ตอนที่ 246 ฆ่า
ทว่า นอกจากรัชทายาทแล้ว เขาจะเข้าข้างผู้ใดได้ดี

“โอรสของฝ่าบาท เหลียงอ๋องอำมหิต ซิ่นอ๋องโหดร้าย มีเพียงรัชทายาทเท่านั้น…ถึงแม้พระองค์จะไม่มีความสามารถ ทว่า เขาอ่อนโยนกว่าคนอื่นๆ แต่รัชทายาทคล้ายฝ่าบาทมากเกินไป…ทรงเป็นคนขี้หวาดระแวง ดังนั้นหากต้องการสนับสนุนองค์รัชทายาท ก่อนอื่นต้องทำให้รัชทายาทเชื่อใจให้ได้! เช่นเดียวกับฟางเหล่า รัชทายาทเชื่อใจฟางเหล่า ดังนั้นจึงฟังเขาไปเสียทุกเรื่อง รัชทายาทยังไม่ได้เชื่อใจฉินเซียนเซิงเต็มร้อย ดังนั้นพระองค์จึงไตร่ตรองแผนการที่ฉินเซียนเซิงเสนอนานสักหน่อย”

คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนจี้แทงใจดำของฉินซ่างจื้อ เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ฉินซ่างจื้อรู้สึกอึดอัดใจมาก

“รัชทายาทใช้ข้าแต่ก็ระแวงข้ามาตั้งแต่ต้นแล้ว หากอยากได้ความเชื่อใจของรัชทายาท ต้องพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งให้ได้เพื่อเพิ่มความเชื่อใจของรัชทายาท”

ไป๋ชิงเหยียนเห็นฉินซ่างจื้อขมวดคิ้ว จึงกล่าวยิ้มๆ “ฉินเซียนเซิงเป็นวิญญูชน ย่อมไม่ใช้วิธีเจ้าเล่ห์เช่นนี้อยู่แล้ว ทว่า ไป๋ชิงเหยียนเป็นสตรี ที่สำคัญ ตระกูลไป๋กำลังตกอยู่ในอันตราย ในเมื่อต้องการปกป้องคนในตระกูลและสานต่อปณิธานของท่านปู่ ข้าจำต้องทำเช่นนี้ หวังว่าฉินเซียนเซิงจะเข้าใจเจ้าค่ะ”

ฉินซ่างจื้อรู้สถานการณ์ของตระกูลไป๋ดี ตระกูลไป๋อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ด้วยความสามารถของไป๋ชิงเหยียน ฉินซ่างจื้อก็รู้สึกนับถือมากแล้ว

ฉินซ่างจื้อเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง

ต้องยอมรับว่าหากไป๋ชิงเหยียนอยากจะสนับสนุนรัชทายาท หญิงสาวต้องการความเชื่อใจของรัชทายาทยิ่งกว่าเขาเสียอีก เนื่องจากนางคือคนของตระกูลไป๋

ฉินซ่างจื้อนึกถึงถ้อยคำที่ไป๋ชิงเหยียนเคยกล่าวเชิญชวนให้เขาร่วมปกป้องแคว้นต้าจิ้นไปพร้อมกับนาง ปณิธานของสตรีผู้นี้ยิ่งใหญ่พอๆ กับเจิ้นกั๋วอ๋องที่เสียชีวิตไปแล้ว

ช่างเถิด…ไม่ว่าจะเป็นความเจ้าเล่ห์หรือแผนการใดๆ หญิงสาวล้วนทำไปเพื่อสนับสนุนผู้ครอบครองบัลลังก์ของแคว้นต้าจิ้นคนต่อไป ขอแค่ไม่ทำลายผลประโยชน์ของแคว้น เหตุใดจะทำไม่ได้กัน

ฉินซ่างจื้อเองก็ไม่อยากเห็นคนมีความสามารถอย่างไป๋ชิงเหยียนถูกฟางเหล่าขัดแข้งขัดขาขณะเสนอแผนการให้รัชทายาทเช่นเดียวกัน

ฉินซ่างจื้ออดจินตนาการถึงอนาคตไม่ได้ หากวันหนึ่ง ไป๋ชิงเหยียนได้ควบคุมอำนาจทางกองทัพเพื่อรับใช้จักรพรรดิแห่งต้าจิ้น ส่วนเขาช่วยวางแผนให้จักรพรรดิแห่งต้าจิ้น เขาคิดว่าตอนนั้น…ต้าจิ้นต้องกลายเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งเหนือผู้ใด ได้ครอบครองใต้หล้านี้แน่นอน

เมื่อไป๋ชิงเหยียนกลับไปถึงห้องพัก จี้หลางหวากำลังขยี้ตาของตัวเอง มืออีกข้างถือกล่องยายืนรอทำแผลให้นางอยู่ที่หน้าประตูห้อง เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนกลับมา จี้หลางหวารีบเข้าไปทำความเคารพ

“เสี่ยวไป๋ไซว่…”

“ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด พรุ่งนี้ค่อยมาทำแผลให้ข้าก็ได้”

ไป๋ชิงเหยียนปฏิบัติต่อสตรีที่ไป๋ชิงหมิงเคยช่วยชีวิตไว้ผู้นี้แตกต่างไปจากผู้อื่น

“เรื่องของวันนี้ต้องทำให้เสร็จในวันนี้เจ้าค่ะ! ทำแผลให้ท่านแล้วข้าจึงจะนอนหลับได้อย่างสบายใจเจ้าค่ะ”

จี้หลางหวากล่าวอย่างถ่อมตัวและนอบน้อม เดินตามไป๋ชิงเหยียนเข้าไปด้านใน ล้างมือเตรียมทำแผลให้หญิงสาว

เมื่อพันแผลให้ไป๋ชิงเหยียนเสร็จเรียบร้อย จี้หลางหวาได้ยินเสียงท้องของไป๋ชิงเหยียนร้องเบาๆ

เมื่อกลับมาถึง ไป๋ชิงเหยียนไปหารัชทายาททันที นางยังไม่มีเวลารับประทานอาหารเลย

จี้หลางหวาล้างมือจนสะอาด จากนั้นถือกล่องยาเดินจากไป ไม่นาน หญิงสาวเคาะประตูห้องของไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง

ถาดอาหารสีดำที่จี้หลางหวาถือมามีบะหมี่สองชามวางอยู่ หญิงสาวยืนอยู่หน้าประตูพลางทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

“ข้ายืมโรงครัวของที่พักทำบะหมี่ผักมาให้เสี่ยวไป๋ไซว่กับคุณหนูสี่เจ้าค่ะ”

จี้หลางหวาทราบเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อไปสักการะศพของรองแม่ทัพใหญ่ของกองทัพไป๋

บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อกำลังไว้ทุกข์อยู่ จี้หลางหวาจึงทำบะหมี่ผักมาให้

ด้านบนของบะหมี่มีไข่ฟองหนึ่งวางอยู่ จี้หลางหวาหั่นผักดองออกเป็นเส้นๆ โรยหน้าบะหมี่ จากนั้นโรยน้ำมันงาเล็กน้อย กลิ่นเปรี้ยวเผ็ดลอยปะทะจมูก ทำให้คนอยากอาหารขึ้นมาก

“ขอบคุณมาก! เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งรับถาดอาหารมากจากจี้หลางหวาก็ไป๋จิ่นจื้อเดินถือถุงขนมสองถุงเข้ามาพอดี

สองพี่น้องรับประทานบะหมี่ผักจนหมด รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งร่าง ไป๋จิ่นจื้อดื่มน้ำแกงในถ้วยจดหมดเกลี้ยง เอ่ยชมว่าอร่อยมาก ไป๋จิ่นจื้อเอ่ยถาม “พวกเราจะออกเดินทางเวลาใดเจ้าคะ”

“ก่อนฟ้าสว่าง” ไป๋ชิงเหยียนลูบศีรษะของไป๋จิ่นจื้อ ไป๋จิ่นจื้อติดตามนางมาออกรบในช่วงหลายเดือนมานี้ ใบหน้าจิ้มลิ้มของน้องสาวคล้ำและซูบลงไม่น้อย หญิงสาวอดสงสารไม่ได้

“พรุ่งนี้จะได้พบพี่ชายเก้าแล้ว! พี่หญิงใหญ่ ข้าดีใจมากเลยเจ้าค่ะ” สองมือของไป๋จิ่นจื้อยังประคองชามบะหมี่อยู่ ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ทว่า นางรู้สึกมีความสุขจากใจจริง “หวังว่าพี่ชายเก้าจะปลอดภัย…”

ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงขาทั้งสองข้างของไป๋ชิงอวิ๋นที่ผิดรูปไปแล้ว ดวงตาของหญิงสาวขรึมลง “นอนเถิด!”

หวังว่าหมอหงจะมีวิธีรักษาขาของเสี่ยวจิ่วให้หายดี เสี่ยวจิ่วเป็นคนทระนงในศักดิ์ศรีถึงเพียงนั้น หากไม่มีขา นางกลัวว่าเสี่ยวจิ่วจะรับไม่ได้ นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดนางต้องไปพบเสี่ยวจิ่วก่อนเดินทางกลับเมืองหลวง

วันรุ่งขึ้น ฟ้ายังไม่ทันสว่าง ดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงระยิบระยับ พระจันทร์ยังคงอยู่บนท้องฟ้า

จี้หลางหวาที่แบกย่ามเตรียมขึ้นรถม้าจากไปเห็นไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อขึ้นไปบนหลังม้า หญิงสาวมองตามแผ่นหลังของไป๋ชิงเหยียน จู๋ๆ ก็นึกถึงแม่ทัพไป๋ชิงหมิงขึ้นมา นางรู้ว่าพวกเขาจะไปสักการะศพของไป๋ชิงหมิงที่อำเภอเฟิง ดวงตาของหญิงสาวแดงก่ำ ทำความเคารพจากนั้นก้าวขึ้นไปบนรถม้า

ฉินซ่างจื้อยืนอยู่ริมหน้าต่าง เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อออกเดินทางแล้ว เขาจึงหันกลับไปมองรัชทายาทที่กำลังเสวยอาหารเช้าอยู่พลางกล่าว

“องค์ชาย…คุณหนูใหญ่ไป๋และคุณหนูสี่ออกเดินทางแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทใช้ผ้าเช็ดริมฝีปาก แววตาเยือกเย็น “ให้จางตวนรุ่ยนำคนติดตามไปด้วยตัวเอง นำกำลังคนไปมากหน่อย! หากนางเพียงแค่ไปสักการะญาติ เมื่อนางกลับมาให้มาพบเรา ทว่า หากนางไม่ได้ไปอำเภอเฟิง หรือไปทำสิ่งอื่นนอกเหนือจากการสักการะศพ หรือลอบไปพบผู้ใด ให้เขาจับกลับมาทันที บอกว่าเป็นคำสั่งของเรา หากนางขัดขืน…ฆ่า! ฉินเซียนเซิงเป็นคนรอบคอบ ครั้งนี้ท่านทำได้ดีมาก ต่อไปคงต้องรบกวนฉินเซียนเซิงคอยเป็นหูเป็นตาให้เราด้วย!”

ฉินซ่างจื้อเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ นึกถึงคำกล่าวที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเมื่อคืนก่อนจากไป นางกล่าวว่าหากเขาไม่ไปหานาง ก่อนนางเดินทางไปอำเภอเฟิงก็จะมาหาเขาอยู่ดี!

บัดนี้เขาหวังเพียงว่าไป๋ชิงเหยียนจะเตรียมแผนรับมือไว้แล้วจริงๆ

แม้ไป๋ชิงเหยียนจะไม่ได้กล่าวออกมาตรงๆ ทว่า เมื่อคืนนางไม่ให้เขาปิดบังเรื่องนี้กับรัชทายาท แสดงว่านางรู้ดีว่ารัชทายาทต้องมีการเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน วันนี้นางบอกว่าจะเดินทางไปสักการะศพของไป๋ชิงหมิงที่อำเภอเฟิง รัชทายาทให้คนติดตามนางไปถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

หลังจากรู้สึกกังวลใจ ฉินซ่างจื้อขบกรามแน่น เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอันใดกันแน่ ทั้งๆ ที่เขาเป็นที่ปรึกษาของรัชทายาท เหตุใดต้องเป็นห่วงไป๋ชิงเหยียนด้วย

สิ่งที่รัชทายาทเกลียดที่สุดก็คือการถูกหลอกปั่นหัว หากรัชทายาททราบว่าทหารหน่วยกล้าตายเหล่านั้นเป็นคนของไป๋ชิงเหยียน หากเหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยแห่งซีเหลียงถูกไป๋ชิงเหยียนทำร้ายจริงๆ…

รัชทายาทปวดขมับเป็นอย่างมาก ไป๋ชิงเหยียนทำไปเพราะเหตุใดกันแน่นะ

เขาไม่กล้าเรียกฟางเหล่ามาปรึกษา เขากล่าวอย่างมั่นใจต่อหน้าฟางเหล่าว่าเขาทำให้ไป๋ชิงเหยียนยอมสวามิภักดิ์เขาแล้ว…

ฟางเหล่าก็ช่างเลอะเลือนนัก เขาเชื่อว่าไป๋ชิงเหยียนยอมสวามิภักดิ์ต่ออำนาจบารมีของรัชทายาทอย่างเขาจริงๆ

“หากทหารหน่วยกล้าตายเหล่านั้นคือคนของไป๋ชิงเหยียน เจ้าว่านางทำเช่นนี้เพราะเหตุใดกัน หากนางทำไปเพื่อต้องการใช้สงครามเป็นข้ออ้างในการสั่งสมกองทัพไป๋ เหตุใดนางต้องคืนตราทัพให้เราด้วย…”

น้ำเสียงของรัชทายาทชะงักไป เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น