ตอนที่ 316 มนุษย์เครื่องมือ
วันต่อมา มู่เถาเยาไม่ไปไหนทั้งนั้น อยู่บ้านตัวเองฟังพวกผู้อาวุโสสอนกลุ่มฝึกพิเศษ
ตี้อู๋เปียน ปู่ย่าของเขา ปู่เย่ว์ย่าเย่ว์ คุณตาคุณยาย เย่ว์หลั่งกับเป่ยซี ที่พักกันอยู่ที่นี่ต่างก็ไม่มีใครออกไปไหน
เย่ว์เลี่ยง ลู่จือฉิน เหลียงจี อวิ๋นไป๋ และคนอื่นๆ ถูกจัดให้ไปอาศัยตามบ้านที่มีห้องว่างเหลือ
แต่เวลากินข้าวก็ยังคงมากินที่นี่ ไม่เหมือนกลุ่มฝึกพิเศษที่พักอยู่บ้านไหนก็ไปกินบ้านนั้น
มู่เถาเยากระซิบบอกคนข้างๆ “ศิษย์พี่ใหญ่ พี่สะใภ้คะ อันนั่วกับเสี่ยวอินไปได้สวย ไม่ต้องห่วงค่ะ”
ใบหน้าของหลี่อวี้เสวี่ยมีรอยยิ้มกว้าง “อันที่จริงพวกเราไม่เป็นห่วงหรอก ถึงอันนั่วจะไม่ค่อยไปเป็นแขกคนเดียว แต่ก็รู้จักวิธีวางตัว กอปรกับนิสัยค่อนข้างดี ไม่มีทางเข้ากับคนอื่นไม่ได้”
ในความเป็นจริงต่อให้ลูกชายไม่รู้จักเข้าสังคม บ้านคุณยายของเสี่ยวอินก็ต้องดูแลเป็นอย่างดีเพราะเห็นแก่เสี่ยวเยาเยาอยู่แล้ว
แต่ถ้าเป็นแบบนั้น เธอไม่มีทางอนุญาตให้ลูกชายพักบ้านคุณยายของเสี่ยวอินแน่นอน กลัวจะทำเสี่ยวเยาเยาเสียชื่อเสียง
“ค่ะ พี่สะใภ้กับศิษย์พี่ใหญ่กะจะค้างที่หมู่บ้านเถาหยวนกี่วันคะ”
“พวกเรามาตอนสุดสัปดาห์ก็กะว่าจะกลับช่วงสุดสัปดาห์ อาจารย์อาสะใภ้ของเธอก็จะกลับพร้อมพวกเราด้วย” อย่างไรเสียทั้งสามคนก็ต้องทำงาน
“งั้นพอถึงตอนนั้นฉันจะให้เหลียงจีไปส่ง ถือโอกาสฝากยาบำรุงกับพวกของกินไปให้ศิษย์พี่ห้ากับศิษย์พี่หกด้วยค่ะ”
“ได้เลย”
กู่ย่ามองผู้หญิงสองคนที่คุยซุบซิบอยู่ตรงมุมห้อง “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ ดูๆ ไปจือฉินกับคุณอาของหนูเข้ากันได้ดีมากเลยนะ”
ไม่เหมือนสุภาพต่อกันด้วยความเกรงใจเพราะเกี่ยวข้องกับเสี่ยวเยาเยา กลับดูสนิทกันเหมือนเธอกับอวี้เสวี่ย
ดวงตาของมู่เถาเยามีรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ อากับอาจารย์สามเรียกได้ว่าถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น”
“จือฉินโตกว่าคุณอาของหนูสิบปี แถมอยู่คนละวงการ แต่กลับคุยกันถูกคอได้ขนาดนี้” กู่ย่าดีใจมากจริงๆ
ลู่จือฉินเป็นญาติเพียงคนเดียวของสามีเธอ นิสัยใจคอก็ดีมาก ทั้งยังมีความสามารถ เธอย่อมอยากให้ทุกคนอยู่กันอย่างรักใคร่ปรองดอง
หลี่อวี้เสวี่ยหัวเราะเบาๆ “คนเราต้องมีวาสนาต่อกันนะคะถึงจะเข้ากันได้แท้จริง ไม่อย่างนั้นก็แค่ผิวเผิน เกรงอกเกรงใจ”
“นั่นสิ”
เวลานี้ตี้อู๋เปียนเดินเข้ามา
มู่เถาเยารู้จุดประสงค์ของเขา จึงพูดขึ้น “อาจารย์อาสะใภ้ พี่สะใภ้คะ ฉันขอไปคุยกับครูสอนโยคะของตี้อู๋เปียนก่อนนะคะ”
ทั้งสองคนพยักหน้า
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนออกจากตัวบ้านไป
ตรงเก้าอี้ยาวใต้ต้นไม้หน้าบ้านมีผู้ชายต่างสัญชาติที่ดูสะอาดเกลี้ยงเกลาอายุราวยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดนั่งอยู่
พอเห็นมีคนออกมาเขาก็ยิ้ม ทำให้มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนรู้สึกเหมือนมีสายลมยามฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน
อืม ความประทับใจแรกดีมาก
“สวัสดีค่ะอาจารย์ไลก้า ฉันมู่เถาเยา เป็นหมอประจำตัวตี้อู๋เปียนค่ะ”
“สวัสดีครับหมอมู่ คุณนายอวิ๋นกำชับมาเป็นพิเศษ บอกว่าให้คุยกับคุณก่อนถึงจะจัดแผนออกกำลังกายได้ครับ”
ไลก้าได้ยินชื่อมู่เถาเยาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
คนในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ว่าจะแก่หรือเด็กต่างก็พูดชื่อผู้หญิงคนนี้จนติดปาก
เขาเพิ่งมาได้ไม่กี่วันก็ได้ยินชื่อนี้จนคุ้นหูแล้ว
“อาจารย์ไลก้าพูดภาษาประเทศเหยียนหวงเก่งมากค่ะ”
ไลก้ายิ้มพูด “ผมตามพ่อกับแม่มาอยู่เหยียนหวงตั้งแต่สิบขวบครับ จนถึงตอนนี้ก็อยู่มายี่สิบปีเต็มแล้วครับ”
“ที่แท้ก็แบบนี้ พวกเราหาที่นั่งคุยกันก่อนค่ะ”
“ได้ครับ”
มู่เถาเยาเดินนำตี้อู๋เปียนกับไลก้าไปบ้านเพื่อนบ้าน นั่งใต้ต้นดอกยี่เข่งที่นอกเรือน
เพื่อนบ้าน “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ จะดื่มชาหรือน้ำผลไม้ดี”
“พวกเราขอน้ำเปล่าเย็นก็พอค่ะป้าชิว”
“ได้ยังไงกัน! เดี๋ยวป้าทำน้ำแตงโมให้นะ ปลูกเองเลย หวานมาก!”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะป้าชิว”
ป้าชิวส่ายมือแล้วไปหั่นแตงโมที่ห้องรับแขก
ไม่กี่นาทีต่อมาน้ำแตงโมแท้ที่ไร้การเจือปนก็มาส่ง
“ไม่เย็น อู๋เปียนก็กินได้”
ตี้อู๋เปียนอยู่หมู่บ้านเถาหยวนมานานขนาดนี้ ชาวบ้านทุกคนรู้จักเขาหมด
“ขอบคุณครับป้าชิว”
“คุยกันไปนะ มีเรื่องอะไรก็เรียกป้าได้”
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “ได้เลยค่ะ”
ทั้งสามคนมองส่งป้าชิวเข้าห้องรับแขกแล้วถึงเริ่มเข้าประเด็น
“อาจารย์ไลก้าคะ ตี้อู๋เปียนสุขภาพไม่ดี จุดประสงค์หลักที่ให้เล่นโยคะก็เพื่อกระตุ้นร่างกาย”
“เข้าใจแล้วครับ”
“เวลาที่เหมาสุดคือเช้าเย็น แต่ทุกเช้าวันอาทิตย์ต้องเล่นให้เสร็จก่อนแปดโมง เพราะเก้าโมงฉันต้องฝังเข็มให้เขาค่ะ”
“ครับ”
มู่เถาเยาพูดเรื่องที่ต้องระวังทั้งหมดเสร็จ “อาจารย์ไลก้าเป็นอาจารย์สอนโยคะระดับโลก ให้อาจารย์มาสอนตี้อู๋เปียนออกจะเว่อร์ไปหน่อย…”
บุคคลชั้นยอดของแต่ละวงการล้วนมีความทะนงตน
“หมอมู่ห้ามพูดแบบนี้นะครับ เพื่อนของคุณนายอวิ๋นเป็นคนเชิญคุณพ่อของผมมาทำงานที่เหยียนหวง ครอบครัวเรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับโอกาสนี้มาตั้งรกรากที่เหยียนหวงครับ…”
ประเทศของเขามักเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง สถานะของผู้หญิงก็ถูกกดไว้ต่ำมาก
พอน้องสาวเกิด พ่อกับแม่ก็ตัดสินใจย้ายมาเหยียนหวงทั้งครอบครัว
ตี้อู๋เปียนรู้เรื่องครอบครัวของไลก้าและแวดวงคนรู้จักของครอบครัวนี้ดี
เขาไว้ใจคนที่แม่หามาได้ แต่ด้วยความที่เขาคุมหน่วยข้อมูลของประเทศเหยียนหวง กอปรกับความเคยชินด้านอาชีพ ยังไงก็ต้องสืบดูอีกรอบว่าไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ ถึงจะให้มาที่นี่ได้
ดังนั้นพอเจอกันก็ไม่มีอะไรต้องถามแล้ว แค่ฟังสองคนนี้คุยกัน
เขาก็มักเป็นมนุษย์เครื่องมืออยู่แล้ว!
หลังจากคุยเสร็จไลก้าก็ขอกลับไปจัดทำแผนการเรียนก่อน
“ซาลาเปาน้อย ตอนบ่ายลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่ของฉัน รวมถึงสุ่ยเหยาจะมาส่งคุณตาคุณยาย อยากค้างที่นี่จนถึงสุดสัปดาห์ค่อยกลับ”
“ไม่เป็นไร จัดหาที่พักให้ได้ แต่น่าเสียดายที่ห้องในบ้านฉันเล็ก ครอบครัวลุงใหญ่ของคุณอาจต้องไปพักบ้านชาวบ้านที่ไกลหน่อย บ้านคนแถวนี้เต็มหมดแล้ว”
“ขอแค่มีที่พักก็พอแล้ว อืม ดูเหมือนว่านับตั้งแต่เธอรักษาฉันก็มีเรื่องมารบกวนพวกเธอตลอดเลย”
“ย่าตี้เป็นเพื่อนสนิทอาจารย์ใหญ่ของฉันมาทั้งชีวิต ย่าตี้ก็เหมือนเป็นผู้ใหญ่ของฉันด้วย พวกคุณไม่ต้องเกรงใจ”
“ได้ งั้นต่อไปต้องทำอะไร”
“อยู่กับพวกผู้ใหญ่ ไปโรงงาน เดินดูบริษัท ไปพบหมอที่พี่รองหามาอยู่ในห้องทดลอง ไปหาสมุนไพรกับอาจารย์สามในเขตป่าชั้นในเพื่อถอนพิษน้าเหมียว…พอลองนับดู มีเรื่องต้องทำเยอะทีเดียว”
“ซาลาเปาน้อย อันที่จริงตามหาสมุนไพรถอนพิษมันต้องใช้ดวงพอสมควร ไม่ต้องรีบร้อน” เพราะรีบไปก็ไม่มีประโยชน์
“ฉันรู้ แต่จะพยายามเต็มที่”
“อืม”
ตี้อู๋เปียนพูดต่อ “ฉันให้คนค้นหาพวกตำรามาจากหมู่ชาวบ้าน เดี๋ยวกินข้าวกลางวันเสร็จไปดูที่ห้องหนังสือหน่อยไหม”
“ได้”
“ซาลาเปาน้อย มู่หว่านเลือกสถาบันศิลปะการแสดงเหยียนหวงแล้วเหรอ”
“อืม ได้หนังสือตอบรับมาแล้ว” เสี่ยวหว่านรีบมาแจ้งข่าวดีให้เธอรู้ตั้งแต่วันที่ได้จดหมายตอบรับ
“งั้นอาซานล่ะ”
“ไม่รีบ ให้เสี่ยวหว่านตั้งใจเรียนไปก่อน เธอเองก็ไม่ได้ดึงดันว่าต้องดังให้ได้”
ก็แค่งาน มีความสุขก็ทำ หมดสนุกก็กลับมาเป็นครูที่หมู่บ้านเถาหยวน หรือไปทำงานบริษัทเธอก็ได้
ทุกอย่างเอาความสุขทางใจเป็นหลัก
ถ้าทำแล้วมีความสุข ต่อให้ลำบากหรือเหนื่อยแค่ไหนเสี่ยวหว่านก็ไม่กลัวหรอก แต่ถ้าไม่มีความสุข ต่อให้ประสบความสำเร็จขนาดไหนเธอก็คิดว่าไม่คุ้มกัน
“คนหมู่บ้านเถาหยวนแบบพวกเธอพบเจอได้น้อยมากจริงๆ”
รู้จักพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี มีหัวใจที่บริสุทธิ์ เต็มที่กับทุกสิ่ง…เป็นต้น คำดีๆ มากมายเอามาใช้กับพวกเขาได้ อีกทั้งใช้ได้กับทุกคนในหมู่บ้านแห่งนี้
ตี้อู๋เปียนอดชื่นชมไม่ได้