ตอนที่ 245 เปิดเผย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 245 เปิดเผย
เมื่อลงจากรถม้าองค์รัชทายาทก็มองเห็นไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อที่ไปสักการะศพบิดาของตัวเองกลับมาพอดี เขาพยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียนจากที่ไกลๆ จากนั้นหันไปเชิญเหยียนอ๋องและองค์หญิงซีเหลียงเข้าไปในที่พักยิ้มๆ

ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อส่งม้าให้คนดูแลม้าของที่พัก ขณะจะเดินเข้าไปด้านใน หญิงสาวเห็นหลิ่วหรูซื่อทำความเคารพแม่ทัพจางตวนรุ่ยพลางเดินเข้าไปด้านใน นางจึงยกมือกันไป๋จิ่นจื้อเพื่อเปิดทางให้หลิ่วหรูซื่อเดินเข้าไปก่อน

หลิ่วหรูซื่อเห็นดังนั้นไม่เพียงแต่ไม่ขอบคุณไป๋ชิงเหยียน แต่กลับแสยะยิ้มออกมาพลางสะบัดชายเสื้อเดินเข้าไปด้านใน แสดงท่าทีว่าไม่ต้องการสนทนากับไป๋ชิงเหยียนแม้แต้น้อย

แม่ทัพจางตวนรุ่ยตะลึงงัน เดิมทีเขานึกว่าตอนที่เจรจาสงบศึกกันในกระโจมใหญ่ ไป๋ชิงเหยียนและหลิ่วหรูซื่อเข้ากันได้อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย หลิ่วหรูซื่อคงลดอคติที่มีต่อไป๋ชิงเหยียนแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าคนผู้นี้จะเป็นบัณฑิตที่ดื้อด้านถึงเพียงนี้

ไป๋จิ่นจื้อโกรธหลิ่วหรูซื่อมาก “เจ้า…”

ไม่รอให้ไป๋จิ่นจื้อกล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนรีบจับมือของไป๋จิ่นจื้อที่ชี้ไปยังหลิ่วหรูซื่อเอาไว้เสียก่อน สื่อให้ไป๋จิ่นจื้อมองเข้าไปในที่พัก

ภายในที่พัก หลี่จือเจี๋ยซึ่งได้รับบาดเจ็บยืนอยู่ที่ด้านบน มองมาที่ประตูทางเข้าด้วยใบหน้ายิ้มๆ นัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นอ่านความรู้สึกไม่ออก

ถึงแม้ภายในของต้าจิ้นจะขัดแย้งกันเพียงใด แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้ซีเหลียงหัวเราะเยาะได้ ไป๋จิ่นจื้อเข้าใจเหตุผลนี้ดี

“แม่ทัพไป๋!” แม่ทัพจางตวนรุ่ยเข้าไปคารวะไป๋ชิงเหยียน “ตอนที่ใต้เท้าหลิ่วอยู่ในเมืองหลวงก็ขึ้นชื่อเรื่องนิสัยเสียแล้ว แม่ทัพไป๋โปรดอย่าได้ถือสาเขาเลยนะขอรับ”

“เป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่งเท่านั้น จะวางมาดอันใดนักหนา! หากไม่ใช่เพราะพี่หญิงใหญ่และแม่ทัพทุกคนรบชนะ เขาจะมีโอกาสได้มาวางมาดอยู่ที่นี่หรืออย่างไร ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณจริงๆ” ไป๋จิ่นจื้อมองตามแผ่นหลังของหลิ่วหรูซื่อพลางบ่นให้แม่ทัพจางตวนรุ่ยฟังเบาๆ

“บัณฑิตส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้น คุณหนูสี่ได้โปรดเข้าใจพวกเขาเถิดขอรับ!” แม่ทัพจางตวนรุ่ยพยายามไกล่เกลี่ย “แม่ทัพไป๋ คุณหนูสี่ เชิญขอรับ…”

แม้ไป๋จิ่นจื้อจะไม่พอใจ ทว่า เมื่อนึกได้ว่าพรุ่งนี้จะได้ไปพบกับพี่ชายเก้าที่อำเภอเฟิง นางจึงยอมข่มความโกรธในครั้งนี้เอาไว้ก่อน

องค์รัชทายาทยังไม่ได้พักผ่อน ไป๋ชิงเหยียนจึงถือโอกาสนี้บอกกับองค์รัชทายาทว่าพรุ่งนี้นางจะไปสักการะศพของไป๋ชิงหมิงที่อำเภอเฟิง องค์รัชทายาทพยักหน้าอนุญาต กำชับไป๋ชิงเหยียนว่าเมื่อสักการะเสร็จให้รีบกลับมารวมตัวกับขบวนโดยเร็วที่สุด “มีเจ้าอยู่ เราถึงจะสบายใจ”

ไป๋ชิงเหยียนออกมาจากห้องหนังสือขององค์รัชทายาท เห็นฉินซ่างจื้อยืนอยู่ไม่ห่างออกไปนัก เขากำลังยืนเอามือไขว้หลังมองมาที่นาง

คราวที่แล้วที่นางขอศพของทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลต่งคืนจากหลี่จือเจี๋ย แม้องค์รัชทายาทและฟางเหล่าจะไม่ติดใจอันใด ทว่า ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าด้วยสติปัญญาของฉินซ่างจื้อ เขาต้องจับพิรุธได้แล้วอย่างแน่นอน

แม้ฉินซ่างจื้อจะเคยเขียนจดหมายเตือนนาง ทว่า ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นที่ปรึกษาขององค์รัชทายาท เขาจะทำเพื่อนางโดยไม่คำนึงถึงองค์รัชทายาทได้อย่างไรกัน

ไป๋ชิงเหยียนและฉินซ่างจื้อยืนอยู่บนเนินเขาด้านหลังที่พัก ฉินซ่างจื้อหันไปมองไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “ข้าลอบส่งคนไปสำรวจกองไฟข้างแม่น้ำจิงในคืนนั้น ในกองไฟไม่มีขี้เถ้ากระดูกที่ถูกเผา ดังนั้นทหารหน่วยกล้าตายที่เหยียนอ๋องนำมาล้วนเป็นคนของคุณหนูใหญ่ใช่หรือไม่ขอรับ”

แม้ฉินซ่างจื้อจะรู้จักกับไป๋ชิงเหยียนได้ไม่นาน ทว่า เขารู้ดีว่าหญิงสาวมีสติปัญญาที่ล้ำเลิศเหนือผู้ใด อีกทั้งยังรักพวกพ้องมากอีกด้วย

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนไม่ตอบ ฉินซ่างจื้อกล่าวต่อ “ข้าติดค้างบุญคุณที่คุณหนูใหญ่ไป๋เคยช่วยชีวิตข้าไว้ ดังนั้นครั้งนี้ข้าเลยพยายามปกป้องชีวิตของคุณหนูใหญ่อย่างสุดชีวิต! ทว่า ในฐานะที่ปรึกษาขององค์รัชทายาท ข้าไม่อาจทนเห็นคุณหนูใหญ่หลอกปั่นหัวองค์รัชทายาทเช่นนี้ได้!”

กล่าวจบ ฉินซ่างจื้อโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน จากนั้นหมุนตัวกลับเตรียมนำเรื่องนี้ไปบอกให้องค์รัชทายาททราบ

“ฉินเซียนเซิง…” ไป๋ชิงเหยียนเรียกฉินซ่างจื้ออย่างไม่รีบร้อน “ทหารหน่วยกล้าตายเหล่านั้นเป็นคนของข้าจริงๆ”

ฉินซ่างจื้อหันกลับไปมองไป๋ชิงเหยียน แววตาวาวโรจน์ “เพราะเหตุใดกัน! ลอบส่งคนไปสังหารเหยียนอ๋องโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของทหารค่ายหู่อิงและทหารหน่วยกล้าตายเหล่านั้นเพราะต้องการทำลายสัญญาสงบศึกระหว่างซีเหลียงกับต้าจิ้นอย่างนั้นหรือ! ต้องการใช้ข้ออ้างในการทำสงครามลอบสั่งสมกำลังทหารอย่างนั้นหรือ! ข้าเคยคิดว่าคุณหนูใหญ่ไป๋เป็นคนที่รักแผ่นดินและซื่อสัตย์เช่นเดียวกับเจิ้นกั๋วอ๋อง ท่านต้องการอำนาจมากจนยอมให้ชาวบ้านต้องเผชิญกับสงครามอีกอย่างนั้นหรือ”

“น้องชายเก้าของข้าอยู่ที่ชิวซานกวน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวออกมาอย่างช้าๆ

โทสะของฉินซ่างจื้อราวกับโดนน้ำเย็นสาดใส่ สลายไปในทันที เขาตะลึงไปชั่วครู่จากนั้นถามออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “น้องชายเก้า? คุณชายเก้าของตระกูลไป๋อย่างนั้นหรือ”

ท่ามกลางดวงดาวที่พร่างพราวอยู่เต็มท้องฟ้า ลมยามค่ำคืนพัดผ้าผูกผมสีแดงที่หญิงสาวใช้มัดผม

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงเบาหวิว “น้องชายเก้าของข้าคือคนที่ลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิแห่งซีเหลียง เขาโดนหลี่จือเจี๋ยจับได้และถูกพามาที่ชิวซานกวนอย่างลับๆ ข้ารอให้หลี่จือเจี๋ยใช้น้องชายเก้าของข้าเป็นข้อต่อรองในการเจรจาสงบศึกในครั้งนี้ ทว่า ซีเหลียงยินยอมแบ่งดินแดน ชดใช้ค่าเสียหาย ไม่ว่าต้าจิ้นจะยื่นข้อเสียที่เสียเปรียบเพียงใด ซีเหลียงก็ไม่ยอมแพร่งพรายเรื่องของน้องชายเก้าออกมา ท่านฉินคิดว่าข้าจะยอมปล่อยให้น้องชายของข้าถูกซีเหลียงทรมานหรืออย่างไรกัน”

ตระกูลไป๋ยังมีบุรุษรอดชีวิตอยู่อีกหรือ ฉินซ่างจื้อถามเสียงเบาหวิว “คุณชายเก้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าน้อยๆ

ฉินซ่างจื้อกำมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น “เรื่องนี้ห้ามให้ฝ่าบาททรงทราบเป็นอันขาด ที่ฝ่าบาททรงปล่อยให้ตระกูลไป๋มีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะว่าต่อให้คุณหนูใหญ่จะเก่งกาจสักเพียงใดก็เป็นเพียงสตรีเท่านั้น หากฝ่าบาททรงทราบว่าตระกูลไป๋ยังมีบุรุษเหลือรอดอยู่ สามารถสืบทอดตำแหน่งของตระกูลไป๋ได้ เกรงว่า…”

“ฉินเซียนเซิงยังเข้าใจความจริงในเรื่องนี้ ข้าย่อมเข้าใจเช่นเดียวกัน” ไป๋ชิงเหยียนมองฉินซ่างจื้อ “ดังนั้นหวังว่าท่านจะเห็นแก่บุญคุณที่ตระกูลไป๋เคยช่วยชีวิตท่านไว้ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้เถิดเจ้าค่ะ”

“ข้าเป็นที่ปรึกษาของ…องค์รัชทายาท” ฉินซ่างจื้อกล่าวคำสุดท้ายออกมาด้วยเสียงที่เบาหวิว “ที่สำคัญ หากข้าไม่กล่าว ฟางเหล่าและเริ่นซื่อเจี๋ยที่อยู่ข้างกายขององค์รัชทายาทก็ไม่ใช่คนธรรมดา แม้ตอนนี้พวกเขายังมองไม่ออก แต่อีกไม่นานพวกเขาต้องมองออกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเริ่นซื่อเจี๋ย ข้าได้ยินว่าตอนที่เขาเดินทางล่วงหน้าไปเตรียมของขวัญวันคล้ายวันประสูติให้ฝ่าบาท เขาเคยหยุดพักที่แม่น้ำจิง…”

“ข้าแค่ต้องการให้ฉินเซียนเซิงช่วยปิดบังเรื่องที่น้องชายเก้ายังมีชีวิตอยู่ บัดนี้ท่านเป็นที่ปรึกษาขององค์รัชทายาท ย่อมต้องทำเพื่อองค์รัชทายาท ท่านสามารถไปบอกองค์รัชทายาทตอนนี้ได้เลยว่าทหารหน่วยกล้าตายเหล่านั้นคือคนของข้า และสามารถทูลพระองค์ได้ตามตรงว่าทหารเหล่านั้นถูกข้าฝังอยู่ริมแม่น้ำจิง ไม่ได้ถูกเผาแต่อย่างใด!” ไป๋ชิงเหยียนโค้งคำนับให้ฉินซ่างจื้อ “ข้าขอบพระคุณที่ท่านเคยเขียนจดหมายมาเตือนข้า ขอบพระคุณที่ท่านยอมให้น้องชายเก้ามีชีวิตอยู่ต่อไปเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ใช่ไม่เคยคิดอยากจะเอ่ยปากชวนให้ฉินซ่างจื้อมาร่วมต่อสู้ฟันฝ่าเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับตน ทว่า บัดนี้นางยังไม่ได้ครอบครองตำแหน่งที่สูงส่งนั่น จะกล้าเชิญเขามาได้อย่างไรกัน

สมองของฉินซ่างจื้อเป็นประกายแวบหนึ่งจากนั้นก็หายไป เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียน “เหตุใดท่านจึงให้ข้าไปบอกองค์รัชทายาทด้วย”

ด้วยสติปัญญาของไป๋ชิงเหยียน นางกล้าให้เขาไปบอกองค์รัชทายาทตามตรง แสดงว่านางไม่เกรงกลัวและมีแผนรับมือกับเรื่องนี้แล้ว

“เพื่อที่จะได้รับความเชื่อใจจากองค์รัชทายาท!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างเปิดเผย

“ในเมื่ออยากได้ความเชื่อใจ เหตุใดท่านจึงไม่สารภาพเรื่องนี้กับองค์รัชทายาทไปตามตรง” ฉินซ่างจื้อกล่าวจบก็เม้มปากทันที หากองค์รัชทายาททราบว่าคุณชายเก้าของตระกูลไป๋ยังมีชีวิตอยู่ที่ชิวซานกวน ฝ่าบาทย่อมต้องทราบเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

เขาติดตามองค์รัชทายาทมาระยะหนึ่งแล้ว เขามองออกแล้วว่าองค์รัชทายาทผู้นี้…เกรงกลัวจักรพรรดิองค์ปัจจุบันมากเพียงใด ถือว่าเป็นบุตรที่ดีคนหนึ่งก็แล้วกัน