บทที่ 312 โจรชั่วรังแกน้องสาวข้า

เซียวหรงหรงเองก็คอยสังเกตพวกเขา ฟังจากที่พวกเขาพูด คาดว่าคงมาทำการค้าที่เมืองหลวง เพียงแต่ไม่รู้ว่าครอบครัวของพวกเขาทำอะไร

ตระกูลเซียวไม่มีกฎห้ามแต่งงานกับพ่อค้า เดิมตระกูลเซียวเองก็เป็นพ่อค้าอยู่แล้ว เพียงแต่ชื่อเสียงฟังดูดีกว่าพ่อค้าทั่วไปก็เท่านั้น

เมื่อขึ้นไปชั้นบน ฮวาเซียงเซียงก็เปิดห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง ตรงกลางมีฉากบังลมกั้นอยู่ เพื่อให้เซียวหรงหรงรู้สึกผ่อนคลายลง ที่สำคัญก็คือนางจะได้ทำอะไรสะดวกขึ้น

“ทั้งสองท่านตั้งใจมาทำการค้าอะไรที่เมืองหลวงหรือเจ้าคะ? หากว่าข้าสามารถช่วยได้เชิญเอ่ยมาได้เลย หากวันนี้ไม่ได้พวกท่านเกรงว่าข้าคงไม่รอดแล้ว”

“บอกตามตรง พวกเราตั้งใจมาเปิดภัตตาคารในเมืองหลวง ไม่ทราบว่าแม่นางเคยได้ยินชื่อเค่ออวิ๋นไหลหรือไม่?”

เซียวหรงหรงขมวดคิ้วเล็กน้อย “เค่ออวิ๋นไหล? ใช่ร้านที่อยู่ในตำบลฉาซู่หรือไม่?”

จี้จือฮวนกับฮวาเซียงเซียงสบตากัน ดวงตาแฝงไว้ด้วยความสุข

จากภัตตาคารเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ตอนนี้สามารถทำให้ทุกคนในเมืองหลวงรู้จักได้ นี่ถือเป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดี

“ใช่แล้ว”

เซียวหรงหรงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนของเค่ออวิ๋นไหล หรือว่าคนที่พี่ชายทำการค้าด้วยก็คือพวกเขา?

แม้ในใจยังรู้สึกไม่พอใจเพราะเรื่องที่เซียวเย่เจ๋อต่อว่านางก่อนหน้านี้ แต่พริบตาต่อมาก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก หากพี่ชายยอมทำการค้ากับคุณชายจี้ เช่นนั้นสิ่งที่นางคิดจะสมปรารถนาหรือไม่?

“แม้ข้าจะไม่เคยไปเค่ออวิ๋นไหล แต่ก็เคยรู้จักชื่อของเค่ออวิ๋นไหลมาบ้าง และตอนนี้ก็มีคนในเมืองหลวงจำนวนมากไปสั่งขนมที่นั่น หากพวกท่านจะมาเปิดร้านที่นี่ ข้าจำได้ว่าที่ถนนก่วงต๋ามีภัตตาคารตั้งอยู่ตลอดแนว อาหารขึ้นชื่อของเมืองหลวงต่างก็รวมอยู่ที่นั่น นักท่องเที่ยวและคาราวานพ่อค้า ต้องไปที่นั่นทุกครั้งที่ผ่าน หากจะเปิดร้านถือเป็นทำเลทองที่หนึ่งเลยเจ้าค่ะ”

ฮวาเซียงเซียงเก็บพัดลง “อย่างนั้นหรือ ก่อนหน้านี้พวกเรากำลังลังเลอยู่ เพราะที่นั่นมีภัตตาคารแห่งหนึ่งจะปล่อยขายพอดี แต่พวกเราอยากจะซื้อร้านแถวนั้นทั้งหมด และข้าเห็นว่าการค้าของร้านแถบนั้นก็ไม่เลว จึงกลัวว่าเขาจะไม่ยอมขายให้พวกเรา”

เซียวหรงหรงเห็นว่าพวกเขาพอใจกับสถานที่ตรงนั้น ก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม “หากว่าทั้งสองท่านไม่รังเกียจล่ะก็ ข้าสามารถไปเจรจาให้พวกท่านได้นะเจ้าคะ”

อย่างไรเสียถนนเส้นนั้น เดิมก็เป็นของตระกูลเซียวอยู่แล้ว

ฮวาเซียงเซียงคิดไม่ถึงว่าจะโชคดีถึงเพียงนี้ แค่ช่วยชีวิตคนไว้โดยบังเอิญ จะกลายเป็นคนที่สามารถคุยกันถูกคอเช่นนี้

“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณแม่นางมาก!”

“คุณชายเกรงใจเกินไปแล้ว”

ช่วยนางก็เหมือนช่วยพี่ชาย อย่างไรเสียการค้าของเค่ออวิ๋นไหลก็สามารถสร้างรายได้ให้กับตระกูลเซียวได้เหมือนกัน เป็นเรื่องของผลประโยชน์ร่วมกันต่างหาก

ที่ด้านล่างมีคนขายน้ำตาลปั้นเดินผ่านมา จี้จือฮวนมองดูครู่หนึ่งก็อยากซื้อน้ำตาลปั้นไปให้พวกเด็ก ๆ ดังนั้นจึงบอกกับฮวาเซียงเซียง แล้วจึงเดินลงไปด้านล่าง

เซียวหรงหรงลุกขึ้นเล็กน้อย “คุณชายจี้จะไปที่ใดหรือเจ้าคะ?”

“อ่อ ที่บ้านเขามีเด็กชอบน้ำตาลปั้น เขาเลยจะลงไปซื้อน่ะ”

เซียวหรงหรงมีท่าทางเขินอาย “คุณชายจี้ช่างเป็นคนเอาใจใส่จริง ๆ”

เพียงแต่พูดน้อยไปหน่อย

ฮวาเซียงเซียงยังไม่ทันสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ

ไม่ไกลจากโรงน้ำชา เซียวเย่เจ๋อเอ่ยด้วยความกระวนกระวายใจ “เจอตัวหรือไม่?”

“ไม่ขอรับ หาหมดแล้ว ไม่พบร่องรอยคุณหนูเลยขอรับ”

“ยังไม่รีบไปตามหาอีก!”

ที่นี่เต็มไปด้วยความวุ่นวายเพราะมีคนอยู่ทุกที่ หากถูกคนลักพาตัวไปจะทำเช่นไร!?

เซียวเย่เจ๋อเกาหัวด้วยความกระวนกระวาย ถ้าเขารู้ว่าใครแตะต้องน้องสาวเขาล่ะก็ เขาจะหักขาของอีกฝ่ายซะ!

“ซื่อจื่อ ได้เรื่องแล้วขอรับ มีคนบอกว่าเห็นรถม้าของเราผ่านไปเมื่อครู่นี้ขอรับ พุ่งเข้าไปในตรอกทางด้านนั้น จากนั้นก็มีผู้ชายสามสี่คนพาตัวคุณหนูไปขอรับ”

เซียวเย่เจ๋อได้ยินดังนั้น ก็ดวงตาเบิกโพลง

“ไอ้พวกบ้ากามสารเลว กล้าลงมือกับน้องสาวข้าอย่างนั้นหรือ! ไป!”

เซียวเย่เจ๋อพาคนเข้ามาในตรอกด้วยท่าทางดุดัน และบังเอิญคลาดกับจี้จือฮวนที่ไปซื้อน้ำตาลปั้นพอดี หลังจากเห็นรถม้าของจวนตัวเอง เขาก็ลากเสี่ยวเอ้อที่ชั้นล่างมาสอบถาม

เมื่อได้ยินว่าไอ้คนสารเลวพวกนั้นถึงกับขอห้องส่วนตัว ก็ร้อนใจจนอยากจะตะโกนด่าออกมา ไม่สนใจจะพูดกับเสี่ยวเอ้ออีก และรีบขึ้นบันไดไปทันที ก่อนจะเตะประตูเข้าไป ท่าทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“โอ๊ย นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

“เท่านี้เจ้ายังดูไม่ออกอีกหรือ ก็คงมาจับชู้น่ะสิ!”

“แค่ดูก็รู้ว่าต้องเป็นคนโง่ที่ถูกสวมหมวกเขียวให้เป็นแน่ ไม่รู้ว่าชายชู้ของตระกูลใดที่ไร้คุณธรรมเช่นนี้ ถึงได้มาที่โรงน้ำชาของเรา หากว่าข่าวแพร่ออกไป ชื่อเสียงโรงน้ำชาของเราจะทำอย่างไร?”

ด้านล่างกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ เพียงพริบตาเซียวเย่เจ๋อก็มาถึงหน้าห้องส่วนตัวแล้ว

เซียวหรงหรงชะโงกหน้าออกมาดู “ด้านนอกเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”

ฮวาเซียงเซียงยักไหล่ “ฟังจากเสียง คงมีคนแอบเล่นชู้กันที่โรงน้ำชากระมัง”

สตรีสองคนต่างก็เงี่ยหูฟัง ฮวาเซียงเซียงแทบอยากจะออกไปดูเรื่องสนุกเสียเดี๋ยวนี้ เพิ่งจะลุกขึ้นยืนก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองสวมเสื้อผ้าผู้ชายอยู่ เท้าข้างหนึ่งจึงเหยียบเสื้อคลุมของตัวเอง ก่อนจะล้มลงไปทางฉากบังลม

“น้องสาว!” ตอนที่เซียวเย่เจ๋อเตะประตูเข้ามา ก็เห็นชายผู้หนึ่งทำท่าทางราวกับเสือหิวจะขย้ำน้องสาวของตนอยู่

เขารอลูกน้องที่ตามมาไม่ไหวแล้ว จึงพุ่งตัวไปทางฮวาเซียงเซียงทันที ก่อนจะหิ้วร่างของนางขึ้นมา และพูดด้วยความโมโห “เจ้าเด็กนี่ กล้าแตะต้องน้องสาวข้าอย่างนั้นหรือ!!!”

เสียงตะโกนเรียกได้ว่าเต็มไปด้วยพลัง ทำให้ฮวาเซียงเซียงตัวสั่นด้วยความตกใจ

ด้านนอก เสี่ยวลิ่วจื่อกับอาอู๋ก็กำลังสู้กับเซียวผิงอยู่

“เฮอะ อันธพาลที่ใดกัน ถึงกล้ามาเหยียบจมูกข้าถึงถิ่นเช่นนี้”

เซียวผิงชักกระบี่ยาวในมือออกมา “หยุดซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”

“ท่านพี่!” เซียวหรงหรงอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ได้สติขึ้นมา “ท่านพี่ ท่านทำร้ายคนได้อย่างไรกัน รีบปล่อยเขาเดี๋ยวนี้นะ!”

เซียวเย่เจ๋อโกรธจนเลือดขึ้นหน้า โมโหจนเกือบจะหน้ามืด “เจ้าสติเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร! ไม่ว่าใครเจ้าก็จะตามเขาไปอย่างนั้นหรือ!”

แควก

เนื่องจากโมโหจนเลือดขึ้นหน้า เซียวเย่เจ๋อออกแรงทีหนึ่งเสื้อตรงหลังคอของฮวาเซียงเซียงก็ถูกเขากระชากจนขาด

นางรู้สึกเย็นวาบที่หลังขึ้นมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเซียวเย่เจ๋อ

เซียวเย่เจ๋อชำเลืองมองนาง กำลังจะพูดว่าเจ้าเด็กคนนี้ขนยังงอกไม่ครบทุกเส้น แผ่นหลังนั่นก็ขาวเนียนยิ่งนัก ราวกับก้อนแป้งอย่างไรอย่างนั้น

ทว่าเพิ่งละสายตาก็รีบหันกลับมาทันที

“เจ้า!!!!!”

“เซียวเย่เจ๋อ!”

หนึ่งเค่อต่อมา จี้จือฮวนนำน้ำตาลปั้นใส่ไว้ในกล่อง มองเซียวเย่เจ๋อที่ถูกตีจนใบหน้าบวมเป่ง และฮวาเซียงเซียงที่โมโหจนใบหน้าแดงก่ำ พร้อมทั้งมีเสื้อคลุมของเซียวเย่เจ๋อคลุมร่างอยู่และมีสีหน้าเคร่งขรึม

ยังมีเซียวหรงหรงที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บวกกับพวกเซียวผิงและเสี่ยวลิ่วจื่อที่อยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด

“อะแฮ่ม!” นางกระแอมเล็กน้อย “ใครบอกข้าได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น?”

นางเคาะโต๊ะ

เซียวหรงหรงพูดออกมาอย่างกล้าหาญ “คุณชายจี้ นี่เป็นการเข้าใจผิดเจ้าค่ะ พี่ชายข้าคิดว่าข้าถูกลักพาตัว จากนั้นก็เลยกระชากเสื้อคุณชายฮวาขาดเจ้าค่ะ”

“อะไรนะ!” เสียงของเสี่ยวลิ่วจื่อดังจนคอแทบแตก

หมัดของอาอู๋ส่งเสียงดังกรอบแกรบ

เซียวเย่เจ๋อแม้แต่หน้าก็เงยไม่ขึ้น “เอ่อ…”

“หุบปาก!” ฮวาเซียงเซียงตะคอกออกมา

จี้จือฮวนคิดไม่ถึงว่าการที่นางออกไปเพียงครู่เดียว เจ้าพวกนี้จะเล่นละครฉากใหญ่เพียงนี้

นางกุมขมับเล็กน้อย “ที่นี่ไม่เหมาะจะคุยกัน เปลี่ยนที่คุยเถอะ ด้านนอกมีคนรอดูเรื่องสนุกกันอยู่”

.

.