ตอนที่ 414 บาปกรรมรุมเร้า

ฮูหยินหม่าที่ตกใจจนกรีดร้องออกมา นางกลัวจนกระโดดหนีไป ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อแล้ว ตะโกนเรียกบ่าวรับใช้เสียงดังให้เดินมายกนางออกไป

“เจ้าเห็นคนกำลังจะตายแต่ไม่ช่วย เป็นนักพรตมีเมตตาไปก็ไร้ประโยชน์ ถุย!”

ก่อนที่จะจากไป หม่าฮูหยินยังไม่ลืมที่จะหันมากล่าวว่าร้าย ดึงดูดให้ผู้คนที่เดินผ่านและร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆ ทยอยมองลอดส่องมา

องครักษ์ของตงหยางโหวที่ได้ยินใบหน้าก็พลันนิ่งลง ผู้ใดกันที่เป็นคนกำหนดว่านักพรตต้องมีจิตเมตตากรุณา ต้องช่วยทุกคนเลยหรือ

ฉินหลิวซีได้บอกไปแล้ว ว่าบุตรชายของนางมีกรรมที่ฆ่าคน ซ้ำยังเป็นสามคนหกชีวิต หมายความว่าอย่างไร ก็หมายความว่าคนที่เขาทำร้ายนั้นเป็นหญิงตั้งครรภ์

คนต่ำช้าเช่นนั้นจะช่วยมาทำไม

จะว่าไปแล้ว เด็กนั่นแค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นของไร้ค่าติดสุรานารี ช่วยไปก็เปลือกข้าวสุกเสียเปล่าๆ

ฉินหลิวซีกลับไม่สะทกสะท้าน กลับกันตงหยางโหวที่ออกมาจากห้องหย่าตั้งนานแล้ว ก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอก เมื่อเห็นใบหน้าที่ปกติของนาง คิ้วก็เลิกขึ้นอย่างอดไม่ได้

“เจ้าอาวาสน้อย เมื่อครู่นี้คนเหล่านั้นทำผิดอะไร ถึงทำให้ท่านโกรธได้ขนาดนี้” ตงหยางโหวรู้สึกประหลาดใจมาก

ฉินหลิวซีเลิกคิ้วขึ้น “ข้าโกรธหรือ”

“ก็กลัวว่ากำปั้นนี้จะหยิกเข้าไปจนทิ้งรอยบนฝ่ามือ” ตงหยางโหวหัวเราะหึๆ

ฉินหลิวซีคลายกำปั้นลง ฝ่ามือถูกหยิกจนขึ้นเป็นรอยแดงๆ อยู่หลายรอยจริงๆ นางจึงได้เอ่ยขึ้น “บุตรชายคนเดียวของตระกูลจือเซี่ยนแห่งเมืองหลิงเซี่ยน มีนิสัยเสเพล ชอบไปยุ่งกับหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ ทำร้ายสตรีถึงสามคน ทุกศพล้วนแล้วแต่มีสองชีวิต”

สีหน้าของตงหยางโหวพลันขรึมลง ความน่าเกรงขามปะทุออกมาทั่วทั้งร่าง คนห่วยเช่นนี้คาดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีชีวิตรอดมาได้

ตัวเขาเองก็อาจจะทำกรรมที่ฆ่าคนหนักเช่นกัน ดังนั้นทายาทสืบสกุลจึงไม่สมบูรณ์นัก และก็ด้วยเหตุนี้จริงๆ เขาจึงยิ่งให้ความสำคัญกับทายาทอย่างมาก ไม่สนว่าจะเป็นตระกูลของตนเองหรือตระกูลของผู้อื่น เพียงแค่มีการเกิด เช่นนั้นก็เกิดมาเลยเยอะๆ เพราะว่าคนนั้นถือเป็นพื้นฐาน

กองกำลังในบังคับบัญชาของตนนั้น หากครอบครัวของนายทหาร ภรรยาแม่ทัพมีการตั้งครรภ์หรือคลอดบุตร เพียงแค่รายงานมา ก็จะส่งซองแดงเพื่อชื่นชมและแสดงความยินดี ยิ่งครอบครัวของตนเองไม่ต้องเอ่ยถึง

น่าเสียดายที่ลูกของตนเองนั้นมีไม่มากนัก มีเพียงลูกชายสองคนลูกสาวหนึ่งคน ลูกชายก็ล้วนตายในสนามรบทั้งหมดแล้ว ลูกชายคนโตก็ไม่มีลูกแม้แต่คนเดียว ลูกชายคนรองก็เหลือลูกชายเพียงคนเดียว และลูกสาวอนุภรรยาอีกหนึ่งคน ตอนนี้หลานชายเพียงคนเดียวก็ยังพิการอีก

และการที่บุตรคนเดียวของหม่าจือเซี่ยนสังหารสตรีมีครรภ์เช่นนี้ นั่นเป็นการแตะเส้นความเจ็บปวดของเขา

“ไม่ใช่สิ ท่านรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร” ตงหยางโหวรู้ตัวอีกทีจึงได้เอ่ยถามขึ้น “นี่ก็ดูออกได้จากโหวงเฮ้งด้วยหรือ”

วิชาโหงวเฮ้งเก่งกาจเช่นนี้เลยหรือ

“จากโหงวเฮ้งก็สามารถดูชะตากรรมของคนคนหนึ่งได้ กรรมที่เกิดจากการฆ่าคน แน่นอนว่าต้องดูออก และเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปดูดวงจากราศี เพราะว่าคนที่เขาฆ่านั้นก็ตามติดอยู่ข้างกายเขา พลังงานความเคียดแค้นทั่วทั้งร่างของเขานั้นเข้มข้นราวกับน้ำหมึก นั่นเป็นผลกรรมรุมเร้า วิญญาณผูกอาฆาตหมายที่จะเอาชีวิต”

“วิญญาณผูกอาฆาตหมายที่จะเอาชีวิต” ตงหยางโหวพินิจพิจารณาไม่กี่คำนี้ และเอ่ยขึ้น “เจ้ากำลังบอกว่า คนที่ถูกเขาฆ่าก็อยู่รอบๆ ตัวเขาหรือ”

“ถูกต้องแล้ว นอนคว่ำอยู่บนตัวเขามีวิญญาณเด็กทารกหนึ่งดวง กำลังดูดหยางชี่ของเขา นี่ล้วนเป็นเหตุผล” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ

ตงหยางโหวดวงตาหดลง “เจ้ามองเห็นหรือ มีดวงตาหยินหยาง”

“ข้ามีตาสวรรค์”

ตงหยางโหวดวงตาเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย เอ่ยถามขึ้น “แล้วข้าล่ะ ข้าก็มีกรรมจากการฆ่าคนหนักเช่นกัน”

ฉินหลิวซียิ้ม “แม่ทัพในสนามรบ ไม่มีกรรมจากการฆ่าคนแม้แต่นิดเดียว และตรงกันข้ามนั้นยังสะอาดบริสุทธิ์ แต่ก็ควรรีบถอดชุดเกราะตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเลี่ยงความสูญเสียของชาติบ้านเมือง ทหาร และราษฎร”

ตงหยางโหวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และยิ้มออกมา “เจ้าอาวาสน้อยช่างพูดเสียจริงๆ”

“ที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริง เป็นแม่ทัพนั้นกรรมจากการฆ่าคนนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่การฆ่าหนึ่งคนและช่วยอีกหมื่นคน กรรมจากการฆ่าคนเช่นนี้ ในอีกแง่หนึ่ง เพียงแค่กรรมที่เกิดจากการฆ่าคนในที่สุดก็เป็นการฆ่าคน ที่ทายาทสืบสกุลไม่อุดมสมบูรณ์นั้น เป็นเพราะว่ากฎแห่งสวรรค์ลงได้โทษที่ท่านทำกรรมฆ่าคนไป แต่ว่าท่านแม่ทัพอาวุโสท่าเป็นถึงผู้บัญชาการสูงสุด มีความถูกต้องดีงามอยู่กับตัว ฆ่าคนที่ควรจะฆ่า ไม่ถูกวิญญาณผูกอาฆาตหมายที่จะเอาชีวิตอะไรหรอก สบายใจได้ แต่พวกวิญญาณผีเด็กพวกนั้น ที่อยากจะเกาะแม่ทัพที่มีพลังงานที่ซื่อตรงเช่นท่านไป”

ตงหยางโหวไม่ได้ให้ความสนใจข้อนี้ ทายาทสืบสกุลต่างหากที่เขายิ่งสนใจ เอ่ยขึ้น “เช่นนั้นการที่ทายาทไม่อุดมสมบูรณ์ มีวิธีการแก้ไขหรือไม่”

“ทายาทก็เป็นชะตากรรม การที่จะมีบุตรแค่สักคน ก็ล้วนต้องดูโชคชะตา พวกเรามักจะพูดกันเสมอว่าการสร้างบุญสะสมกุศลนั้นเป็นบุญบารมี สุดท้ายการหมั่นทำความดีสร้างกุศลนั้นถูกต้องเสมอ”

ตงหยางโหวพยักหน้ารับ

“ท่านแม่ทัพอาวุโสออกมาจากห้องเต๋าแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง” ฉินหลิวซีเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา

ตงหยางโหวรีบเอ่ยขึ้น “สบายมากๆ ความเหนื่อยล้าในร่างกายก็หายไปไม่น้อย ห้องจิตวิญญาณของเจ้านั้น ช่างมีความพิถีพิถัน แล้วก็ดีมากไม่น้อย”

น้ำเสียงท่าทางของฉินหลิวซีมีความทะนงตัว “นับว่าเป็นเพราะเขตฮวงจุ้ย วัสดุที่ใช้ในการจัดเขตก็ไม่ใช่ถูกๆ อักขระยันต์ข้าก็เป็นผู้สลักมันเองทั้งหมด มีแก่นหลักของความสมถะในหลักธรรมเต๋าอยู่ หากท่านแม่ทัพอาวุโสสามารถเข้าถึงฌาน บำเพ็ญตนภายในและกำลังภายในก็จะยิ่งรู้สึกมหัศจรรย์ ซึ่งเป็นผลดีต่อร่างกายมาก”

“เช่นนั้นข้าจะมาทุกวัน”

ทั้งสองคนทักทายกันไม่กี่คำ พอดีกับที่เหล่าหลัวเจ้าของร้านตีเหล็กส่งลูกมาแจ้งกับฉินหลิวซีว่า ขาเทียมที่สั่งไปนั้นตีเสร็จแล้ว ให้ไปดูเผื่ออาจจะต้องมีการปรับ

“บอกพ่อของเจ้า อีกประเดี๋ยวข้าจะไป” ฉินหลิวซีให้เฉินผีเอาลูกอมให้กับเสี่ยวหลัวไปหนึ่งกำ และตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

เดิมทีตงหยางโหวกำลังจะจากไป เมื่อได้ยินเรื่องขาเทียมก็อดที่จะเอ่ยถามมากความไม่ได้ว่ามันคืออะไร

ฉินหลิวซีเองก็ไม่ได้ปกปิดมัน ให้เหล่าโฉวพูดมันแทนตัวเอง

ตงหยางโหวดวงตาเป็นประกาย เอ่ย “เช่นนั้นข้าจะไปส่งท่าน ข้าขอไปดูด้วยได้หรือไม่”

ฉินหลิวซีมองไปที่เขา ที่ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

ตงหยางโหวกลับถอนหายใจด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไป “ท่านก็รู้ ว่าในสนามรบนั้น มีดดาบมันไม่มีตา ด้วยเหตุนี้จึงมีคนมากมายที่ต้องพิการ ไร้ประโยชน์ หากสามารถใส่แขนเทียมขาเทียมได้ ก็สามารถเป็นแม่ทัพเป็นทหารต่อไปได้ และไม่ต้องปลดประจำการไปอย่างเจ็บปวดเสียใจ”

ฉินหลิวซีเงียบลงไปครู่หนึ่ง เอ่ย “ท่านแม่ทัพอาวุโส การที่จะทำของเหล่านั้นจะต้องมีฝีมือที่ประณีตลุ่มลึก วัสดุที่นำมาใช้ก็ต้องมีน้ำหนักเบา ซึ่งมันมีราคาแพงมาก ไม่ใช่ของที่ผู้ใดก็สามารถที่จะใช้มันได้”

“ข้ารู้ เพียงแค่มีคนมีความสามารถบางคนที่อยากจะเก็บมันไว้ ไปดูก่อนก็ได้” ตงหยางโหวเอ่ยขึ้น

ฉินหลิวซีที่ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงมอบหมายให้เฉินผีเฝ้าอยู่ที่ร้าน และให้ศิษย์ทั้งสองคนไปฝึกบำเพ็ญตนที่ห้องเต๋า ส่วนนางก็พาตงหยางโหวไปที่ร้านตีเหล็กหลัวจี้

เหล่าหลัวที่ในตอนนี้ที่กำลังสนทนาอยู่กับสหายเก่าที่สนิทสนมคนหนึ่งของตนเองอยู่ เอ่ยขึ้น “ข้าให้ไอ้สองตัวของข้าไปเชิญคนมาแล้ว สักพักคนก็คงจะมาถึง ให้เขาช่วยเจ้า”

“แบบนี้ได้หรือไม่” สหายเก่าเอ่ยขึ้นอย่างขมขื่น “พวกเราได้เคยเชิญแม่มด รินน้ำมนต์ก็แล้ว ก็หมดหนทางแล้ว เหล่าหลัวเจ้าเองก็รู้ว่าพวกเราสองคนไม่ขาดแคลนบุตรชาย เพ้อฝันว่าต้องการมีบุตรี ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้มาสักหนึ่งคน ก็นับว่าแก่มากแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ อย่าว่าแต่ข้าเลย ภรรยาของข้าก็ปาเข้าไปครึ่งชีวิตแล้ว”

เหล่าหลัวที่ได้ฟังแล้วก็ทั้งปวดร้าวทั้งอิจฉา สหายเก่าผู้นี้นั้นเป็นเศรษฐีที่ดิน ทั้งสองคนสามารถมีบุตรได้ และมีถึงสี่คน ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่อิจฉาเขา แต่ว่าได้บุตรสาวเพียงแค่คนเดียว หลังจากที่คลอดออกมาแล้ว เขาก็กลายเป็นคนที่รักหลงบุตรสาวไปเลย

ตอนนี้บุตรสาวเกิดเรื่องขึ้น ไม่รีบร้อนสิถึงจะว่าแปลก

“พวกเจ้าก็ด้วย ลูกเกิดเรื่องทั้งที ที่จริงควรจะไปวัดอู๋เซียงหรืออารามชิงผิงเชิญท่านอาจารย์มาดูให้ดีกว่า เชิญแม่มดอะไรมา เชื่อได้หรือ”

“นี่ไม่ใช่โรคด่วนอะไรที่ต้องไปหาหมอมั่วซั่ว”

“อ่า ข้าจะเอ่ยอย่างไรกับเจ้าดี… โอ๊ะ นักพรตน้อยมาแล้ว” เหล่าหลัวที่เห็นฉินหลิวซีตอนนี้อยู่ที่หน้าประตู จึงได้รีบแยกกับสหายเก่า แล้วไปต้อนรับอีกฝ่ายก่อน

แพทย์ผู้มากพรสวรรค์