ตอนที่ 247 ใจเมตตา

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 247 ใจเมตตา
องค์รัชทายาทเดือดดาลจนถึงขีดสุด แสยะยิ้มออกมา น้ำเสียงดังขึ้นตามอารมณ์ “เราลืมไป สั่งการกองทัพไป๋ นางไม่จำเป็นต้องใช้ตราทัพด้วยซ้ำ! แค่นางออกคำสั่ง ทุกคนในกองทัพไป๋ก็พร้อมทำตามนางอยู่แล้ว”

ไม่นานน้ำเสียงสั่นเทาของเฉวียนอวี๋ก็ดังมาจากด้านนอก “องค์ชาย คนที่องค์ชายสั่งให้ขี่ม้าเร็วไปยังโยวหวาเต้าเมื่อคืนกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

“ให้เขาเข้ามา” องค์รัชทายาทยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าบึ้งตึง

ไม่นานองครักษ์ที่แต่งกายด้วยชุดธรรมดาสองคนเดินเข้ามาด้านใน พวกเขาทำความเคารพองค์รัชทายาทจากนั้นกล่าวขึ้น “องค์ชาย เมื่อวานข้าได้รับคำสั่งให้ไปที่โยวหวาเต้า ยังไม่ทันไปถึงแม่น้ำจิงก็บังเอิญเจอกับคนส่งสารที่เตรียมนำจดหมายมามอบให้องค์ชายเสียก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

คนส่งสารคุกเข่าลงบนพื้นพลางกล่าวรายงาน “องค์ชาย ใต้เท้าหลู่ให้กระหม่อมมารายงานองค์ชายว่าเซียวรั่วเจียงที่พักรักษาตัวอยู่ที่โยวหวาเต้าหายตัวไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

สีหน้าขององค์รัชทายาทย่ำแย่ลงกว่าเดิม ความรู้สึกถูกหลอกปั่นหัวรุนแรงยิ่งกว่าเดิม “ดี ช่างดีจริงๆ !”เขาถวายฎีกาให้เสด็จพ่อเพื่อรับประกันแทนไป๋ชิงเหยียน กล่าวว่าเขาควบคุมไป๋ชิงเหยียนได้ แถมยังทูลขอให้เสด็จพ่อแต่งตั้งนางเป็นองค์หญิงอีกด้วย!

เขาขายหน้าไปถึงเสด็จพ่อ หากเสด็จพ่อทรงทราบเรื่องนี้ เขาต้องโดนด่าอย่างแน่นอน!

องค์รัชทายาทปัดถ้วยชามที่วางอยู่บนโต๊ะจนล้มระเนระนาด ชามกระเบื้องเคลือบลวดลายงดงามแตกเป็นชิ้นๆ ขันทีที่อยู่นอกห้องต่างคุกเข่าลงบนพื้นอย่างหวาดกลัว

“องค์รัชทายาท ระวังเหยียนอ๋องแห่งซีเหลียงได้ยินพ่ะย่ะค่ะ! เราควรรอให้แม่ทัพไป๋กลับมาเสียก่อน องค์ชายค่อยสอบถามนางด้วยตัวเอง ให้นางอธิบายให้องค์ชายเข้าใจ! หากอธิบายไม่ได้ พระองค์ค่อยลงโทษนางก็ยังไม่สายพ่ะย่ะค่ะ! อย่างไรเสียเรื่องนี้ล้วนเป็นการคาดเดาของพวกเราเอง บางทีที่แม่ทัพไป๋ไม่เผาศพของทหารเหล่านั้นอาจเป็นเพราะเห็นใจที่เขาเป็นคนต้าจิ้นเช่นเดียวกันก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“คนที่เผาทหารยอมจำนนนับแสนทั้งเป็น เจ้ากล่าวกับเราว่านางมีใจเมตตาอย่างนั้นหรือ” องค์รัชทายาทลุกขึ้นยืน เขวี้ยงผ้าเช็ดหน้าในมือลงบนโต๊ะสีดำอย่างแรง

ฉินซ่างจื้อตะลึงไปครู่หนึ่ง “องค์ชาย สงครามภูเขาเวิ่ง ฝ่ายเรามีจำนวนน้อยกว่าศัตรูมาก หากไม่สังหารทหารเหล่านั้น แต่ปล่อยเขากลับไปซีเหลียง ต้าจิ้นจะได้รับชัยชนะอย่างทุกวันนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย พระองค์เป็นคนนำทัพมาออกรบในครั้งนี้ด้วยพระองค์เอง พระองค์รู้ดีกว่าผู้ใดว่าสงครามครั้งนี้อันตรายมากเพียงใด ตรัสเช่นนี้จะทำให้แม่ทัพไป๋ผิดหวังได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”

“แม่ทัพที่ไม่จงรักภักดีต่อเรา เราต้องกลัวว่านางจะผิดหวังด้วยหรือ!” องค์รัชทายาทรู้สึกราวกับได้ยินเรื่องน่าขันที่สุดในใต้หล้า คงเป็นเพราะโมโหถึงขีดสุด เขากำหมัดแน่น ในแววตานอกจากความโกรธแล้วยังมีความเสียดายอยู่ด้วย เขาเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นเอ่ยขึ้น “ไปเรียกแม่ทัพจางตวนรุ่ยมา! เราจะไปตามไป๋ชิงเหยียนด้วยตัวเอง เราจะไปดูให้เห็นกับตาว่านางต้องการทำสิ่งใดกันแน่!”

ฉินซ่างจื้อมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ “องค์ชายหมายความว่าวันนี้กองทัพจะหยุดอยู่ที่เทียนเหมินกวนต่อหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“กองทัพเคลื่อนขบวนต่อไปตามปกติ ให้แม่ทัพจางตวนรุ่ยพาคนไปมากหน่อย!” องค์รัชทายาทกล่าว

“องค์ชาย ทำเช่นนี้ไม่ปลอดภัยนะพ่ะย่ะค่ะ” ฉินซ่างจื้อไม่อาจปล่อยให้องค์รัชทายาทไปเสี่ยงอันตรายได้

“ผู้ใดจะกล้าทำอันตรายเราในแผ่นดินของต้าจิ้นอีกหรืออย่างไร” องค์รัชทายาทมีสีหน้าหนักแน่น

ฉินซ่างจื้อมองดูใบหน้าขององค์รัชทายาทที่เต็มไปด้วยความโกรธ รู้ดีว่าองค์รัชทายาทกำลังโมโห โน้มน้าวไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด เขาได้แต่มองไปนอกหน้าต่างอย่างเป็นกังวล…

อำเภอเฟิงถูกไฟเผาและกำลังชำระล้างเมืองใหม่เช่นเดียวกัน สถานการณ์ของที่นี่ไม่ได้ดีไปกว่าเมืองเฟิ่งสักเท่าใดนัก ทว่า ยังดีที่ขวัญกำลังใจของชาวบ้านในอำเภอเฟิงยังดีอยู่ แม้กระทั่งเด็กเล็กยังเข้าร่วมการช่วยซ่อมแซมบ้านเรือน แม้จะทำงานหนักไม่ได้ แต่ก็ช่วยนำน้ำไปมอบให้บรรดาผู้ใหญ่

ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อถอดชุดเกราะแล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายของบุรุษธรรมดาเพื่อความสะดวก

ทว่า การที่ทั้งสองคนขี่ม้าเข้ามาในเมืองก็ดึงดูดสายตาของชาวบ้านในเมืองได้มากแล้ว

แม่ทัพที่คุ้มกันเมืองทราบว่าเสี่ยวไป๋ไซว่ของกองทัพไป๋เดินทางมาที่นี่เพื่อสักการะศพของพี่น้อง เขาจึงรีบเรียกแม่ทัพใหญ่ที่คุ้มกันอำเภอเฟิงมา แม่ทัพคุ้มกันแซ่โจว เขานอบน้อมต่อไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อมาก เดิมทีเขาต้องการไปสักการะศพเป็นเพื่อนหญิงสาว ทว่า เมื่อได้ยินว่าทั้งสองคนเผากระดาษที่นอกเมืองเรียบร้อยแล้ว แม่ทัพโจวจึงเชิญทั้งสองคนไปทานอาหารที่จวนของเขา

ขณะที่ไป๋ชิงเหยียนกำลังปฏิเสธคำเชิญของแม่ทัพโจว จู่ๆ นางก็หันไปเห็นจี้หลางหวากำลังลงมาจากรถม้าพอดี หญิงสาวจึงกล่าวขึ้น “แม่นางจี้ผู้นั้นเดินทางไปยังด่านหน้าเพื่อช่วยรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บ นางลำบากมาก ต่อไปรบกวนท่านช่วยดูแลนางให้ดีด้วย!”

แม่ทัพโจวเป็นคนฉลาด เขารีบรับปากทันที

ไป๋ชิงเหยียนเห็นจี้หลางหวาที่ลงมาจากรถม้าเรียบร้อยแล้วหันมาทำความเคารพนาง หญิงสาวพยักหน้าให้น้อยๆ หลังจากนั้นก็สังเกตเห็นว่ามีคนแต่งชุดชาวบ้านธรรมดาลอบติดตามพวกนางเข้ามาในเมืองตลอดทาง

ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดคารวะแม่ทัพโจว “ข้าอยากสำรวจดูอำเภอเฟิงสักหน่อย แม่ทัพโจวมีงานต้องทำอีกมากมาย ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อข้าหรอก!”

แม่ทัพโจวพยักหน้ารัว “ขอรับๆ”

ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อเดินเข้าไปในโรงเหล้าแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างซบเซา ทั้งสองเดินตามเด็กรับใช้ไปยังห้องรับรองที่ชั้นสอง ไป๋จิ่นจื้อให้เงินเด็กรับใช้ไปหนึ่งเหรียญ ให้เด็กรับใช้นำอาหารที่ดีที่สุดของที่นี่มาให้ แถมยังกำชับว่าให้เร็วหน่อย พวกนางทานเสร็จต้องรีบเดินทางต่อ

เมื่อประตูห้องรับรองปิดลง ใจของไป๋จิ่นจื้อเต้นรัว สาวเท้าเดินไปยังหน้าต่างอย่างรวดเร็ว กวาดสายตามองไปยังกระโจมน้ำชาที่อยู่ติดกับประตูทางเข้าเมือง “พี่หญิงใหญ่ มีคนลอบติดตามพวกเรามาจริงๆ ด้วยเจ้าค่ะ พวกนั้นมาถึงอำเภอเฟิงก่อนพวกเราเสียอีก! เมื่อครู่พวกเขานั่งอยู่ด้านล่าง พอพวกเราเข้ามาในโรงเหล้าแห่งนี้ พวกเขาก็ตามเข้ามาเช่นกัน ด้านหลังยังมีคน…”

ไป๋ชิงเหยียนรินน้ำชาให้ไป๋จิ่นจื้อ “เสี่ยวซื่อ มาดื่มชาเร็ว”

ไป๋จิ่นจื้อที่ฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อเดินกลับไปหยุดอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ องค์รัชทายาทส่งคนตามเรามาเช่นนี้ เราจะได้พบพี่ชายเก้าหรือเจ้าคะ ขาของพี่ชายเก้า…หากถูกจับได้จะทำเช่นไรเจ้าคะ”

ไป๋จิ่นจื้อกลัวว่าไป๋ชิงอวิ๋นจะเคลื่อนไหวไม่สะดวก หากถูกองค์รัชทายาทจับได้คาหนังคาเขา พี่ชายเก้าต้องตายแน่นอน

“อย่ากลัว!” ไป๋ชิงเหยียนมองไป๋จิ่นจื้อที่กำลังตื่นเต้นจากนั้นยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เอื้อมมือทัดปอยผมไปที่ใบหูของน้องสาว “ไม่มีอันตรายหรอก เจ้าจงเชื่อใจพี่ พี่ไม่มีวันปล่อยให้พวกเจ้าตกอยู่ในอันตรายแน่นอน!”

ตอนที่ไปสักการะท่านพ่อที่เมืองเฟิ่ง ไป๋ชิงเหยียนได้พบกับเซียวรั่วไห่ครู่หนึ่ง อันตรายที่ไป๋ชิงเหยียนกล้าเสี่ยง นางย่อมมั่นใจว่านางสามารถควบคุมมันได้

ฉินซ่างจื้ออดทนไม่มาหานางอยู่หลายวัน คงเป็นเพราะยังไม่แน่ใจว่านางพาทหารค่ายหู่อิงสละทหารหน่วยกล้าตายเหล่านั้นไปทำสิ่งใดที่ชิวซานกวน คนฉลาดมักหยิ่งผยอง เขาคงอยากคิดให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาคุยกับนาง

ทว่า ผ่านไปหลายวันแล้ว ฉินซ่างจื้อคงทนไม่ไหวอีกต่อไป แต่ต่อให้เขาทนไหว นางก็จะเป็นฝ่ายไปหาเขาก่อนเดินทางมายังอำเภอเฟิงอยู่ดี

ตั้งแต่กลับมาเกิดใหม่จนถึงบัดนี้ แม้ไป๋ชิงเหยียนจะปกป้องตระกูลไป๋ได้เป็นการชั่วคราว แม้จะเอาชนะอวิ๋นพั่วสิงแห่งซีเหลียงได้ ทว่า นางไม่เคยคลายกังวลเพราะสิ่งเหล่านี้ นางพยายามเตือนตัวเองให้มีสติและรอบคอบอยู่ตลอดเวลา

ความแค้นคือไฟที่สุมอยู่ในใจโดยที่ยังไม่มอดดับ ปณิธานของท่านปู่คือน้ำมันร้อนในใจ คอยย้ำเตือนนางอยู่ตลอดเวลา…ว่านางต้องใช้โอกาสที่ได้กลับมาเกิดใหม่ครั้งนี้ให้คุ้มค่าที่สุด อย่าทำผิดต่อสวรรค์ที่เมตตาให้โอกาสนางอีกครั้ง นางต้องรอบคอบ ระมัดระวังตัว ห้ามเสี่ยงอันตราย และห้ามประมาทเด็ดขาด

นางไม่อาจปล่อยให้ครอบครัวที่นางยอมแลกแม้กระทั่งชีวิตเพื่อปกป้องตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด…

คงเป็นเพราะน้ำเสียงที่อบอุ่นอ่อนโยนของพี่หญิงใหญ่ทำให้คนคลายกังวล ไป๋จิ่นจื้อที่เดิมทีเหงื่อเต็มฝ่ามือจึงค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลงได้