บทที่ 271 เขาเป็นเพื่อนของข้า!
เมื่อสถานการณ์ด้านซูอันและพวกลูกน้องของซือคุนยังคงสามารถยื้อกันได้ ทุกคนจึงเข้าใจไปโดยปริยายว่ากุญแจแห่งชัยชนะมันตกอยู่ที่การต่อสู้ระหว่างซือคุนและฉู่ชูเหยียน ถ้าซือคุนชนะ ซูอันก็คงพ่ายแพ้เช่นกัน แต่ถ้าฉู่ชูเหยียนชนะ กลุ่มผู้บ่มเพาะระดับสามและสี่เช่นพวกเขาย่อมไม่รอดจากเงื้อมมือนาง…
ทันใดนั้น ซือคุนก็หัวเราะออกมาและพูดว่า “ชูเหยียน…ถ้าเจ้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมข้าคงมีโอกาสแค่เสมอเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในสภาพตอนนี้ เจ้าไม่มีโอกาสเลยแม้แต่น้อย!”
ภายใต้การเสริมพลังของธาตุลม กระบี่ของซือคุนรวดเร็วยิ่งกว่าเดิมจนการโจมตีของเขาไม่ต่างอะไรกับพายุที่กำลังโหมกระหน่ำ
ในทางกลับกัน ฉู่ชูเหยียนเพิกเฉยต่อคำพูดของซือคุน และสร้างกำแพงน้ำแข็งด้านหน้านางเพื่อรับมือกับการโจมตีของซือคุน
พายุกระบี่กระแทกกับกำแพงน้ำแข็งทำให้เกิดเสียงลั่นโครมครามดังกึกก้อง และในไม่ช้า บนพื้นผิวของกำแพงน้ำแข็งก็เริ่มมีรอยร้าวปรากฏให้เห็น
ซือคุนหัวเราะเมื่อเห็นรอยร้าว ส่วนทางด้านฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้วแน่น
ท้ายที่สุดกำแพงน้ำแข็งก็พังทลายและซือคุนก็ผสานร่างของเขาเข้าไปในพายุที่ตัวเองสร้างขึ้น ก่อนจะเคลื่อนที่ไปด้านหน้าบดขยี้ทุกอย่างที่ขวางทางจนราบเป็นหน้ากลอง ไม่มีสิ่งใดขวางทางระหว่างเขากับฉู่ชูเหยียนได้อีกต่อไป
ฉู่ชูเหยียนรู้ว่านางจะต้องเสียเปรียบในการสู้ตรง ๆ กับซือคุน ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะหลอกล่อเขาแทน นางเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ราวกับเทพธิดาหิมะท่ามกลางพายุ
ซูอันเป็นห่วงฉู่ชูเหยียน หลังจากรับรู้อาการบาดเจ็บของนาง เขาจึงคอยจับตาดูนางตลอด ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่านางกำลังถูกพายุของซือคุนกดดันอย่างหนักหน่วง และแม้ว่านางจะยังไม่โดนโจมตีโดยตรง แต่ดูเหมือนว่านางจะทนได้ไม่นานก่อนที่พลังอันท่วมท้นนี้จะเข้าปะทะนาง
อย่างไรก็ตามความฟุ้งซ่านชั่วอึดใจนี้ทำให้เขาพลาดท่าโดนโจมตีไปอีก 2-3 แผล แต่โชคดีที่เขายังสามารถหลบได้ทันเวลาและหลีกเลี่ยงจากการบาดเจ็บสาหัสได้
ฉู่ชูเหยียนเป็นฝ่ายป้องกันในขณะนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะยอมแพ้ในการต่อสู้ ในไม่ช้าโอกาสที่นางรอคอยก็มาถึง จึงได้ส่งเสียงอย่างเย็นชาออกมาว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่สามารถเรียกพายุได้งั้นหรือ?”
หลังจากพูดจบ กระบี่ของนางพลันวาดเป็นแนวโค้งที่สวยงามก่อนที่พายุหิมะจะเริ่มก่อตัวขึ้นรอบตัวนางอย่างรวดเร็วและพุ่งสวนไปทางซือคุน
พายุทั้งสองปะทะกันทำให้เกิดคลื่นกระแทกกวาดกระจายออกไปยังบริเวณโดยรอบ ส่งผลให้ทุกอย่างที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใบหญ้า ก้อนหิน ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ
เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวที่กำลังมุ่งหน้ามายังทิศทางของพวกเขา พวกผู้บ่มเพาะทั้งหกก็รีบถอยกลับอย่างรวดเร็วเพื่อแสวงหาที่กำบัง หนึ่งในผู้บ่มเพาะระดับสามขั้นต้นที่ไม่สามารถหนีได้ทันเวลา เขาจบลงด้วยการถูกเศษน้ำแข็งที่บินปลิวจำนวนมากเจาะทะลุร่างจนพรุนอย่างน่าสยดสยอง
ซูอันรู้สึกตกใจ ความแข็งแกร่งที่ครอบครองโดยผู้บ่มเพาะระดับ 5 นั้นอยู่ไกลเกินวิธีการรับมือในปัจจุบันของเขา ดูเหมือนว่าชัยชนะเหนือ หยวนเหวินตง ส่วนใหญ่เป็นเพราะความช่วยเหลือของแป้นพิมพ์ไม่ใช่มาจากความสามารถของเขาเลย!
ในขณะเดียวกัน ฉู่ชูเหยียนและซือคุนซึ่งยืนอยู่ใจกลางพายุ เงาของพวกเขากะพริบไป ๆ มา ๆ ด้วยกำลังแลกกระบี่ใส่กันอย่างรุนแรง
เมื่อพายุลมปะทะพายุหิมะได้สักพักและไปถึงจุดที่ทุกอย่างภายใต้รัศมี 6 จั้ง ของรอบตัวฉู่ชูเหยียนพลันเปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนทุ่งหิมะ เช่นเดียวกับผม แขนขา และผิวกายของซือคุนที่ก็ถูกเคลือบด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ
แม้แต่เขายังตกตะลึงกับผลลัพธ์นี้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้จึงถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถมากที่สุดของเมืองจันทร์กระจ่าง …เพราะแม้ว่านางจะบาดเจ็บ แต่เขาก็ยังเสียเปรียบในการปะทะกันโดยตรง!
“เจ้าจะยืนโง่ อยู่เฉย ๆ ตรงนั้นอีกนานไหม!? มาช่วยข้าสิโว้ย!” ซือคุน ตะโกนลั่นไปที่เฉียวเสวี่ยอิงอย่างโมโห
เมื่อถึงจุดนี้ เขาไม่สนใจภาพลักษณ์หรือศักดิ์ศรีอีกต่อไป ถ้าฉู่ชูเหยียน และซูอันมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้ ทั้งเขาและตระกูลซือทั้งหมดคงถูกคนหัวเราะเยาะ!
เฉียวเสวี่ยอิงยังคงรู้สึกขัดแย้งกันอย่างลึกซึ้ง นางไม่ต้องการที่จะทำอะไรฉู่ชูเหยียน แต่นางก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของนายน้อยได้เช่นกัน นางกัดริมฝีปาก และตัดสินใจที่จะพุ่งเข้าหาซูอันแทน
นายน้อยไม่ได้สั่งว่านางควรจะโจมตีใคร ดังนั้นมันก็คงไม่เป็นอะไรหากนางเลือกที่จะจัดการกับคนที่นางเกลียดชัง
ซูอันเดาะลิ้น…นี่นางไม่สำนึกเลยใช่มั้ย?
เมื่อมีผู้บ่มเพาะระดับห้าเข้าร่วมการต่อสู้ ความกดดันต่อซูอันก็เพิ่มมากขึ้นทันที แต่น่าประหลาดใจ มันอาจเป็นเพราะเฉียวเสวี่ยอิงออมมือหรืออาจเป็นเพราะการประสานงานระหว่างนางกับผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ไม่ดีมากพอ เขากลับพบว่าตัวเองยังพอต้านทานกลุ่มที่ทรงพลังเช่นนี้ได้
ในทางกลับกัน ซือคุนขมวดคิ้วเมื่อเห็นการกระทำของนาง เห็นได้ชัดว่าเขาบอกเฉียวเสวี่ยอิงให้ช่วยเขา แต่นางกลับเลือกที่จะโจมตีซูอันแทนนางยังคงรู้สึกผูกพันกับตระกูลฉู่ใช่ไหม?
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เวลามาหาคำตอบจากคำถามนี้ เขาต้องมุ่งความสนใจไปที่การจัดการกับฉู่ชูเหยียน หากคนอื่น ๆ จัดการกับซูอันลงได้อย่างรวดเร็ว เขาเองก็จะสบายขึ้นด้วยเพราะคนอื่น ๆ สามารถมารวมตัวกับเขาเพื่อช่วยกันจัดการกับฉู่ชูเหยียนภายหลังทีเดียวได้
ฉู่ชูเหยียนสังเกตเห็นสถานการณ์ทางด้านซูอันที่ย่ำแย่เช่นกัน ซูอันอยู่ในตำแหน่งที่ลำบากอย่างยิ่งยวด ไม่เพียงแต่เขาจะต้องเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะห้าคนพร้อม ๆ กัน ตอนนี้ชายหนุ่มยังต้องเผชิญกับเสวี่ยเอ๋อร์ ซึ่งมันยิ่งทำให้สภาพของเขาแย่ลงไปอีก
ในช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วน จู่ ๆ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างผิดปกติ จากนั้นนางก็กระอักเลือดที่เต็มไปด้วยเศษน้ำแข็งออกมาคำโต!
…สิ่งนี้ทำให้พลังของนางอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
ซือคุนรู้สึกยินดีที่ได้เห็นภาพนี้ ดูเหมือนว่าในที่สุดอาการบาดเจ็บของนางก็แสดงผลแล้ว หึหึ ไม่มีทางที่ข้าจะแพ้แน่นอน!
เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงกดดันฉู่ชูเหยียนให้มากกว่าเดิม
ซูอันสังเกตเห็นความผิดปกติของฉู่ชูเหยียนอย่างรวดเร็ว และเมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ของตัวเขาเองที่ลำบากสุดขีดเช่นกัน มันก็เป็นเรื่องของเวลาก่อนที่ว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะพ่ายแพ้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงหายใจเข้าลึก ๆ และตะโกนออกมาดัง ๆ “เดี๋ยวก่อน! ข้าเป็นเพื่อนกับนายน้อยของพวกเจ้า!”
เฉียวเสวี่ยอิงกลอกตา เจ้าเนี่ยนะเป็นเพื่อนกับนายน้อย? ถุย! ทำไมเจ้าไม่บอกว่าข้ารักเจ้าแทน? นั่นจะน่าเชื่อถือกว่านี้มาก!
ลูกน้องของซือคุนทั้งหลายต่างยักไหล่เมื่อได้ยินคำพูดของซูอัน และโจมตีต่อ แต่โดยไม่คาดคิด ซือคุนกลับตะโกนกลับว่า “เดี๋ยวก่อน! เขาเป็นเพื่อนของข้าจริงๆ!”
ทุกคนหันไปมองซือคุนด้วยความประหลาดใจทันทีเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้น
“ห๊ะ???” เฉียวเสวี่ยอิง
“ห๊ะ???” ลูกน้องของซือคุน
เฉียวเสวี่ยอิงเริ่มสงสัยว่านายน้อยเสียสติไปแล้วหรือไม่ อยู่ ๆ เขาจะเป็นเพื่อนกับซูอันได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!
ฉู่ชูเหยียนก็ตกตะลึงอย่างยิ่งเช่นกัน สมองของซือคุนมีปัญหาจริง ๆ ใช่ไหม?
แต่คนที่ตกตะลึงที่สุดคือไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซือคุน เขารู้สึกเหมือนกับว่าจิตใจของเขาอ่อนเหลวเป็นข้าวต้ม มันมีความรู้สึกที่ขัดแย้งกันสองอย่างเกิดขึ้นในหัวของเขา เขายังสงสัยว่าตัวเองบ้าไปแล้วหรือเปล่า?
ในขณะเดียวกัน ซูอันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ เขาตัดสินใจใช้ทักษะ ‘เป็นมิตรกับเศรษฐี’!
ทักษะนี้ใช้เงินของข้าโดยวิธีใดงั้นเหรอ? เงินของข้าหายไปอย่างลึกลับหรืออะไร? ที่สำคัญข้าต้องพกเงินติดตัวไว้ด้วยรึเปล่า หรือต้องใช้เฉพาะกับเงินที่เป็นของข้าเท่านั้น
ให้ตายสิ! ข้าเสีย 100,000 ตำลึงเงินไปแบบนั้น! แม้แต่ดอกไม้ไฟเมื่อจุดแล้วก็มีแสงสว่างก่อนดับลง แต่เงิน 100,000 ตำลึงเงินของข้าหายไปโดยไม่มีแม้แต่เสียงตดด้วยซ้ำ!
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะโกรธมาก แต่ซูอันก็ยังบังคับตัวเองให้ยิ้ม พร้อมกับเดินเข้าไปหาซือคุนและอ้าแขนกว้างราวกับว่าเตรียมที่จะโอบกอด “เอ่อ…เพื่อน! ข้าขอโทษอย่างสุดซึ้งสำหรับความเข้าใจผิดระหว่างเราก่อนหน้านี้!”
เฉียวเสวี่ยอิงมองไปที่ซูอันราวกับว่าเขาเป็นคนปัญญาอ่อน เจ้าจะกอดนายน้อย? ฮึ่ม! คอยดูเถอะเจ้าโดนฟันแขนขาดแน่!
ฉู่ชูเหยียนรู้สึกใจเต้นอย่างประหม่า นางเดินตามหลังสามีในนามของนางไปอย่างเงียบ ๆ โดยตั้งตารอจะช่วยซูอันในกรณีที่ซือคุนคิดจะทำอะไรไม่คาดฝัน
อย่างไรก็ตามภาพที่ทุกคนไม่อยากจะเชื่อก็ปรากฏขึ้นแก่สายตา ซือคุนอ้าแขนกว้างเช่นกันเพื่อให้ ซูอันเข้ามาสวมกอดและตอบกลับว่า “เพื่อนของข้า ข้าไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับข้า โปรดยกโทษให้ข้าสำหรับความโง่เขลาก่อนหน้านี้ของข้าด้วย!”