสูงทั้งหมดเลยหรือไม่” เฉียวฉู่ถามอย่างสงสัย
ฟ่านจิ่นส่ายหัว
“ทหารของกองทัพรุ่ยหลินทุกคนไม่ได้มีวงแหวนภูติวิญญาณที่ยอดเยี่ยม สิ่งที่ทำให้พวกเขาโด่งดังและได้ชื่อว่าเป็นกองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุด มาจากการที่พวกเขาไม่เคยทิ้งสนามรบเลยสักครั้ง และทุกครั้งที่พวกเขาออกรบ พวกเขาก็จะไล่ล่าศัตรูไปอย่างไม่มีท้อถอยหรือยอมแพ้ ผู้คนร่ำลือกันว่า จิตวิญญาณของทหารกองทัพรุ่ยหลินมีแต่คนที่สู้รบจนตัวตาย แต่จะไม่มีดวงวิญญาณที่ขี้ขลาดตาขาวแม้แต่คนเดียว! ภายในสนามรบ ความแข็งแกร่งของบุคคลนั้นมีจำกัด แตกความสามัคคีจะทำให้กองทัพยิ่งแข็งแกร่งเป็นเท่าทวี และมีเพียงทหารที่ไม่กลัวตายเท่านั้นถึงจะเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างแท้จริง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าในช่วงเริ่มก่อตั้งรัฐชีใหม่ๆ สงครามแรกกับรัฐอื่นที่เปิดฉากขึ้นมา ก็คือกองทัพรุ่ยหลินนี่แหละที่เป็นแนวหน้าออกไปสู้รบ ตอนนั้นกองทัพรุ่ยหลินมีกำลังทหารทั้งสิ้นสามแสนคน แต่หลังจากสิ้นสุดการรบในครั้งนั้น ทหารทั้งหมดกลับเหลือเพียงแปดหมื่นคนเท่านั้น! ทหารมากกว่าสองแสนคน ยืนเผชิญหน้ากับศัตรูของพวกเขาและต่อสู้จนวินาทีสุดท้ายโดยไม่มีใครถอยหลังกลับแม้แต่คนเดียว พวกเขาใช้ร่างกายที่เป็นดั่งเหล็กและโลหิตทุกหยาดหยดปกป้องทุกตารางนิ้วของรัฐชีด้วยลมหายใจของพวกเขา!” ฟ่านจิ่นยิ่งพูดก็ยิ่งคึก น้ำเสียงที่ใช้บรรยายจึงเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเขาได้เห็นการต่อสู้ที่เป็นดั่งโศกนาฏกรรมอันน่าสะพรึงกลัวนี้ด้วยตาของเขาเอง
“แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่ากำลังรบของศัตรูที่ทหารกองทัพรุ่ยหลินทั้งสามแสนคนนั้นเผชิญหน้ามีจำนวนเท่าใด มันคือหนึ่งล้านคน! มีจำนวนมากกว่าสามเท่าของพวกเขาเสียอีก แต่พวกเขากลับไม่ถูกความหวาดกลัวนี้กดดันจนทำให้ต้องล่าถอย ทุกคนยังคงเข้าฟาดฟันกับศัตรูอย่างไม่หวาดหวั่น จิตวิญญาณอันเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งนั้น ทำให้พวกศัตรูพากันหวาดกลัวและยกทัพกลับไป ไม่กล้าเข้าใกล้ชายแดนของรัฐชีอีกเลยแม้เพียงครึ่งก้าว! และพลังที่ยับยั้งทั้งหมดนี้ ก็ถูกแลกมาด้วยจิตวิญญาณและเลือดเนื้อของทหารกองทัพรุยหลินมากกว่าสองแสนคน!”
เฉียวฉู่และคนอื่นๆ เบิกตากว้าง พวกเขาแทบจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสามโลกเบื้องล่างเลย จึงไม่เคยรู้เลยว่าในดินแดนนี้ยังมีรัฐใดหรือว่ากองทัพใดบ้าง พวกเขามัวแต่มุ่งความสนใจไปที่การทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น และออกค้นหาสุสานของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจที่เทียบเท่ากับสิบสองตำหนัก อันเป็นจุดเริ่มต้นในแผนการแก้แค้นของพวกเขา
พวกเขาจึงไม่เคยรู้เลยว่าในดินแดนที่พวกเขากำลังเหยียบย่ำอยู่นี้ ยังมีกลุ่มผู้กล้าเลือดร้อนที่ยอมพลีชีพในสนามรบเพื่อปกป้องรัฐและประชาชนของพวกเขาให้รอดพ้นจากการรุกรานของศัตรู!
กลุ่มชายหนุ่มในวัยคึกคะนอง เมื่อได้ฟังเรื่องเล่าจากฟ่านจิ่น มีผู้ใดบ้างที่จะไม่ได้รับแรงบันดาลใจและรู้สึกชื่นชมในตัวเหล่าวีรบุรุษผู้กล้าหาญเหล่านั้น
ในตอนนั้นเอง แม้จะยังไม่มีใครเคยเห็นหน้าทหารจากกองทัพรุ่ยหลิน แต่ภาพลักษณ์ของพวกเขาในใจกลุ่มคนรุ่นเยาว์เหล่านี้ ก็ได้กลายเป็นกองกำลังที่ดุดันและบ้าคลั่งมากที่สุด พวกเขารู้สึกชื่นชมและนับถือกองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุดในสามโลกเบื้องล่างนี้อย่างสุดหัวใจ
มีเพียงจวินอู๋เสียคนเดียวเท่านั้นที่หลังจากฟังเรื่องราวจากปากของฟ่านจิ่น นางก็หลุบตาลงอย่างเงียบๆ
ทุกคนรู้เพียงแต่ว่ากองทัพรุ่ยหลินนั้นกล้าหาญและทรงพลัง แต่พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่ากองทัพรุ่ยหลินนั้นเป็นกองทัพที่มีอัตราการเสียชีวิตของแม่ทัพนายกองสูงที่สุด เพราะในทุกครั้งของการรบ แม่ทัพของกองทัพรุ่ยหลินมักจะนำกองทัพทหารบุกเข้าโจมตีและวิ่งขึ้นไปเผชิญหน้ากับศตรูในแนวหน้าก่อนเสมอ
รัฐชีเป็นเพียงรัฐเล็กๆ ที่ประชาชนอ่อนแอ พวกเขาจึงไม่สามารถแพ้ได้
เพราะเมื่อไรก็ตามที่พวกเขาแพ้ นั่นหมายความว่ารัฐทั้งรัฐจะถูกทำลายลงทันที!