บทที่ 311 ช่วยคนอย่างลุ้นระทึก

เสี่ยวลิ่วจื่อเป็นคนพูดจาคล่องแคล่ว ตั้งแต่ออกจากประตูจนไปถึงถนนใหญ่ เขามีเรื่องตลกมาพูดได้ไม่หยุดไปตลอดทาง

และเมื่อรู้ว่าสตรีชอบกินอะไรก็จะซื้อมาให้ถุงใหญ่ เดินตามเขาไม่ต่างจากการเยี่ยมชมสถานที่เท่าใดนัก ไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย

“เสี่ยวลิ่วจื่อ พวกเจ้ามาอยู่เมืองหลวงตั้งหลายวันแล้ว รู้หรือไม่ว่าราชครูที่จู่ ๆ ก็โผล่มากำลังหลอกลวงอะไรอยู่ เคยเห็นหน้าเขาหรือไม่?”

นี่เป็นคนที่เหมาะที่จะถามที่สุดแล้ว

เสี่ยวลิ่วจื่อพยักหน้าหงึก ๆ “เรื่องนี้บังเอิญจริง ๆ เพราะวันที่ราชครูนั่นขอพรให้ฮ่องเต้ ข้ากับอาอู๋ออกมาซื้อของพอดีจึงได้เห็นเข้า มีความสามารถจริง ๆ ขอรับ เรื่องทำนายดวงชะตาล้วนแม่นยำแม้ว่าจะตาบอด”

ฮวาเซียงเซียงประหลาดใจ “ตาบอด? เช่นนั้นเขาเข้าหาฮ่องเต้ได้อย่างไรกัน?”

“เห็นบอกว่าฮ่องเต้นอนหลับไม่ค่อยสนิท จึงมีประกาศจากวังหลวงออกมา ธิดาหงส์บัญชาสวรรค์ผู้นั้นเป็นคนพาเขาเข้าไปในวังหลวง และได้มีการลงชื่อในสัญญารับผิดชอบชีวิต คิดไม่ถึงว่าจะทำให้ฮ่องเต้นอนหลับได้จริง ๆ”

จี้จือฮวนยิ่งมั่นใจว่าธิดาหงส์บัญชาสวรรค์ผู้นั้นต้องเป็นจี้หมิงซูอย่างแน่นอน นอกจากนางแล้วก็คิดไม่ออกอีกจริง ๆ ว่าจะมีใครสามารถทำให้เจียงเช่อเข้าไปอยู่ข้างกายเซี่ยเจินก่อนเวลาได้

“เจ้าได้พบกับธิดาหงส์บัญชาสวรรค์หรือไม่ หน้าตาเป็นเช่นไรบ้าง ได้เห็นหน้าตาชัด ๆ หรือไม่?”

“มองเห็นไม่ชัดขอรับ และพวกเขาไม่อนุญาตให้ใครดูด้วยขอรับ บอกว่าเป็นธิดาเทพไม่สามารถให้ใครเห็นได้ง่าย ๆ ทุกครั้งที่ออกมาจะสวมชุดขาวคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้แต่หัวก็ยังมีการสวมหมวกที่มีผ้าคลุมหนา ๆ ด้วยขอรับ”

จี้จือฮวนมุมปากกระตุก ไม่ใช่ไม่อยากให้ใครเห็น แต่ให้คนเห็นไม่ได้ต่างหากเล่า ดูท่าจี้หมิงซูคงจะคิดหาทางพลิกกลับมาได้แล้ว ไม่ได้อาศัยมือของเซี่ยหยาง แต่เป็นเซี่ยเจินแทน

ธิดาหงส์บัญชาสวรรค์ เรื่องเหลวไหลเพียงนี้ก็ยังพูดออกมาได้ พูดโกหกครั้งหนึ่งก็ต้องพูดโกหกไปอีกพันครั้งเพื่อปกปิดมัน

“ตอนนี้ราชครูนั่นอยู่ที่ใด? คงจะมีจวนของตัวเองอยู่กระมัง”

“ได้ยินมาว่าฮ่องเต้ไม่สามารถขาดเขาได้ จึงได้พักอยู่ในพระราชวังกับธิดาหงส์ ฮ่องเต้บอกว่าเขาจะสร้างจวนหลังใหม่ให้กับราชครู และจะให้ราษฎรมากราบไหว้บูชา และจะสร้างรูปปั้นให้เขาด้วยขอรับ”

ฮวาเซียงเซียงกลอกตามองบน “ข้าว่าฮ่องเต้สุนัขผู้นี้อยู่ดีไม่ว่าดี วัน ๆ ดีแต่เอาเลือดเนื้อและภาษีของราษฎรอย่างพวกเราไปทำเรื่องเหลวไหลพวกนี้ ข้าว่าเจ้ากับเผยยวนทางที่ดีเตรียมตัวก่อกบฏเถอะ ช่วงนี้หาเงินให้มากหน่อย กลับไปซื้อเสบียงทางทหารตุนไว้ ข้าก็จะลงขันด้วย รอเจ้าได้เป็นฮองเฮาแล้ว มอบฉายาเถ้าแก่เนี้ยอันดับหนึ่งในใต้หล้าให้ข้าด้วยล่ะ”

จี้จือฮวนไม่คิดที่จะเป็นฮองเฮาอะไรนั่น นางอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเฉินก็ดีอยู่แล้ว ฮองเฮาจะดีเพียงใดก็ไม่สุขสบายเหมือนในสังคมปัจจุบัน นางชอบอิสระจะทนอยู่ในพิธีรีตองได้อย่างไรกัน

เพียงแต่ข่าวที่ได้รับมาตอนนี้ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย คนพวกนั้นอยู่ในวังหลวง เช่นนั้นก็คงฆ่าไม่ได้ง่าย ๆ เสียแล้ว

นางเองก็ไม่สามารถรอฆ่าจี้หมิงซูอยู่ที่เมืองหลวงได้…

“คุณหนูใหญ่ ท่านจะมักน้อยเกินไปแล้วนะขอรับ อย่างไรซะก็ต้องเอาตำแหน่งร้านค้าอันดับหนึ่งที่ทำการค้ากับราชวงศ์มาด้วยสิขอรับ”

“เฮอะ ตำแหน่งนั้นข้าไม่กล้าคว้ามาหรอก กลัวว่าจะมีคนโมโหใส่ข้าเอาน่ะสิ”

ระหว่างที่คุยกันก็เดินมาถึงร้านแรกแล้ว ทำเลนับว่าไม่เลว แต่สภาพแวดล้อมรอบ ๆ พูดตามตรงว่าไม่เหมาะเท่าใดนัก พวกเขาจึงเดินดูอยู่หลายร้าน ที่ถูกใจมีอยู่ไม่น้อย

“ข้าคิดว่าร้านเมื่อครู่ก็ไม่เลวนะ เถ้าแก่ร้านก็ดูฉลาด ในเมื่อเจ้าของร้านเดิมต้องการปล่อยขายร้านเพราะจะไปแต่งงาน พวกเราซื้อต่อก็คงไม่มีปัญหาอะไร อีกอย่าง ข้าลองสอบถามดูคร่าว ๆ แล้ว การค้าของร้านที่อยู่ใกล้เคียงก็นับว่าใช้ได้ ถือเป็นทำเลที่ดี”

จี้จือฮวนก็คิดว่าไม่เลวเช่นกัน จึงตั้งใจว่าจะเดินดูอีกสักสองสามร้าน หากว่ายังถูกใจที่นั่นอยู่ ก็จะไปจองกับฮวาเซียงเซียงและทำสัญญากันเลย

“ไปดื่มน้ำชากันก่อนเถอะ ข้าคอแห้งจะตายอยู่แล้ว” ฮวาเซียงเซียงกางพัดออกมา นางไม่ได้สังเกตว่าจู่ ๆ ก็มีรถม้าพุ่งออกมาจากทางแยกข้าง ๆ

“ระวัง!” จี้จือฮวนดึงนางเอาไว้ การเคลื่อนไหวของนางเร็วกว่าเสี่ยวลิ่วจื่อที่อยู่ข้างหลังหนึ่งก้าว

เนื่องจากรถม้าวิ่งมาเร็วมาก ทำให้จี้จือฮวนกอดฮวาเซียงเซียงเอาไว้และหมุนตัวหนึ่งรอบ จึงสามารถกลับมาทรงตัวได้ แต่เห็นได้ชัดว่าม้าตัวนั้นกำลังตกใจกลัว และพุ่งเข้าหาแผงลอยของชาวบ้านอย่างควบคุมไม่ได้

“เสี่ยวลิ่วจื่อ!” ฮวาเซียงเซียงตะโกนเสียงดัง

ก่อนจะเห็นว่าเสี่ยวลิ่วจื่อรีบวิ่งไปที่รถม้าคันนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วพลิกตัวขึ้นไปบนหลังม้า พยายามดึงสายบังเหียนเอาไว้บราวนี่ออนไลน์

มีข้อมือขาวข้างหนึ่งยื่นออกมาจากในรถม้า

จี้จือฮวนหรี่ตาลงเล็กน้อย “แย่แล้ว ในรถม้ามีคนอยู่ด้วย”

นางออกแรงเล็กน้อยและตามเสี่ยวลิ่วจื่อขึ้นไปบนรถม้า ก่อนจะคว้าข้อมือนั้นเอาไว้ แล้วลากตัวคนมากอดไว้ในอ้อมแขน

เนื่องจากเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกะทันหัน ผู้คนบนถนนต่างกรีดร้องขึ้นมาตาม ๆ กัน โชคดีที่เสี่ยวลิ่วจื่อมีทักษะการขี่ม้าที่ดี ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมม้าเอาไว้ได้ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าใส่ฝูงชน

พ่อค้าเร่ที่ได้รับการช่วยเหลือแข้งขาพลันอ่อนแรงจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น

หญิงสาวในอ้อมแขนกอดจี้จือฮวนเอาไว้แน่น จนนางรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย

“คุณชายจี้ ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ขอรับ” อาอู๋พาฮวาเซียงเซียงวิ่งเข้ามาดู

“ไม่เป็นอะไร น่ากลัวไปหน่อยแต่ปลอดภัยดี” จี้จือฮวนเอ่ยจบ ก็ตบไหล่คนที่อยู่ในอ้อมแขนเบา ๆ “แม่นาง ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

สตรีผู้นั้นตัวสั่นด้วยความตกใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องมองจี้จือฮวนด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ทว่าน่าจะเป็นเพราะตกตะลึงกับใบหน้าของนาง ใบหน้าของสตรีผู้นั้นจึงแดงเรื่อขึ้นมา “ขะ…ขอบคุณคุณชายเจ้าค่ะ”

จี้จือฮวนรู้สึกว่านางดูคุ้น ๆ แต่ก็ไม่เคยเห็นหน้านางมาก่อน จากนั้นจึงอุ้มนางลงมาจากรถม้า ทันทีที่ลงมาถึงพื้นสตรีผู้นั้นก็อับอายจนใบหน้าแทบจะฝังไปกับหน้าอกตัวเองแล้ว

ฮวาเซียงเซียงรีบดึงจี้จือฮวนมาสำรวจดูหนึ่งรอบ “ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ เจ้าบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว รถม้าวิ่งเร็วเพียงนั้น เจ้านึกจะขึ้นก็ขึ้น ทำข้าตกใจแทบตาย”

“เอาล่ะ ยังดีที่ไม่เป็นอะไร โชคดีที่ได้เสี่ยวลิ่วจื่อช่วยเอาไว้”

“เฮ้อ แค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกขอรับ แม่นาง คนขับรถม้าของท่านเล่าขอรับ?” เสี่ยวลิ่วจื่อเอ่ยถาม

เซียวหรงหรงส่ายหน้า “เมื่อครู่บนถนนมีคนจำนวนมากเบียดเสียดกันอยู่ ม้าตกใจเพราะเสียงประทัดข้างทางมันจึงวิ่งชนไปทั่ว”

ตามหลักแล้วปกติจะมีทหารมาลาดตระเวน หากมีคนควบม้าบนถนน หรือม้าเกิดอาละวาดก็จะมีคนมาหยุดมันในทันที แต่ตอนนี้สถานการณ์ต่างออกไป ราชครูนั่นจะมาแจกยันต์และขอพรทุกสองหรือสามวัน จึงทำให้เมืองหลวงมีผู้คนมาเข้าแถวแน่นขนัดทุกวัน เมื่อรถม้าเกิดปัญหาต่อให้ทหารอยากจะมาช่วยก็วิ่งตามไม่ทันอยู่ดี

ฮวาเซียงเซียงเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างกายจี้จือฮวนอย่างเงียบ ๆ “เจ้ารู้สึกว่านางดูหน้าคุ้น ๆ หรือไม่?”

“เจ้าก็คิดเช่นนั้นหรือ?”

“อืม แต่ว่าบนโลกนี้มีคนหน้าตาเหมือนกันตั้งมากมาย บางทีพวกเราสองคนอาจคิดมากไปเองกระมัง”

เสี่ยวลิ่วจื่อช่วยจูงรถม้าไปที่หน้าโรงน้ำชา ฮวาเซียงเซียงเห็นเซียวหรงหรงที่เดินตามหลังจี้จือฮวนยังคงมีอาการหวาดกลัว ก็เอ่ยถามขึ้นมา “แม่นาง หรือไม่เจ้าเข้าไปนั่งในโรงน้ำชากับพวกเราก่อนเถอะ รถม้าของเจ้าจอดอยู่ที่หน้าประตู หากคนรับใช้ตามมาต้องมองเห็นอย่างแน่นอน”

เซียวหรงหรงยังคงตื่นตระหนกและต้องการพักผ่อนจริง ๆ ทว่าสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น… ดวงตาที่เปล่งประกายราวกับหยดน้ำในฤดูใบไม้ร่วงมองไปทางจี้จือฮวน “เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณคุณชายทั้งสองมากเจ้าค่ะ ไม่สู้ให้ข้าทำหน้าที่ต้อนรับในฐานะเจ้าบ้านดีหรือไม่เจ้าคะ ข้าคุ้นเคยกับเมืองหลวงดี ที่ใดมีของอร่อยข้าล้วนรู้หมด”

ปกติแล้วเซียวหรงหรงไม่มีทางไปไหนมาไหนกับผู้ชายที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเพียงลำพัง

แต่หากว่านางจากไปเช่นนี้ นางก็กลัวว่าจะไม่ได้พบคุณชายจี้ผู้นี้อีก ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่นางกับเขาก็แตะเนื้อต้องตัวกันแล้ว ยิ่งเซียวหรงหรงพิจารณาจี้จือฮวนอย่างละเอียดก็ยิ่งรู้สึกพอใจ และรู้สึกละอายใจกับความคิดเช่นนี้ของตัวเองเช่นกัน

ฮวาเซียงเซียงกับจี้จือฮวนกลับคิดต่างออกไป ดูจากการแต่งตัวของแม่นางผู้นี้คงจะเป็นคนเมืองหลวงกระมัง รูปแบบเสื้อผ้าล้วนเป็นแบบใหม่ล่าสุด คาดว่าก็คงจะมีเงินใช้เหลือเฟือเป็นแน่ ไม่สู้ลองถามตำแหน่งที่ตั้งร้านกับนางดูว่ารู้จักทำเลที่เหมาะจะเปิดภัตตาคารหรือไม่

“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณแม่นางแล้ว พวกเราสองพี่น้องกำลังต้องการคนช่วยแนะนำอยู่พอดี”

.

.

.