บทที่ 269 คดีความของวรยา

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณีเดินไปตรงหน้าโซฟาแล้วนั่งลง พูดอธิบายไปว่า“พิชญาตายแล้วค่ะ”

“อะไรนะ?”วรยาตกใจมาก“ตายแล้ว?”

“ถูกค่ะ”วารุณีพยักหน้า

วรยาออกไปจากห้องคนไข้ของศรัณย์เงียบๆ มาที่ทางเดินด้านนอก แล้วถามอีกว่า“ทำไมเธอถึงตายได้ล่ะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“คือแบบนี้……”

วารุณีเริ่มพูดตั้งแต่ที่พิชญาโดนนัทธีถอนหมั้น จนพูดถึงตอนที่พิชญากระโดดตึกฆ่าตัวตาย พูดไปหลายนาที จนรู้สึกคอแห้ง

วรยาฟังจบ ก็ตบขาอย่างดีใจ“ตายก็ดี เธอทำตัวเองนี่ ทั้งลอกผลงาน แล้วยังวางยาคนอื่นอีก ในที่สุด กรรมก็ตามสนองใส่ตัวเธอน่าตลกเสีย!”

วารุณีหัวเราะ

ไม่ใช่เหรอไง

ทำเรื่องเลวๆไว้เยอะ ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูกกรรมตามสนอง เธอเชื่อสิ่งนี้เสมอ

“ดังนั้นตอนนี้สุภัทรไม่มีลูกสาวสุดที่รักแล้ว กังวลว่าชีวิตครึ่งหลังของตัวเองจะไม่มีใครดูแล เลยจะแย่งศรัณย์ไปใช่ไหม?”วรยายกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา

วารุณีพยักหน้า“ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนแรก เขาก็เอามาช่องทางติดต่อศรัณย์กับฉันแล้ว บอกว่าจะให้ศรัณย์กลับไปเป็นทายาทของบริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ป สุดท้ายตอนนี้บริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ปล้มละลาย”

พูดถึงตรงนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ในเสียงหัวเราะ ก็ยังมีความรู้สึกสะใจแฝงอยู่ในนั้นด้วย

“จะอ้วก!”วรยาจ้องไปด้วยความโกรธ“เขาหน้าด้านมากเลยนะ ตระกูลศรีสุขคําที่ล้มละลายแล้วยังจะให้ศรัณย์กลับไปรับช่วงต่ออีก ท่าทางสมองจะมีปัญหา คิดจริงๆเหรอว่าตระกูลศรีสุขคําของเขาเป็นของมีค่าน่ะ ตอนนี้ก็ยิ่งหน้าด้านจะให้ศรัณย์ไปเลี้ยงดูเขา น่ารังเกียจเสียจริง”

ตอนนั้นที่หย่ากัน สุภัทรไม่ชอบที่ศรัณย์เป็นโรคหัวใจ จึงไม่เอาศรัณย์ที่เป็นลูกชายเลย

ตอนนี้ลูกสาวสุดที่รักของเขาเองตายไป จึงจะมาแย่งศรัณย์ไป บนโลกนี้มีเรื่องที่ไร้เหตุผลแบบนี้ด้วยเหรอ

วารุณีก็พูดเสริมไปว่า“ใช่ ดังนั้นตอนนั้นฉันเลยไม่ได้ให้ช่องทางติดต่อของศรัณย์ไป”

“ไม่ให้น่ะถูกแล้ว แม่ไม่มีทางให้เขาแย่งศรัณย์ไปแน่”วรยาทำเสียงเยือกเย็น

วารุณีกัดริมฝีปาก“แต่ว่าแม่ แม่ไม่ได้เพิ่งพูดเหรอว่า เขาจะฟ้องคดีความ ถ้า……”

“วางใจเถอะ ให้เขาฟ้องไปเถอะ ตอนนั้นที่เขาพูดว่าไม่เอาศรัณย์ แม่จำได้เป็นอย่างดี ในโทรศัพท์ยังมีที่อัดไว้อยู่เลย เขาก็ชนะคดีความไม่ได้ อย่างมากที่ศาลก็ตัดสินให้ศรัณย์เอาค่าเลี้ยงดูทุกเดือนให้เขาไม่เท่าไหร่เอง”วรยาหัวเราะไปอย่างเยาะเย้ย

ได้ยินดังนั้น วารุณีจึงเงยคางขึ้นอย่างโล่งอก“งั้นก็ดี จากกฎหมายภายในประเทศแล้ว ค่าเลี้ยงดูอย่างมากก็สองพัน”

“ใช่ แค่มีค่าเลี้ยงดูอยู่ ศรัณย์ไม่ต้องไปเจอเขาทั้งชีวิต ก็ไม่มีใครว่าอะไรได้”วรยาดีดนิ้วของตัวเอง

ทันใดนั้นวารุณีก็คิดอะไรได้ หัวเราะออกมา“แม่ ฉันจะบอกความลับแม่อย่างหนึ่ง แม่ฟังแล้วต้องดีใจแน่”

“ความลับอะไร?”วรยากะพริบตาอย่างแปลกใจ

วารุณียกมุมปากขึ้นมา“ความลับก็คือ พิชญาไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของสุภัทร เหมือนกับถวิต เป็นลูกของปวิช”

“พระเจ้า!”วรยายืนขึ้นมาด้วยความตกใจ สักพักจึงพูดกลับไปว่า“ลูกรัก จริงหรือเปล่า?”

“เรื่องจริงสุดๆค่ะ ตอนที่พิชญามีชีวิตอยู่ ฉันก็ไปตรวจดีเอ็นเอให้พวกเขาสี่คนแล้ว พิชญากับสุภัทรไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดจริงๆ”วารุณีพยักหน้าอย่างจริงจัง

วรยาหัวเราะเสียงดังออกมา“โอเค ดีมาก ถ้าสุภัทรรู้ว่า ลูกสาวสุดที่รักที่เขารักหนักหนามายี่สิบกว่าปีเป็นลูกคนอื่น กลัวว่าคงโกรธแทบตายแน่ กรรมตามสนอง กรรมตามสนองจริงๆ แม่มีความสุขจัง คืนนี้ต้องฉลองหน่อยแล้ว!”

“อย่าดื่มจนเมาล่ะ!”วารุณีกำชับไปอย่างขำๆ

วรยานั่งลงไปใหม่“วางใจเถอะ โอเคลูกรัก แม่ไม่คุยละ แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวช่วงนี้จะกลับประเทศไป”

“กลับประเทศ?”วารุณีตาเบิกโตขึ้นมา เสียงก็ขึ้นสูง

วรยาหรี่ตาลงอย่างสงสัย“ทำไมเหรอ ได้ยินแม่บอกว่ากลับประเทศก็ตื่นเต้นขนาดนี้ มีอะไรปิดบังแม่หรือเปล่า?”

“ไม่……ไม่มีนี่คะ ฉันจะปิดบังอะไรแม่ได้”วารุณีหัวเราะอย่างฝืนสุดๆ

ตอนที่แม่ไปครั้งที่แล้ว ก็กำชับอย่างดีว่า ให้เธออยู่ห่างจากนัทธีหน่อย ตอนนั้นเธอก็รับปากอย่างดี

ถ้าตอนนี้แม่กลับมา รู้ว่าเธอไม่ใช่แค่ไม่อยู่ห่างจากนัทธี แต่ยังคบกับนัทธีด้วยแล้ว จะต้องโกรธแทบบ้าแน่ๆ

“ไม่มีจริงเหรอ?”วรยาฟังความร้อนตัวในน้ำเสียงของวารุณีออก ก็แสดงออกมาด้วยท่าทางซับซ้อนหน่อยๆ

วารุณีก้มหน้าลง ฝืนพูดไปว่า“ไม่มีจริงๆ แม่ แม่กลับมาเมื่อไหร่ เดี๋ยวฉันไปรับแม่เอง”

“แกสนว่าแม่จะกลับมาเมื่อไหร่เหรอ ยังไงตอนที่กลับ แม่จะติดต่อแกเอง”วรยาโบกมือพูด

วารุณีตบหน้าอก“งั้นก็ดี ต้องติดต่อฉันมานะ”

แบบนั้น เธอก็จะเตรียมตัวล่วงหน้าได้ ไม่ให้แม่รู้ความสัมพันธ์ของเธอนัทธีในทันที

รอหลังจากแม่ตระหนักได้เองแล้ว เธอค่อยพูดออกมา แบบนั้นแม่ก็จะพอรับได้หน่อย และไม่โกรธมาก

“เข้าใจแล้วๆ”วรยาตอบไปพอเป็นพิธี แล้วจึงวางสาย

วารุณีวางโทรศัพท์ลง แล้วเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก

นัทธีเข้ามา ก็เห็นสภาพของเธอที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา คิ้วจึงเลิกขึ้นมาเล็กน้อย“คุณเป็นอะไร?”

“ไม่เป็นไรค่ะ แม่ฉันเพิ่งโทรมา บอกว่าจะกลับมาฟ้องคดีความกับสุภัทร”วารุณีวางโทรศัพท์ลงแล้วถาม

“ฟ้องคดีความอะไร?”นัทธีดึงเนกไท แล้วเดินไปที่เธอ

วารุณีพูดเรื่องที่สุภัทรจะแย่งศรัณย์ไปออกมา

สายตานัทธีมีประกายแวบมาทันที เอาเนกไทดึงออกมาไว้ด้านข้าง แล้วเริ่มแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ตัว“ในเมื่อสุภัทรชนะไม่ได้ งั้นก็ไม่ต้องห่วงแล้ว”

“ฉันเข้าใจแล้ว”วารุณีหัวเราะ

นัทธีเดินไปที่ห้องน้ำ“ผมไปอาบน้ำก่อนนะ”

“ไปเถอะ”วารุณีหยิบเนกไทที่เขาถอดขึ้นมา แล้วม้วนเก็บไปไว้ที่หัวเตียง

นัทธีเข้าไปในห้องน้ำ

แป๊บเดียว วารุณีก็ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำที่ดังออกมา

เสียงน้ำไหลซู่ซ่า พอฟังแล้วในใจของเธอก็รู้สึกว้าวุ่นขึ้นมาแปลกๆ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นัทธีอาบน้ำเสร็จออกมา ก็เห็นวารุณีนั่งงงๆอยู่บนเตียง แล้วสายตาก็มีประกายแวบเข้ามา“คุณยังไม่นอนเหรอ?”

วารุณีได้สติคืนมา ก็มองเขา แล้วจึงมองผ้าคลุมอาบน้ำหลวมๆของเขา กับหน้าอกที่แข็งแกร่ง จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหน้าหูแดงไปหมด รีบหันหน้าหนี ไอออกมา“นอนไม่หลับค่ะ ตอนกลางวันนอนมากไปหน่อย”

เธอเพิ่งตื่นมาไม่กี่ชั่วโมงเอง

นัทธีได้ยินคำนี้ ริมฝีปากบางๆก็ยกขึ้นเป็นมุมเล็กน้อย“ในเมื่อนอนไม่หลับ งั้นก็ทำเรื่องจริงจังหน่อยดีกว่า”

“เรื่องจริงจังอะไร?”วารุณีเอียงหัวลงอย่างงุนงง

สภาพที่แสนจะน่ารักของเธอ ทำให้สายตานัทธีหม่นลงไป“ออกกำลังกายก่อนนอนไง!”

พูดจบ เขาก็ทิ้งผ้าขนหนู แล้วกดเธอลง

วารุณีได้สติคืนมา ก็ไม่ทันเสียแล้ว จึงถูกเขาถอดเสื้อผ้าออกหมด แล้วก็จัดการเรียบไปแบบนี้

เช้าวันถัดมา วารุณีตื่นมาด้วยร่างกายที่อ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว ผู้ร้ายตัวสำคัญที่อยู่ข้างๆก็ไม่อยู่แล้ว

เธอดูเวลา ก็เก้าโมงกว่าแล้ว เปิดผ้าห่มลงมาจากเตียง แล้วไปอาบน้ำที่ห้องน้ำจากนั้นค่อยลงไปชั้นล่าง

เด็กสองคนก็ถูกป้าส้มส่งไปที่โรงเรียนอนุบาลแล้ว ทั้งคฤหาสน์ มีแค่นัทธีคนเดียว

นัทธีกำลังนั่งอ่านนิตยสารเศรษฐกิจบนโซฟาในห้องรับแขก

วารุณีเหลือบมอง เป็นการสัมภาษณ์ที่เขาอัดไว้ที่สถานีโทรทัศน์ครั้งที่แล้ว

“รีบกินข้าวเช้าเถอะ กินเสร็จแล้วออกจากบ้าน”นัทธีหันไปมองวารุณี พูดด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น

วารุณีตอบอือ แล้วเดินไปที่ห้องอาหาร

กินข้าวเสร็จ เธอก็ขึ้นมาเปลี่ยนชุดกระโปรงสีดำ ที่หน้าอกยังติดดอกไม้สีขาวไว้ด้วย แล้วจึงค่อยๆจับราวบันไดลงมา“พวกเราไปกันเถอะ”