บทที่ 270 งานศพของพิชญา

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย วางนิตยสารลงแล้วยืนขึ้นมา

เขาไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายของเขาก็เป็นสีดำอยู่แล้ว ไม่ต้องเปลี่ยน แค่ติดดอกไม้สีขาวดอกหนึ่งไว้ที่หน้าอกก็พอ

เขาเอาดอกไม้สีขาวให้วารุณี วารุณีเข้าใจความหมายของเขาทันที รับมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ติดไปที่หน้าอกเขา

“เสร็จแล้วค่ะ”วารุณีจัดคอเสื้อของนัทธี แล้วจะเอามือออก

อย่างไรก็ตามนัทธีกลับจับมือของเธอไว้ไม่ปล่อย

“ทำไมเหรอ?”วารุณีมองเขาอย่างสงสัย

นัทธีจับมือของเธอไว้ แล้วดึงเข้าสู่อ้อมแขนของตัวเอง

วารุณีตกใจ ถลาเข้าสู่อ้อมแขนของเขา

จากนั้น นัทธีก็เริ่มจับคางของเธอขึ้นมา แล้วก้มหน้าลงจูบ

วารุณีตะลึงก่อน จากนั้นได้สติคืนมา ก็โอบคอของเขาไว้ แล้วเริ่มจูบตอบเขา

พอนัทธีเกิดความรู้สึก แววตาก็มีรอยยิ้มเข้ามา แล้วจูบไปอย่างออกแรงมากขึ้น จนวารุณีหอบหน่อยๆ เขาจึงปล่อยเธอออก

“ไปเถอะ”นัทธีเช็ดคราบน้ำที่มุมปากด้วยความพอใจ จูงมือของเธอ เดินไปที่ปากทางเข้าบ้านของคฤหาสน์

วารุณีมองท้ายทอยของเขาอย่างเซ็งๆ“ปากของฉันบวมแดงหมดแล้ว”

นัทธีมองริมฝีปากของเธอ“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย”

“หึ!”วารุณีเบะปาก ขี้เกียจที่จะสนเขา

ครึ่งชั่วโมงถัดมา ก็มาถึงตระกูลศรีสุขคํา

ลุงแดงพ่อบ้านของสุภัทร รอการมาถึงของนัทธีที่หน้าบ้านอยู่นานแล้ว

หลังจากเห็นรถของนัทธี ก็รีบมาต้อนรับ และเปิดประตูรถด้วยตัวเอง“ประธานนัทธี คุณมาแล้วเหรอ”

นัทธีไม่สนเขาสักนิด ลงจากรถแล้วปิดประตูรถ จากนั้นเดินไปตรงที่นั่งข้างคนขับ

ลุงแดงมองเขาอย่างสงสัย

หรือว่าในรถยังมีคนอื่นอีก?

ใครกันนะที่ใหญ่โตมากขนาดที่ว่า ให้ประธานนัทธีไปเปิดประตูรถเองกับตัว

กำลังคิดอยู่นั้น คนที่อยู่ในรถก็ลงมา

หลังจากลุงแดงเห็นหน้าของเธอชัดเจน ปากก็อ้าออกมากว้างอย่างตกใจ“คุณ……คุณหนูรอง?”

คนที่อยู่ในรถ เป็นวารุณี

ทำไมเธอคบกับประธานนัทธีได้ล่ะ?

วารุณีมองสภาพตกใจของลุงแดง ก็รู้ว่าในใจเขากำลังคิดอะไรอยู่ กำลังเดาความสัมพันธ์ของเธอกับนัทธีอย่างแน่นอน

“ลุงแดง ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”วารุณียิ้มให้บางๆ แล้วคล้องแขนของนัทธี

ลุงแดงเห็นการกระทำของเธอ จะไม่เข้าใจได้อย่างไรกัน

สองคนนี้ เป็นคู่รักกันชัดๆ!

ลุงแดงยิ้มฝืนออกไปอย่างสุดๆ“คุณหนูรองไม่เจอกันนานเลยนะครับ เชิญด้านในครับ”

นัทธีเงยคางขึ้น พาวารุณีเข้าไปในคฤหาสน์

ตอนที่วารุณีเดินไป ก็หันไปมองลุงแดง

ที่จริงเธอคิดว่าลุงแดงจะถามถึงความสัมพันธ์ของเธอกับนัทธีเสียอีก

คิดไม่ถึงว่าเธอจะคิดมากไปเอง

เข้าไปในคฤหาสน์ ในคฤหาสน์ก็มีแขกมาหลายคนแล้ว ทั้งชายหญิงคนแก่หรือว่าคนหนุ่มสาวก็มีหมด

คนพวกนี้ที่มา ถือว่าไว้หน้าพิชญา

“ประธานนัทธีกับคุณหนูรอง พวกคุณนั่งลงก่อนนะครับ ผมจะไปคุยกับคุณท่านหน่อย”ลุงแดงพาวารุณีกับนัทธีมาตรงที่นั่งที่มีไม่กี่ที่ แล้วให้ทั้งสองคนนั่งลงไปก่อน

วารุณีกับนัทธีก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป นั่งลงไป

ลุงแดงรีบขึ้นไป ไปแจ้งสุภัทรที่ห้องทำงานก่อน

แป๊บเดียว สุภัทรจึงลงมา มองเห็นทั้งสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน สายตาก็ดูซับซ้อนขึ้นมาทันที

แต่แป๊บเดียว ความซับซ้อนแบบนี้ก็เก็บคืนกลับไป เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร“นัทธี วารุณี พวกคุณมาแล้วเหรอ”

วารุณีถูกสุภัทรเรียกว่าวารุณี ถูกเรียกจนรู้สึกขนลุกไปทั่วร่างกาย อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

“หนาวเหรอ?”นัทธีหันไปมองเธอ

วารุณีส่ายหน้า“ไม่ใช่ค่ะ แค่รู้สึกขยะแขยง”

นัทธีเลิกคิ้วขึ้น ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงขยะแขยง จึงหัวเราะเบาๆ

สุภัทรก็รู้ว่าวารุณีว่าตัวเองว่าน่าขยะแขยง แล้วในใจก็รู้สึกโกรธ แต่พอคิดถึงคำที่ลุงแดงพูด เขาก็เก็บความโกรธลงไป

พิชญาไม่อยู่แล้ว ชีวิตครึ่งหลังของเขา ได้แต่เพิ่งศรัณย์กับยัยเด็กเหลือขอวารุณี

ที่สำคัญก็คือ ยัยเด็กเหลือขอนี้ดันคบกับนัทธีแล้ว เขาจะขัดใจไม่ได้ ได้แต่ประจบใส่

พอคิดแบบนี้ การแสดงออกบนใบหน้าของสุภัทรก็ดูใจดีมากขึ้น“วารุณี ลูกคบกับประธานนัทธีนานแค่ไหนแล้วล่ะ?”

วารุณีเงยมองเขา“นี่เกี่ยวกับคุณด้วยเหรอไง?”

“ฉันเป็นพ่อแกนะ นี่ฉันไม่ได้ห่วงแกหรือไง?”สุภัทรถูมือแล้วหัวเราะออกไป

“ห่วง?”วารุณีได้แต่รู้สึกเหยียดหยามออกไป หัวเราะออกมา หัวเราะจนตัวโยกไปมา

นัทธีโอบไหล่ขอเธอ ให้เธอหัวเราะไปที่ไหล่ของเขา

หลังจากวารุณีหัวเราะไปหลายสิบวินาทีได้ จึงหยุดลง“คุณสุภัทร คุณไม่รู้สึกว่ามันปลอมเหรอไง?”

“อะ……อะไรนะ?”หน้าแก่ๆของสุภัทรชะงักไป ชัดเจนว่าคิดไม่ถึง ว่าเธอจะพูดกับเขาแบบนี้

วารุณีสูดหายใจลึกๆ แล้วใจเย็นลงมา“คุณไม่เคยห่วงฉันขนาดนี้มาก่อน ตั้งแต่ตอนที่ไล่ฉันออกไปจากตระกูลศรีสุขคําเลย ฉันกลับประเทศมาตั้งนานมากขนาดนี้ คุณไม่เคยถามฉันเลย ตอนนี้พิชญาตายแล้ว คุณก็มาห่วงฉัน คุณคิดว่าฉันจะเชื่อไหม?พูดมาสิ คุณจะทำอะไรกันแน่?”

นัทธีก็มองสุภัทร

เขาก็อยากรู้ว่า สุภัทรเชิญเขามาทำไม

สุภัทรทุบหน้าอกด้วยสีหน้าลำบากใจ“วารุณี แกไม่คิดถึงพ่อขนาดนี้จริงๆเหรอ?”

“พอเถอะ คุณอย่าเอาเรื่องครอบครัวมาคุยกับฉันเลย คุณเป็นคนอย่างไร ฉันรู้ดี คุณมันเป็นตาแก่เห็นแก่ตัว ในใจของคุณเกลียดลูกสาวอย่างฉันคนนี้มาก แต่ตอนนี้คุณกลับสนิทสนมกลมเกลียวกับฉัน ถ้าไม่มีจุดประสงค์ ใครจะไปเชื่อล่ะ?”วารุณีมองเขาด้วยสายตาเยาะเย้ย

หน้าแก่ๆของสุภัทรแข็งทื่อ รู้สึกอับอายอย่างมาก

นัทธีโอบวารุณีให้ยืนขึ้นมา“ถ้าคุณไม่พูด งั้นพวกเรากลับก่อน”

“เดี๋ยว!”สุภัทรกำหัวมังกรที่ไม้เท้าแน่น รีบเรียกทั้งสองคนไว้

นัทธีกับวารุณีสบตากัน หยุดฝีเท้าลง

“พูดมาเถอะ คิดอะไรอยู่กันแน่?”วารุณีเม้มริมฝีปาก

สุภัทรก็ดูแก่ขึ้นไปสิบกว่าทันที ถอนหายใจด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น“พ่อเชิญนัทธีมา เพราะก่อนที่พิชญาจะตายเธอรักเขาจริงๆ ดังนั้นจึงอยากให้นัทธีมาส่งพิชญาเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนแก พ่ออยากคืนดีด้วยกับแก”

“คืนดี?”วารุณีขมวดคิ้ว

นัทธีก็หรี่ตาลง

มีแต่สุภัทรที่พยักหน้า แล้วพูดว่า“ใช่ พิชญาตายแล้ว พ่อมีแค่แกกับศรัณย์ลูกชายลูกสาวเพียงสองคน……”

“ดังนั้นคุณอยากให้พวกเรากลับไป?”ดวงตาวารุณีเบิกโต ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองเดา

อย่างไรก็ตามสุภัทรกลับพยักหน้า“ถูกต้อง”

อย่างที่เธอคิดไว้จริงๆด้วย!

มุมปากของวารุณีกระตุกขึ้น

เมื่อคืนแม่โทรมาหาแก บอกว่าสุภัทรอยากเอาศรัณย์กลับไป และยังจะฟ้องคดีความ เธอก็ตกใจแล้ว

ไม่คิดว่า สุภัทรจะไม่ใช่แค่เอาศรัณย์กลับไป แต่เธอผู้เป็นลูกสาวที่เกลียดเข้ากระดูก ก็ยังเอากลับด้วย

เวลานี้ อย่าว่าแต่วารุณีเลย แม้แต่นัทธีก็ตกใจกับความหน้าด้านของสุภัทรเป็นอย่างมาก หางตาก็กระตุกหน่อยๆ

“ฉันอยากรู้ว่า ทำไมคุณต้องเอาฉันกลับไปด้วย?คุณเอาศรัณย์กลับไปฉันพอเข้าใจ แต่เอาฉันกลับด้วย ยกโทษให้ฉันฉันไม่เข้าใจจริงๆ คุณเกลียดฉันขนาดนั้น อยากให้ฉันกลับไปจริง หรือว่ามีจุดประสงค์อื่น?”วารุณีหรี่ตาลงมองสุภัทร

แววตาสุภัทรมีประกายแวบเข้ามา แล้วก็เปลี่ยนไปทันที“ไม่มีแน่นอน พ่อแค่คิดได้ขึ้นมาเท่านั้น สุดท้ายยังไงเราก็เป็นพ่อลูกกัน ระหว่างพ่อกับลูกจะมีความแค้นต่อกันได้ไง ดังนั้นวารุณี กลับมาเถอะ พ่ออยากจะชดเชยให้แก”

แค่เอาเธอกลับมาได้ เขาถึงจะสามารถใช้เส้นสายของเธอ ขึ้นไปที่เรือลำใหญ่ของนัทธีได้อีกครั้ง

เขามองออกว่า นัทธีชอบวารุณีจริงๆ แค่ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนพ่อลูกกลับมาเป็นเหมือนเดิม นัทธีต้องไม่ติดใจเอาความเรื่องที่เขาทำไว้เมื่อก่อนแน่ แต่ยังต้องเห็นแก่วารุณี ช่วยดึงเขากับตระกูลศรีสุขคําขึ้นมา แบบนั้นตระกูลศรีสุขคําก็จะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น ใบหน้าแก่ๆของสุภัทรอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น

ดังนั้น เขาจึงไม่สังเกตเห็นว่า ความทะเยอทะยานทั้งหมดของเขาถูกเปิดเผยออกมาหมด

วารุณีใช้แขนดันชายหนุ่มข้างๆเบาๆ แล้วกระซิบไปที่หูว่า“นัทธี เห็นหรือยัง ฉันเป็นแค่กระดานกระโดดขึ้นไป เป้าหมายที่แท้จริงของเขา คือคุณต่างหาก”