ตอนที่ 91-1 ขอความช่วยเหลือ

เมื่อท่านหมอเข้ามาในตําหนักของฮูหยินใหญ่พร้อมกับแม่นมตูที่มีความหวาดกลัวเข้าครอบงําทันใดนั้นสาวใช้ผู้นี้ก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นด้วยความตื่นตระหนกที่ได้เห็นภาพตรงหน้า

ขณะที่ท่านหมอเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องยาและตรงเข้าไปจับชีพจรของฮูหยินใหญ่ จากนั้นการแสดงออกของเขาก็บ่งบอกถึงความกังวลใจอย่างหนัก จนหลี่หมินเฟิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า

“ท่านหมอ! ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง?!”

ท่านหมอมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

“เอ่อ…คือ..”

“รีบบอกมาว่าอาการของท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง?” หลี่หมินเพิ่งเริ่มหงุดหงิด

“เดิมที่หัวหินใหญ่ป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดาแต่ตอนนี้นางมีความรู้สึกตกใจมากจนถึงขั้นกระอักเลือดเนื่องจากความเครียดสะสมส่งผลให้หัวใจทํางานผิดปกติและหากไม่รีบรักษา…ข้าเกรงว่า…”

สีหน้าของหลี่หมินเพิ่งเปลี่ยนไปในทันทีหลังจากได้ยินคําวินิจฉัยของท่านหมอ เนื่องจากปกติแล้วฮูหยินใหญ่มีสุขภาพดีมาก แต่ครั้งนี้กลับพบว่านางป่วยเป็นโรคหัวใจ

“ข้าจะสั่งยาบํารุงหัวใจให้และควรให้นางพักผ่อนมาก ๆ อีกทั้งมิควรให้นางรับทราบเรื่องที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายใจ” ท่านหมอส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวอีกว่า

“มิฉะนั้นแม้แต่พระผู้เป็นเจ้าก็มิสามารถช่วยนางได้”

เมื่อท่านหมอจากไปพร้อมกับสาวใช้ที่เดินไปส่งแม่นมตูก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาพร้อมกับกล่าวว่า

“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคุณหนูสามที่ทําให้ฮูหยินโกรธมาก”

หลี่หมินเฟิงกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น

“นังเด็กบ้านั่นกําลังฉวยโอกาสทําร้ายท่านแม่อย่างเห็นได้ชัด!”

ที่เขาคิดเช่นนั้นเป็นเพราะปกติแล้วหลเว่ยหยางไม่เคยมาตําหนักนี้ แต่นางกลับมาเยี่ยมฮูหยินใหญ่ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าผู้หญิงคนนี้มีเจตนาร้ายแอบแฝง

ตอนนี้สีหน้าของหลี่หมินเฟิงเต็มไปด้วยความโกรธขณะกล่าวว่า

“ข้าจะไปบอกให้ท่านพ่อจัดการนังตัวแสบเดี๋ยวนี้!”

“หยุด!! ใบหน้าของฮูหยินใหญ่ซีดเผือดแต่ก็ยังคงพยายามร้องตะโกนว่า

“อย่าให้ผู้อื่นล่วงรู้ถึงอาการป่วยของข้าเด็ดขาด! เจ้าได้ยินหรือไม่?!”

หลี่หมินเฟิงจ้องมองไปยังมารดาด้วยอาการตกตะลึงทันที ส่วนแม่นมตูนั้นกลัวว่าตนเองจะเผลอกล่าวอะไรไปมากกว่านี้จึงรีบก้าวเดินออกไปจากห้องเป็นการด่วนจากนั้นฮูหยินใหญ่ได้ถอนหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนที่จะกล่าวว่า

“ไปเตรียมรถม้า! ข้าจะออกเดินทางหลังจากพักผ่อนสักสองชั่วโมง”

“ท่านแม่! แต่ท่านหมอบอกให้ท่านพักผ่อน!”

“หุบปาก! เจ้าต้องการให้ข้านิ่งดูดายและทนดูน้องสาวของเจ้าต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้หรือ?”

ขณะนี้ความโกรธของฮูหยินใหญ่พุ่งสูงขึ้นด้วยความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจอีกครั้ง

ในช่วงบ่ายอันสดใส นกแก้วสีเขียวอมเหลืองกําลังบินวนเวียนรอบตัวและมาเกาะที่หัวไหล่ของดีเว่ยหยางทําให้เด็กสาวอารมณ์ดีและรีบหยิบกระดาษออกมาจากกรงเล็บของนกตัวนั้นเพื่อเปิดอ่าน

ไปจ่อเอ่ยถามว่า

“คุณหนู…นี่มันคืออะไร?”

หลี่เว่ยหยางตอบอย่างแผ่วเบาว่า

“จ้าวน่านส่งข้อความมาแจ้งว่า ฮูหยินใหญ่ได้ออกเดินทางไปพร้อมกับรถม้าเมื่อครู่นี้”

ไปจ่อรู้สึกแปลกใจ

“ฮูหยินใหญ่ยังป่วยอยู่มิใช่หรือ?!”

หลี่เว่ยหยางยิ้มมุมปากพร้อมกับมีประกายแวววาวปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง

“ข้าคิดว่านางกําลังไปขอความช่วยเหลือจากใครบางคน”

ไปจ่อเอ่ยถามอีกว่า

“คุณหนูกําลังจะบอกว่านางกําลังไปบ้านตระกูลเจียง แต่ตอนนี้ท่านแม่ทัพใหญ่กับบุตรชายมิได้อยู่ในเมืองหลวง ดังนั้นน้ำไกลจึงไม่สามารถดับไฟไกลได้อย่างแน่นอน!”

“ไปจอ..ตอนนี้เจ้าฉลาดมากขึ้นแล้ว..”

สาวใช้หน้าแดงก่ําด้วยความอายและอดไม่ได้ที่จะตอบกลับว่า

“เป็นเพราะบ่าวติดตามคุณหนู จึงสามารถซึมซับสิ่งเหล่านี้ได้”

เมื่อได้ยินคํากล่าวของสาวใช้ หลี่เว่ยหยางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจก่อนที่จะกล่าวว่า

“ถึงแม้ว่าท่านแม่ทัพเจียงจะไม่อยู่ที่นั่นแต่ก็ยังมีฮูหยินเจียงและบรรดานางบําเรออีกหลายคน ดังนั้นฮูหยินใหญ่น่าจะไปขอความช่วยเหลือจากพวกนาง”

ไปจ่อเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงว่า

“ถ้าอย่างนั้น…หากฮูหยินเจียงมาที่นี่”

ตอนนี้หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างมีลับลมคมในแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา

หากนางคาดเดาถูก แม้ว่าฮูหยินเจียงจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือแต่สวรรค์ได้กําหนดเอาไว้แล้วว่าผู้หญิงใหญ่จะต้องเป็นฝ่ายผิดหวัง…

ในยามพลบค่ําเมื่อฮูหยินใหญ่เดินทางกลับมาจากบ้านตระกูลเจียง แม่นมตูมก็พยุงร่างของนายหญิงลงมาจากรถม้าจากนั้นฮูหยินใหญ่จึงเห็นว่าหลี่เว่ยหยางกําลังรอการกลับมาของตนเองอยู่ที่บริเวณประตูทางเข้าที่พํานักด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

แม้จะพยายามบอกกับตนเองว่าอย่าแสดงความโกรธแค้นออกมาให้เด็กสาวเห็น แต่ฮูหยินใหญ่ก็ไม่สามารถเก็บงําความคับแค้นใจที่ฝังแน่นอยู่ในความรู้สึกของตนเองได้

เมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่แสนจะอ่อนหวานของเด็กสาว ฮูหยินใหญ่ก็ยิ่งโกรธแค้นมากขึ้นไปอีกและหากสามารถโยนร่างของเด็กสาวผู้นี้ออกไปได้นางก็คงจะทําไปนานแล้วแต่น่าเสียดายที่นางทําได้เพียงคิดเท่านั้น

เนื่องจากตอนนี้บุตรสาวของหยินเหนียงผู้ต้อยต่ําได้กลายเป็นถึงเซียนจูแห่งอันผิงผู้ยิ่งใหญ่ไปเสียแล้ อีกทั้งนางยังเป็นผู้ที่ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิและอัครมเหสีอีกด้วย!

เมื่อนึกย้อนกลับมาถึงบุตรสาวอันเป็นที่รักซึ่งตนเองเฝ้าเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม มิหนําซ้ํานางยังมีความงดงามราวกับนางฟ้าซึ่งในภายหน้านางจะต้องมีอนาคตที่สวยสดงดงามอย่างแน่นอนแต่เหตุใดเหตุการณ์มันถึงได้ผกผันเช่นนี้!

ฮูหยินใหญ่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะกลั้นใจกล่าวออกมาว่า

“เจ้ามีธุระอันใดกับข้าหรือเปล่า?”

หลี่เว่ยหยางไม่ตอบแต่กลับเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อตรวจสอบเวลาด้วยท่าทางเฉยเมยทําให้ฮูหยินใหญ่กัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง จากนั้นเด็กสาวได้กล่าวว่า

“ท่านแม่กลับมาแล้วหรือ? พอดีท่านท่านย่ากลัวว่าเว่ยหยางจะเบื่อที่อยู่แต่ในบ้าน ดังนั้นจึงอนุญาตให้ข้ากับหมินเต่อไปเที่ยวงานเทศกาลโคมไฟ” เด็กสาวยิ้มมุมปากก่อนที่จะกล่าวอีกว่า

“ท่านแม่ต้องการไปกับพวกเราหรือไม่?”

โดยไม่รีรอคําตอบเด็กสาวก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า

“โอ้! ข้าลืมไปว่าท่านแม่ไม่สบาย ดังนั้นคงไม่สามารถออกไปตากลมในยามค่ําคืนได้…ช่างน่าเสียดายจริง ๆ

ขณะนี้สีหน้าของหลี่เว่ยหยางเผยให้เห็นความเสียใจแต่ในหัวใจของฮูหยินใหญ่กลับกําลังเดือดดาลด้วยความโกรธแค้น