บทที่ 373 ประลอง
บทที่ 373 ประลอง
ฉู่เหินให้ทหารคนละหนึ่งหมื่นแก่ ฮาวโยว จางเค่อ กวนเชิงและหม่าหง และออกคำสั่งให้พวกเขานำคนออกไปที่หน้าประตูเมือง ทั้งคนและม้าเรียงขบวนยาวเป็นหางงูอยู่ด้านหลังพวกเขาทั้งห้าคน ฮาวโยว จางเค่อ กวนเชิงและหม่าหงสี่คนยืนขนาบข้างฉู่เหินทั้งสองฝั่ง
หลังจากทุกคนตั้งตัวได้แล้ว พวกเขาก็ค่อยสังเกตฝ่ายตรงข้ามและเห็นชายคนที่ยืนอยู่หน้าสุดของทัพอีกฝ่าย ดูแลัวยังอายุไม่เยอะน่าจะอายุราว ๆ 20 กว่า ๆ ในมือถือดาบเอาไว้สองเล่มนั่งอยู่บนเสือดาวด้วยบุคลิกที่น่านับถือ
แต่พวกเขาก็ขี่ม้าพันธุ์ดีออกมาเช่นกัน ม้าเหล่านี้ไม่ใช่แค่ม้าธรรมดา เพราะว่าร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยพลังดวงดาว อยู่รอบตัวคล้ายกับม้าปีศาจอย่างไงอย่างงั้น!
แม้ว่าม้าจะเทียบกับเสือดาวไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่จำนวน นั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทหารซอมบี้ของอีกฝ่ายมีหนึ่งล้านแต่ฉู่เหินมีทหารเพียงแค่ไม่กี่หมื่น กำลังทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันเกินไป
“ผู้น้อยหวังจื่อหลิน เป็นกองหน้าของกองทัพซอมบี้ วันนี้ขอท้าประลองที่สนามรบแห่งนี้ มีคนกล้าสู้สามร้อยเพลง*กับฉันรึเปล่า”
*สามร้อยเพลง เป็นการดวลบนหลังม้าของลิโป้กับเตี้ยวหุย มีปรากฏในเรื่องสามก๊ก
หวังจื่อหลิน เรื่องของชายคนนี้ฉู่หินเคยได้ยินมาบ้าง ชายคนนี้เดิมเป็นคนที่เข้ามารับภารกิจพร้อมกับฉู่ฉุน ไม่คิดเลยว่าเขาจะหักหลังฝ่ายมนุษย์ด้วยกัน กลายเป็นซอมบี้ตนหนึ่ง ช่างน่าละอายใจจริงๆ!
“แม่ทัพฉู่ ให้ข้าได้ออกไปดวลกับมันเถอะ ข้าอยากจะฆ่าคนทรยศด้วยมือของข้าเอง!” ฮาวโยวที่นั่งอยู่บนอานม้าพูดกับฉู่เหิน
“ดี กล้าหาญมาก แต่สู้กับคนแบบนี้ต้องระวังในมาก ถ้าหากสู้ไม่ไหวก็รีบถอยกลับมา ห้ามโอ้อวดเด็ดขาด”
“คนทรยศอย่างแก ยังกล้ามาเห่าหอนที่นี่อีกเหรอ รีบ ๆ เข้ามาหาตายซะสิ” หลังฮาวโยวรับคำสั่งเสร็จก็พูดกับหวังจือหลินทันที
หวังจือหลินที่นั่งอยู่บนเสือดาวราวกับมีพายุหมุนอยู่รอบ ๆ ตัวเขาพุ่งมาจากกองทัพของตัวเองไปประจานหน้ากับฮาวโยวภายในพริบตา!
“ขอบอกไว้ก่อนว่าฉัน หวังจื่อหลิน ไร้คู่ต่อกร!” หวังจื่อหลินพูดอย่างเย่อหยิ่ง สองมือถือดาบไว้ทั้งสองข้าง สายตาแฝงไปด้วยแผนการบ้างอย่าง
“ฉัน ฮาวโยวเป็นกองหน้าของท่านนายพลฉู่ วันนี้ฉันจะเอาหัวของแก ไอ้คนทรยศเผ่าพันธุ์กลับไป คนที่ทอดทิ้งความเป็นมนุษย์แล้วเลือกที่จะเป็นซอมบี้เน่า ๆ แบบแกทำให้มนุษย์อับอายขายขี้หน้า พ่อกับแม่ที่อุตส่าห์คลอดแกออกมา มันทำตัวไม่รักดี ดันคลอดคนทรยศแบบแกออก!”
หลังจากฮาวโยวด่าเสร็จ ใบหน้าของหวังจือหลินก็เริ่มปั้นยาก คำพูดที่พวกนี้ของฮาวโยวทำให้ หวังจื่อหลิน โกรธขึ้นมาแล้ว!
“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้ขยะแกทำให้ฉันโกรธได้สำเร็จแล้วล่ะ ถ้าวันนี้ฉันไม่เอาศพแกมาเหยียบย่ำก็อย่าเรียกฉันว่าแซ่หวัง!”
“เหอะ ตั้งแต่ที่แกทิ้งความเป็นมนุษย์แกก็ไม่ใช่คนแซ่หวังอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้แกก็เป็นแค่ซอมบี้เน่า ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น มีหน้าอะไรมาอ้างแซ่บรรพบุรุษตัวเอง หน้าไม่อายเกินไปแล้ว เกิดเป็นคนต้องรู้จักละอายแก่ใจเสียบ้าง แค่จุดนี้แกก็ต้องถูกสวรรค์ลงโทษแล้ว!”
พอฮาวโยวพูดจบก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เพียงเสียงหัวเราะนี้กระทบหูหวังจือหลินก็โกรธแค้นมาก ในตอนนี้ดวงตาของหวังจื่อหลิน ปรากฏดวงไฟแห่งความโกรธ อีกทั้งยังระเบิดไอสังหารออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบังแม้แต่น้อย
ฉู่เหินแอบกระซิบบอกทหารสองสามคนข้าง ๆ ให้พวกเขาเตรียมการป้องกันให้ดี ถ้าพบว่าฮาวโยวสู้ไม่ไหว ให้รีบเข้าไปช่วยเขากลับมาให้ทันอย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ทั้งสองสามคนพยักหน้าแสดงออกว่าทราบแล้ว
ฝั่งมนุษย์ของพวกเขามีจำนวนน้อยกว่ามาก ฉู่เหินไม่อยากเสียทหารมือดี ไป
ทั้งสองคนเข้าไปโรมรัน ดาบคู่ของหวังจื่อหลินวาดฟันจนอากาศฉีกขาดรัศมีดาบรวดเร็วดุดัน ฟันลงมายังร่างของฮาวโยว อย่างโหดเหี้ยม
ในมือของฮาวโยวถือดาบใหญ่ฟาดฟันอย่างรวดเร็ว รัศมีดาบปรากฏขึ้นกลายอากาศ ต่อมารัศมีดาบของทั้งสองก็ปะทะกันจนเกิดเสียงดังสนั่น
การปะทะกันครั้งแรกของทั้งสองนั้นไม่อาจแยกแยะได้ว่าใครเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า ถือว่าเสมอกัน ต่อมาดาบใหญ่ในมือฮาวโยวก็พุ่งตรงไปตัดคอลำคอของหวังจื่อหลิน
หวังจือหลินกระโดดหลบฮาวโยวอย่างฉับพลัน เขาไม่คิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะมีฝีมือไม่ธรรมดา หลังปะทะกันก็โจมตีต่อเนืองทันที แต่รัศมีดาบของฮาวโยวก็ค่อย ๆ อ่อนลง!
หวังจือหลินเลยแทงสวนไปทันที ถ้าฮาวโยวไม่รีบหลบจะต้องตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน ทั้งหมดนี้เป็นการต่อสู้แบบแลกชีวิตแต่หวังจือหลินไม่มีทางเอาชีวิตไปแลกกับอีกฝ่ายหรอก
อย่ามาล้อเล่น ฉันฟันแกตาย แกก็ฟันฉันตายเหมือนกัน ชีวิตของฉันมีค่ากว่าของแกเยอะ หวังจื่อหลินไม่มีทางเอาชีวิตตัวเองไปแลกอย่างแน่นอน เขาจึงถอยดาบคู่ของตัวเองกลับมา เพื่อเอามารับดาบใหญ่เอาไว้
เคร้ง! เสียงของอาวุธทั้งสองที่กระทบกันกลางอากาศดังขึ้น อาวุธกับอาวุธปะทะกันครั้งนี้ทำให้เกิดเสียงสะท้อนออกมานั้นดังยิ่งกว่าเดิม จากนั้นทั้งสองคนก็ถอยออกมาตั้งตัว
ก่อนที่ทั้งสองคนจะพุ่งเข้าใส่กันอีกครั้ง เสียงของดาบกระทบกันดังไม่หยุด ในเวลาสั้น ๆ ไม่กี่อึดใจ ทั้งสองคนได้ปะดาบกันกว่า 100 เพลง*แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบ
*เพลง หมายถึง รอบ/ครั้ง
ฮาวโยวยิ่งสู้ยิ่งคึก ส่วนหวังจือหลินยิ่งสู้ก็ยิ่งตกใจ หวังจื่อหลินไม่คิดว่าในกลุ่มมนุษย์จะมีคนที่ระดับเดียวกับเขาอยู่ด้วย เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองนั้นเก่งกาจที่สุด มีน้อยคนมากที่จะรับมือเขาได้ วันนี้เขารู้แล้วว่าตัวเองนั้นเหมือนกบในกะลา!
ผ่านไปอีกหลายสิบกระบวนท่า ฮาวโยวก็แกว่งดาบยาวของตัวเองไปสะท้อนกับแสงอาทิตย์ กลอุบายนี้ทำให้หวังจือหลินหลงไปแวบนึ่งโดยไม่ทันรู้ตัว
แต่หวังจือหลินก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เขากระโดดลงจากเสือในขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียง ๆ หนึ่งนั้นก็คือเสียงดาบใหญ่ของฮาวโยวตัดผ่านอากาศเข้ามา
หวังจือหลิน รอดได้อย่างหวุดหวิด แต่เขาก็กระโดดช้าไปหนึ่งก้าวทำให้ดาบยาวตัดพื้นรองเท้าของเขาพอดี เสียงพื้นรองเท้าที่ถูกตัดขาดดังขึ้น
ตอนนี้หวังจื่อหลินรู้สึกว่าเท้าของตัวเองเย็นวาบนี้ พื้นรองเท้าของเขาถูกฟันขาด เหลือไว้แค่เท้าเปล่า ๆ ข้างหนึ่งพอโดนลมพัดเท้าข้างนั้นก็เย็นวาบ
หวังจื่อหลินรู้แล้วว่าชายคนนี้เก่ง ถ้าตัวเองไม่เอาจริงคงเอาชนะไม่ได้ง่าย ๆ แน่ หวังจื่อหลินขี่เสือวิ่งไปอีกทาง เสือดาวของเขานั้นวิ่งเร็วเป็นทุนเดิม ถ้าจะวิ่งหนีก็ยากจะตามทัน
ฉู่เหินอยู่ด้านหลัง มองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมด เขารู้ว่าเมื่อกี้ฮาวโยว ตัดรองเท้าอีกฝ่ายได้ แต่แค่เรื่องนี้ไม่น่าทำให้อีกฝ่ายหนีหัวซุกหัวซุนได้ แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงต้องหนีไปละ ฉู่เหินรีบสั่งทหารในมือเป่าแตร่ถอยทัพทันที เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะวางกับดักอะไรเอาไว้