บทที่ 272 หญิงสาวที่เข้าไปในห้องอาบน้ำ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 272 หญิงสาวที่เข้าไปในห้องอาบน้ำ

จากนั้นไม่นาน

ก็ไม่มีอาวุธลับใดโผล่มาอีก ผู้คนจึงค่อยๆได้สติกลับคืนมา แต่ละคนกลับไปยังที่นั่งของตนอย่างเงียบๆ

สุดท้ายคนที่เปิดปากพูดคือไทเฮา เสียงนิ่งสงบมีเมตตาของนางค่อยๆส่งผ่านออกมา

“ดูสิ พวกเจ้าทั้งขุนนางกับบ่าวรับใช้ แต่ละคนทำตัวประสาอะไร”

ไทเฮาพูดจบ

ผู้คนต่างคุกเข่าลงเป็นแถว แต่ละคนต่างรับผิดอย่างวิตกกังวล

ตอนนี้เอง

ไทเฮามองไปยังฮ่องเต้ ชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก“ฮ่องเต้ เทพธิดาช่วยชีวิตฮ่องเต้ไว้ถือเป็นความดีความชอบ ต้องตอบแทน”

สายตาของเหล่าผู้คนที่อับอายต่างมองไปยังร่างของเทพธิดา เมื่อเห็นอาวุธลับบนมือนาง ต่างก็รู้สึกกลัวขึ้นมา

เป็นเทพธิดาที่ช่วยฮ่องเต้ไว้

ไม่คิดว่าวรยุทธ์ของเทพธิดาจะร้ายกาจเพียงนี้

“อะแฮ่ม”

ฮ่องเต้จัดการกับชุดมังกรที่ดูยุ่งเหยิงอยู่หน่อยๆ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างแข็งขัน

“ไทเฮาพูดได้ถูกต้อง ข้าจะตกรางวัล และเป็นรางวัลใหญ่ด้วย ข้าจะมอบฉายาเทพธิดาหู้กั๋วให้กับเทพธิดา ตำแหน่งเทียบเท่าองค์หญิง……”(หู้กั๋ว หมายความว่าคุ้มชาติ/ปกป้องประเทศ)

จากนั้นก็ตกรางวัลอื่นๆทั้งสร้อยแหวนเงินทองของมีค่ามากมาย ผ้าแพรผ้าไหมชั้นดีและจวนอาศัย

ชั่วพริบตา ทุกคนต่างอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้

หลานเยาเยาไม่ได้ปฏิเสธ และก็ไม่ได้พยักหน้าเห็นด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้ คนอื่นก็คิดว่านางยอมรับโดยปริยาย

ต่อมาเป็นรางมอบรางวัลการแข่งขันล่าสัตว์ในครั้งนี้ให้กับผู้เข้าร่วมแข่งขัน แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดก็ต้องเป็นสามอันดับแรก

อ๋องเย่ที่ได้รับชัยชนะที่หนึ่งพร้อมกับหลานเยาเยานั้นไม่อยู่ แต่ฮ่องเต้ก็ให้คนส่งของรางวัลไปให้ยังจวนอ๋องเย่ด้วย

เพียงแต่การมอบรางวัลยังไม่ทันสิ้นสุด ท้องฟ้าก็มีเมฆครึ้ม มีลมกระโชกแรง เหมือนว่าฝนห่าใหญ่กำลังจะมา

ฮ่องเต้ประกาศรางวัลอย่างรวบรัดแล้วก็สิ้นสุดอย่างรวดเร็ว และยังบอกอีกว่าหลังกลับไปยังวังหลวงแล้ว จะให้คนเอารางวัลไปส่งให้ถึงจวนของแต่ละคน

จากนั้นก่อนที่ฝนจะเทกระหน่ำลงมา

เขาและไทเฮา รวมถึงเหล่านางสนมทั้งหลายต่างก็ขึ้นรถม้า รีบจากไปทันที

ฮ่องเต้และไทเฮาต่างก็ไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นๆจะยังคงอยู่ที่นี่ต่อไป

เพราะฉะนั้น

คนในสนามม้าก็ทยอยกันกลับไป

ตอนนี้เอง มีองครักษ์นายหนึ่งร่างกายกำยำ ใบหน้าขาวผ่องเดินมาอย่างรีบร้อน คุกเข่าลงกับพื้นให้นาง คารวะอย่างนอบน้อม

“ถวายคำนับเทพธิดา”

หลานเยาเยาที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเอ่ยเบาๆว่า “อืม”หนึ่งเสียง ยกน้ำชาที่ยังคงอุ่นอยู่ขึ้นมา

ฉับพลัน

ฝนเม็ดหนึ่งได้หยดลงในน้ำชา เกิดเป็นคลื่นหลายชั้น นางจึงว่างน้ำชาลงไปบนโต๊ะอีกครั้ง

“ฝนกำลังจะตกแล้ว ฮ่องเต้ให้หม่อมฉันมาดูแลส่งเทพธิดากลับไป รถม้าได้เตรียมพร้อมแล้ว เชิญเทพธิดาไปพักผ่อนบนรถม้า อย่าตากฝน และรับลมหนาวเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ต้อง”

“เช่นนั้นกระหม่อมขอ……”กางร่มให้

เพียงแต่คำพูดขององครักษ์คนนั้นยังไม่ทันได้พูดจบ ก็มองเห็นเงาดำสายหนึ่งลอยมา เขาคิดว่าเป็นนักฆ่า กำลังเตรียมจะชักดาบตรงเอวออกมา เพื่อปกป้องเทพธิดา

จึงพบว่าเป็นเงาดำคนนั้น ที่เป็นองครักษ์สวมหน้ากากที่อยู่ข้างกายเทพธิดา จึงรีบเก็บดาบทันที จื่อซีมาถึงข้างกายหลานเยาเยา กางร่มอันใหญ่ให้นาง

“คุณหนู รถม้ามาแล้ว”

ได้ยินดังนี้

“ไปเถอะ”

หลานเยาเยาพยักหน้า จากนั้นลุกขึ้น จากไปพร้อมกับจื่อซี

แต่เดินไปได้ไม่ไกล หลายเยาเยาก็หยุดเท้าลง หมุนตัวหันกลับไปมองยังโหลวเย่วที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้เดิม

อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

วันนี้โหลวเย่วมาพร้อมกับเย่แจ๋หยิ่ง รถม้าของเย่แจ๋หยิ่งตกลงไปในเหวแล้ว และตัวเย่แจ๋หยิ่งเองก็จากไปตั้งนานแล้ว ฮ่องเต้และไทเฮาก็ไม่ได้คิดถึงนาง

ตอนนี้ทุกคนที่อยู่ในสนามม้า

บ้างขี่ม้า บ้างนั่งรถม้า

มีเพียงนางเท่านั้น โหลวเย่ว เป็นถึงองค์หญิง ไม่มีม้า ไม่มีรถม้า และก็ไม่มีคนคิดจะจัดการหารถม้าให้ เพื่อส่งนางกลับจวนอ๋องเย่

นางเหมือนมนุษย์ล่องหน

ไม่มีคนสนใจว่าจะมีนางอยู่หรือไม่

ฉะนั้น

หลานเยาเยาชี้ไปที่โหลวเย่ว พูดกับองครักษ์ที่ฮ่องเต้จัดส่งมา

“เจ้าคุ้มครองส่งนางกลับจวน”

“……พ่ะย่ะค่ะ เทพธิดา ”องครักษ์อึ้งไปเล็กน้อย

จากนั้นก็รีบตอบรับคำสั่ง เชิญพระราชธิดาจาวหยางขึ้นรถม้าอย่างนอบน้อม

หลังจากโหลวเย่วจากไปแล้ว หลานเยาเยายังคงยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้ลมแรงพัดผมปลิวสะบัด มองรถม้าที่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งห่างออกไป

ใบหน้างดงามของนางมีรอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้น

ก็ได้

มีเพียงโหลวเย่วเท่านั้นที่ดีต่อนางอย่างไม่มีอื่นใดแอบแฝง

“คุณหนู กลับจวนเถอะ”จื่อซีเอ่ยขึ้นพอดี

“ไม่กลับจวน ”เห็นจื่อซีประหลาดใจเล็กน้อย นางยิ้มบางๆ “ไปอีกสถานที่หนึ่ง ไปให้จื่อเฟิงสะบัดคนที่ถูกส่งมาทิ้งให้หมด”

“ขอรับ”

จื่อซีเอาร่มคันใหญ่ยื่นให้กับนาง แล้วก็ตากฝนจากไป

……

จวนอ๋องเย่

เย่แจ๋หยิ่งกำลังอาบน้ำอยู่ในสระที่เต็มไปด้วยไอน้ำ เขาหลับตาพักผ่อน พิงกับขอบสระ คนที่ไม่เข้าใจเขา คงคิดว่าเขาหลับไปแล้ว

ตอนนี้เอง

หญิงสาวคนหนึ่งแต่งตัวสวยสง่า ค่อยๆเปิดประตูเข้ามา

บนร่างของนางคลุมด้วยผ้าลูกไม้ผืนบาง เผยทรวดทรงองเอวอันงดงาม และผ้าปิดหน้าอกที่แสนจะดึงดูดสายตาให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัย

เอวเล็กอรชรอ้อนแอ้น ประสานเข้ากันกับสะโพกที่ส่ายไปมา ทำให้เสน่ห์ของนางยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนถึงขีดสุด

ผู้หญิงคนนั้นไม่สวมรองเท้า แต่เดินเท้าเปล่า ในมือถือตะเกียงที่จุดจันทน์เทศเอาไว้ ค่อยๆเดินไปทางเย่แจ๋หยิ่ง

เย่แจ๋หยิ่งเป็นบุรุษที่คนไม่น้อยต่างถวิลหา

มีหญิงสาวไม่น้อยที่คิดหาทุกหนทาง เพื่อที่จะปีนขึ้นไปนอนบนเตียงของเขา

แต่ว่า……

มีคนมากมายที่แม้แต่ประตูจวนอ๋องเย่ยังเข้าไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้เห็นใบหน้าดุจเทพจากฟ้าของเขาเลย

แต่นาง

ไม่เพียงแต่จะเข้าประตูจวนอ๋องเย่ได้ ยังอาศัยอยู่ในจวนอ๋องเย่ด้วย

พระชายาของอ๋องเย่ได้เสียชีวิตไปสามปีแล้ว ในสามปีนี้ ท่านอ๋องไม่ได้สานต่อเรื่องราว ไม่รับชายา และไม่มีนางบำเรอ

แม้ว่าท่านอ๋องจะเป็นเทพสงคราม ทุกคนต่างบูชา ฮ่องเต้ยังเกรงขาม

แต่ยังไงเขาก็เป็นบุรุษ

เป็นบุรุษก็ต้องมีอารมณ์ความรู้สึกความปรารถนาแบบปุถุชนทั่วไป

บุรุษที่เคยลิ้มลองรสของอิสตรี อดทนมานานถึงสามปี หรือแท้จริงแล้วจะไม่คิดอะไรกับหญิงสาวเลยหรือ นางไม่เชื่อ

โบราณว่าไว้ เก๋งใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อน วันนี้นางจะใช้ทุกกระบวนท่ามารยา ขึ้นไปบนเตียงของท่านอ๋อง เพื่อให้ท่านอ๋องเอ็นดู

“ใคร”

เย่แจ๋หยิ่งที่หลับตาอยู่ ลืมตาเย็นชาคู่นั้นขึ้นมา แววตามีคลื่นเย็นยะเยือกเป็นระลอก สามารถแช่แข็งได้หมื่นลี้

“ข้าน้อยมารับใช้อาบน้ำให้ท่าน”

เสียงของหญิงสาวอ่อนโยนนุ่มนวล น่าฟังเสียจนทำให้รู้สึกชาไปจนถึงกระดูก

ได้ยินเช่นนี้

เย่แจ๋หยิ่งขมวดคิ้วมุ่น ในตามีแววรังเกียจวาบผ่านไป

“ใครให้เจ้าบังอาจนัก”

เขาเคยออกคำสั่งไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าใกล้สระอาบน้ำของเขา

“ท่านอ๋อง……”

หญิงคนนั้นก็เรียกขึ้นอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง

“ไสหัวออกไป”

“ไม่นะเพคะ ท่านอ๋อง ข้าน้อยถวิลหาท่านเช้าค่ำ คิดถึงทุกค่ำคืน ข้าน้อยรู้ตัวดีว่าเทียบกับพระชายาไม่ได้ แต่ยินยอมจะทำหน้าที่รับใช้ท่านอ๋องแทนพระชายา ข้าน้อยไม่หวังตำแหน่งอะไร ขอแค่ท่านอ๋องอย่าไล่ข้าน้อยไปก็พอ ”

หญิงสาวกลั้นหายใจ กำตะเกียงไว้แน่น เดินไปข้างหน้าอย่างบังอาจ

อีกทั้งยังแกล้งทำผ้าลูกไม้ผืนบางนั้นร่วงหล่น เผยรูปร่างอันอ่อนช้อยงดงามให้เห็น

อย่างไรก็ตาม

เย่แจ๋หยิ่งไม่ชายตามองเลยสักนิด น้ำเสียงเยือกเย็นพูดเพียงคำเดียว

“ฆ่า”

สิ้นเสียง

องครักษ์เงาคนหนึ่งที่ร่างเต็มไปด้วยไอสังหารก็ปรากฏตัวต่อหน้าหญิงสาว

“ตุ๊บ”หนึ่งเสียง เหมือนเสียงของหนักตกลงกับพื้