บทที่ 273 ขุดหลุมศพหน้าฝน

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 273 ขุดหลุมศพหน้าฝน

สีหน้าของหญิงสาวขาวซีดไร้สีเลือด ตะเกียงในมือลื่นหล่นพื้น ขี้เถ้ากระจายเต็มพื้น

นางคุกเข่าลงกับพื้นอย่างร้อนรน ภายใต้น้ำเสียงที่สั่นสะท้านยังคงพูดอย่างนุ่มนวล

“อ๋อง ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตด้วย เป็นพระชายาที่เข้าฝันข้าน้อย”

ตอนนี้เอง

เย่แจ๋หยิ่งโบกมือให้สัญญาณองครักษ์ให้หยุดมือที่จะฆ่าคน

จากนั้นก็หันหน้ากลับมาอย่างสนใจ มองหญิงสาวที่บนร่างเหลือเพียงเสื้อและกางเกงชั้นในเท่านั้น สายตารังเกียจยิ่งทวีหนักยิ่งขึ้น

“พระชายาพูดอะไรกับเจ้าในฝัน”

ในใจหญิงสาวมีความรู้สึกโชคดีผุดขึ้น และมองเห็นแล้วว่าท่านอ๋องได้เห็นเรือนร่างอันยั่วยวนของนางแล้ว

บวกกับ กลิ่นหอมของจันทน์เทศในตะเกียงที่กระจายออกไป ทำให้ใจนางเกิดความต้องการอย่างโง่ๆ

นางไม่เชื่อ ว่าอ๋องเย่จะไม่รู้สึกอะไร

“พระชายาพูดว่า นางแค้นใจที่ท่านไร้ความรู้สึก ยิ่งแค้นใจที่ไม่กี่ปีนี้ท่านลืมนางจนหมดสิ้น แต่สุดท้ายพระชายาก็ไม่อาจวางพระทัยได้ นางไม่อยากให้ท่านเดียวดายตลอดชีวิต จึงให้ข้ามารับใช้ท่าน ที่พูดนั้นเป็นเรื่องจริงแน่นอน เป็นพระชายาที่บอกกับข้าด้วยตนเองในฝัน ท่านอ๋อง หากท่านเชื่อข้า ข้าน้อยจะทำตามที่พระชายาสั่งเสียทุกประการ”

พูดจบ

หญิงสาวคนนั้นค่อยๆเหลือบสายตาขึ้นอย่างระมัดระวัง มองต่ำไปยังเย่แจ๋หยิ่ง

แต่เย่แจ๋หยิ่งที่ได้ฟังสิ่งที่นางพูด อดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้งไป

หญิงสาวเห็นดังนั้น ยังคิดว่าตนเองได้โอกาสแล้ว ทั้งยังคิดว่าจะถอดเสื้อในของตนออก……

ใครจะไปรู้

แววตานิ่งอึ้งของเย่แจ๋หยิ่งเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาสายตาก็กลับสู่ความเย็นชาและรังเกียจ หญิงสาวคนนั้นเหมือนถูกแช่เย็นใต้น้ำแข็งทันที ใบหน้าขาวซีดได้กลายเป็นสีเขียวคล้ำ

เห็นเพียงเย่แจ๋หยิ่งโบกมือเบาๆ องครักษ์เงาก็คว้าหมับไปที่ข้อมือของหญิงสาว ลากตัวนางออกไป

หญิงสาวเบิกตาโต คิดไม่ถึงว่าจะมีผลเช่นนี้

ก็คนคนนั้นบอกว่า ขอเพียงนางพูดเช่นนี้แล้ว ท่านอ๋องจะเลี้ยงดูนาง

ทำไมไม่เป็นเหมือนที่พูด

แต่ว่า

นางยังไม่อยากตาย

นางยังไม่ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง นางยังมีบางเรื่องที่ยังทำไม่สำเร็จ……

“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง จันทน์เทศในตะเกียงผสมยาเสน่ห์ หากไม่ทำเรื่องอย่างว่า ก็มีอันตรายถึงชีวิต ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยยินดีชดใช้ ใช้ร่างกายของข้าถอนพิษยาเสน่ห์ให้ท่านอ๋อง ”

ใช่แล้ว

คนคนนั้นเคยพูดว่า ในจันทน์เทศนั้นได้ผสมยาเสน่ห์ไว้ หากท่านอ๋องไม่เลี้ยงดูนาง เช่นนั้นเขาก็มีเพียงทางเดียวคือตายเท่านั้น

นางไม่เชื่อ จนบัดนี้แล้ว ท่านอ๋องยังจะไม่เอานางอีก

น่าเสียดาย

สิ่งที่นางพูด ถูกกั้นไว้ด้านนอกประตูห้องอาบน้ำ

จากนั้นก็มีเสียงอนาถเสียงหนึ่งส่งมา หญิงสาวอ่อนวัยงดงามผู้หนึ่งก็จบชีวิตลง

ประตูห้องอาบน้ำถูกผลักออกอีกครั้ง คนที่เดินเข้ามาจากข้างนอกเป็นคุณชายอ่อนวัยผู้หนึ่ง บนใบหน้าของเขาแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มน่าตี

วาจาที่พูดยิ่งทำให้คนอยากพุ่งหมัดออกไป

“หญิงสาวที่งดงามปานนั้น ทำไมเจ้าไม่หาความสุขสักหน่อยเล่า”

“เจ้าเป็นคนวางแผน”

มองไม่ออกถึงสีหน้าของเย่แจ๋หยิ่ง ดวงตาหรี่ลง สายตามองคนที่เข้ามาอย่างเย็นชา

“พอใจหรือไม่ มีความสุขที่ได้ชื่นชมหรือไม่”

รอยยิ้มของโม่เหลียงเฉินไม่คลาย พอเดินไปถึงข้างสระอาบน้ำ จงใจให้ห่างจากเย่แจ๋หยิ่งสามก้าว จึงนั่งลงข้างสระอาบน้ำ

ได้ยินที่โม่เหลียงเฉินพูด

เย่แจ๋หยิ่งขมวดคิ้ว สายตามีแววไม่พอใจ

“เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือยังไง”

เห็นท่าทีของเย่แจ๋หยิ่งเปลี่ยนไป และโม่เหลียงเฉินเองก็รับรู้ได้ถึงไอเย็นที่วนอยู่รอบตัว รีบเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า กล่าวอย่างจริงจังว่า

“ท่านโปรดวางใจ ข้ารู้ว่าท่านรักษาตนดั่งหยก ไม่หลงในความงามแน่ แผนการในวันนี้ ทั้งหมดก็เพื่อช่วยท่านกำจัดภัยและได้ใช้วิธีการที่ตรงไปตรงมามากที่สุด ที่สำคัญที่สุดคือยังไม่ให้ศัตรูรู้เบาะแสอีกด้วย”

หลังพูดจบ

โม่เหลียงเฉินรับรู้ได้ว่าไอเย็นรุนแรงรอบตัวได้ถูกเก็บแล้ว จึงมองไปยังเย่แจ๋หยิ่งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสามารถ

เหมือนรอการชมเชยอย่างไรอย่างนั้น

เสียดาย เย่แจ๋หยิ่งเพียงแค่หลับตาลงอีกครั้งเท่านั้น เงียบไปเป็นนาน ปากบางขยับขึ้น

“เป็นคนของเขา”

ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการยืนยัน

สำหรับใครที่เขาหมายถึง ทั้งเย่แจ๋หยิ่งและโม่เหลียงเฉินต่างรู้ดีแก่ใจ

“ถูกต้อง หญิงสาวผู้นั้นหนึ่งเดือนก่อน มีคนผู้นั้นเป็นคนส่งมาให้ราชธิดาจาวหยางเป็นสาวรับใช้ในวังระดับสาม ปกติแล้วก็เป็นคนระมัดระวังตัวมาก น้อยมากที่จะปรากฏตัว หากไม่ใช่เพราะไม่กี่วันก่อน ราชธิดาจาวหยางพบนางที่กำลังแอบฟังเรื่องส่วนตัวของท่านอย่างไม่ตั้งใจที่ห้องอาหาร บางทีนางอาจจะยังไม่เปิดเผยตัวออกมา ”

คนที่คนคนนั้นส่งมาสังเกตการณ์ ยิ่งอยู่ยิ่งซ่อนได้ลึกมากขึ้นแล้ว

และก็ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะเจอกับคนแบบไหนอีก

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาที่มีทั้งความสามารถหน้าตาดีและฉลาด ไม่เพียงแต่เฝ้าดูอย่างลับๆ ยังจงใจใช้แผนหนุ่มรูปงาม ยังได้รับการเปิดเผยข้อเท็จจริงบางอย่างอยู่บ้าง

คาดว่าหญิงสาวคนนั้นจนตอนนี้ก็ยังไม่อาจคายสิ่งที่รู้ออกมาทั้งหมด

“เพราะฉะนั้น เจ้าจึงใช้ให้นางวางยาเสน่ห์ และยังจงใจให้คนปล่อยนางเข้ามา”น้ำเสียของเย่แจ๋หยิ่งเหมือนไม่ได้สนใจความเป็นมาของเรื่องนี้

“เรื่องนี้ท่านวางใจได้ ยาเสน่ห์อะไรนั่นข้าได้ฉวยโอกาสตอนที่นางเผลอสับเปลี่ยนแล้ว จะมอบร่างกายที่ท่านถนอมดุจหยกนั้นให้กับคนสอดแนมได้อย่างไร หากจะมอบให้ก็คงต้องเป็นนางคนนั้นที่อยู่ในใจท่านมิใช่หรือ”

โม่เหลียงเฉินไม่เข้าใจ

ตอนที่หลานเยาเยายังคงเป็นพระชายาของเย่แจ๋หยิ่ง ก็เพื่อรักษาสัญญาบ้าบออะไรนั่น ไม่คิดว่าเย่แจ๋หยิ่งจะทำตัวเป็นนักบวชกินเจทุกวัน

คนที่อายุอานามก็ยี่สิบกว่าแล้ว คนอื่นที่อายุเท่าเขามีลูกคลานเต็มบ้านแล้ว เขายังคงถนอมตัวดุจหยก ไม่เข้าใจจริงๆ

เมื่อคิดถึงตรงนี้

โม่เหลียงเฉินคิดเรื่องหนึ่งขึ้นได้กะทันหัน

“แจ๋หยิ่ง เพิ่งได้รับข่าวหนึ่งมา เทพธิดาออกจากสนามม้าของราชวงศ์ นางก็สะบัดหลุดจากลูกน้องที่คนอื่นๆส่งไปจนหมดแล้วก็หายไปเลย ท่านว่า ในวันฝนตกขนาดนี้นางจะไปที่ใด”

คนที่พูดถึง รวมองครักษ์เงาที่เย่แจ๋หยิ่งได้ส่งไปด้วย

“ไปที่ใดอีกไม่กี่วันไปที่จวนเทพธิดาของนางก็รู้แล้ว”

สำหรับเทพธิดาที่ต้องการหลบจากสายตาผู้คน เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร

หากนางไม่มีแม้กระทั่งความสามารถแค่นี้ ชื่อเสียงเทพธิดาของนางก็คงไม่เลื่องชื่อแบบนี้แล้ว

ได้ยินดังนั้น

สายตาของโม่เหลียงเฉินสว่างวาบ ถามขึ้นอย่างประหลาดใจ

“ท่านจะไปจวนเทพธิดาหรือ ไปด้วยเหตุผลอันใด บุญคุณที่ช่วยเหลือจากหุบเหวหรือ”

เรื่องอันตรายที่พบเจอตรงหุบเหว

เย่แจ๋หยิ่งได้ใช้แผนยิงนัดเดียวได้นกสองตัว นอกจากจะกำจัดเจ้าตัววายร้ายที่แอบซ่อนอยู่มาหลายปี ทั้งยังให้เทพธิดาช่วยนางไว้จนสำเร็จ

ใช้ข้ออ้างเรื่องบุญคุณไปจวนเทพธิดา มีเหตุมีผล คนอื่นก็ว่าอะไรมิได้

แต่ว่า

“ค้นหาความจริง”

“……”นี่เอาจริงหรือ

……

“ซู่……”

“ซู่……”

ฝนเทลงจากท้องฟ้าเป็นสายไม่ขาดเหมือนเส้นด้าย ท้องฟ้ามืดมิด เหมือนฉากสีดำที่ปิดบังทั้งปฐพี

บนเนินเขาในป่าแห่งหนึ่ง

ก้อนหินก้อนหนึ่งปิดหลุมฝังศพอันเดียวดายไว้

รอบข้างมีแต่หญ้าขึ้นรก คาวว่าคงไม่มีใครมาเหลียวแลหลุมฝังศพอันเดียวดายนี้มาหลายปีแล้ว

เนินเขาที่เปลี่ยวร้าง วันฝนตกที่มืดมิด ทำให้ที่ๆเดิมทีก็เปล่าเปลี่ยวรกร้าง ยิ่งทวีความโศกเศร้าน่าเวทนา

หญิงสาวผู้หนึ่งที่งดงามหมดจด ยืนนิ่งอยู่หน้าหลุมฝังศพ ภายใต้ลมแรง ชุดแดงปลิวสะบัด

จื่อซีที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง กางร่มสีแดงคันใหญ่ให้นาง

เขามองไม่เห็นใบหน้าตรงของหลานเยาเยา

แต่มองออกถึงความสิ้นหวังจากเงาหลังของนาง กับจิตใจที่หดหู่

“คุณหนู เป็นอย่างนี้ต่อไปจะไม่สบายเอาได้”

จื่อซีร้อนรนอยู่บ้าง

คุณหนูยืนอยู่ตรงนี้เป็นเวลานานแล้ว นางไม่พูดจา และไม่ขยับ เพียงแต่ยืนอยู่นิ่งๆ

นอกจากเสื้อท่อนบนแล้ว ฝนที่โปรยลงมาทำให้ชุดท่อนล่างของนางเปียกปอนไปหมดแล้ว

ฉับพลัน

หลานเยาเยามีการเคลื่อนไหว เอ่ยขึ้นเบาๆหนึ่งคำว่า

“ขุด”