บทที่ 255 เข้าเมืองไปขายเนื้อ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 255 เข้าเมืองไปขายเนื้อ

บทที่ 255 เข้าเมืองไปขายเนื้อ

ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างเร็วเสมอ อีกไม่นานก็จะถึงสิ้นเดือนสิบสองแล้ว

ตั้งแต่ช่วงวันเซ่นไหว้เทพแห่งเตาไฟในเดือนสิบสองเริ่มขึ้น บรรยากาศปีใหม่ของหงซินดีมาก

ฟาร์มหมูของชุมชนไปได้สวย ปีนี้จัดการไปร้อยกว่าตัวแล้ว

ถึงจะมีจำนวนเยอะ แต่ส่วนใหญ่ก็ส่งให้กับทางรัฐและส่วนรวม ทว่าของพิเศษสำหรับคนหงซินก็ยังเยอะอยู่ดี

เหนือสิ่งอื่นใดคือ ในปีก่อน ๆ แต่ละคนจะได้เนื้อคนละหนึ่งถึงสองจินเท่านั้น แต่ปีนี้แบ่งได้คนละสิบจินเลยทีเดียว

ที่จริงนอกจากเนื้อแล้ว ยังมีหัวหมู ขาหมู เครื่องในอะไรต่าง ๆ นับไม่ถ้วนเลยทีเดียว

นอกจากหมูแล้วยังมีไข่คนละสามจินอีกด้วย

คุณย่าซูมองลังไข่ไก่ใบใหญ่ตรงหน้า และคิดว่าจะทำอย่างไรกับไข่จำนวนมากพวกนี้ดี

บ้านหลักตระกูลซูมีจำนวนเยอะ แต่ตอนนี้คู่เหล่าซานและฉีเหลียงอิงไม่นับว่าเป็นของสมาชิกคนหงซินแล้ว แต่ที่บ้านก็ยังมีสมาชิกถึงสิบห้าคน

ไข่มากกว่าสี่สิบจิน ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คงไม่กล้าฝันเฟื่อง

นอกจากนี้ยังมีเนื้อหมูคนละสิบจิน สมาชิกบ้านเราก็หนึ่งร้อยห้าสิบจิน รวมกับหัวหมูสองหัว ขาหมูสิบขา เครื่องในห้าชุด นับดูแล้วมากกว่าหมูทั้งตัวเสียอีก

ในตอนที่คุณย่าซูกำลังคิด หลี่จู้จื่อแบกตะกร้าไว้บนหลังและอุ้มลูกชาย พร้อมทั้งภรรยาที่ขี่วัวมา

“ป้าครับ กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ?” หลี่จู้จื่อวางลูกชายลง แล้วปล่อยให้เขาวิ่งเล่นคนเดียวก่อนจะเดินเข้าไปหาคุณย่าซู

“จู้จื่อ พวกเธอสองคนมาได้ยังไงกัน? ของปีใหม่เตรียมพร้อมแล้วหรือ?” คุณย่าซูพูดอย่างร่าเริง

ภรรยาจู้จื่อลูบท้องก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า “เตรียมของง่าย ๆ ไว้นิดหน่อยแล้วค่ะ บ้านเราคนน้อย ไม่ต้องเตรียมอะไรเยอะแยะ”

หลายปีที่จู้จื่อแต่งเข้าบ้านภรรยา เธอก็ได้ใช้ชีวิตด้วยกันกับสามี

ตั้งแต่ที่เหล่าซานไปทำงานในทีมยานยนต์ของเมือง จู้จื่อกลายมาเป็นคนขับรถไถแทน

“คุณป้า ปีก่อนป้ากับลุงดูแลผมดีมากเลย พวกเราไม่มีอะไรจะตอบแทน ไม่สิ ปีนี้ของที่ชุมชนให้มาเยอะมาก พวกเราปรึกษากันว่าจะมาอวยพรพวกท่านล่วงหน้าครับ!”

พอได้ยินหญิงชรากลับตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย “จู้จื่อ ทำแบบนี้ไม่ถูกต้องนะ ฉันกับตาแก่ช่วยเธอ ไม่ได้หวังให้พวกเธอเอาของมาให้เสียหน่อย”

จู้จื่อไม่ใช่คนไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณ ชีวิตที่ผ่านมาไม่ค่อยดีนัก พอถึงปีใหม่ก็ไม่มีของดี ๆ ส่งมาให้คนบ้านซูเลย

อาหาร เนื้อ และไข่มากมายที่ทางชุมชนให้เราในปีนี้ ทั้งสองต่างเตรียมมาเพื่ออวยพรฉลองปีใหม่ให้ล่วงหน้า

พอเห็นใบหน้าของหญิงชรา ภรรยาจู้จื่อก็คลี่ยิ้ม “ป้าคะ จู้จื่อพูดเสมอเลยว่าก่อนหน้านี้พวกคุณดูแลเขาเหมือนลูกชายคนหนึ่ง แถมยังพูดอีกว่าหลังจากนี้พวกเราก็จะมาทำความเคารพพวกคุณเหมือนพี่ชายพี่สะใภ้ ของพวกนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องรับไว้นะคะ”

ภรรยาจู้จื่อวางตะกร้าไว้ข้างหน้า

ของขวัญพวกนี้ ไม่ต้องพูดถึงในชนบทหรอก แม้แต่คนในเมืองหลวงยังมีแววตาเปล่งประกาย

เนื้อชิ้นใหญ่ดูน่าจะหนักประมาณสิบจิน แล้วยังมีไข่ไก่ตะกร้าเล็ก น่าจะประมาณสามถึงสี่จิน

“เมียจู้จื่อ เธอกำลังจะคลอดในอีกสองเดือนแล้ว เก็บไข่พวกนี้ไว้บำรุงตัวเองเถอะ ทำไมต้องส่งให้พวกเราด้วยล่ะ?”

คุณย่าซูรู้ว่าสองคนนี้จริงใจ จึงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ แต่ก็ยังไม่ยอมรับ

“ที่บ้านเรายังมีไข่อีกเยอะค่ะ กินพอแล้วค่ะ” อีกฝ่ายพูดอย่างอ่อนโยน

ต้องบอกเลยว่าคุณย่าซูไม่มีความสามารถในการเลือกลูกเขยเลย แต่ความสามารถในการเลือกสะใภ้ทั้งสาม รวมถึงภรรยาจู้จื่อนั้นดีมาก พวกเธอต่างก็เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยม

“ฉันรับไข่ไว้ได้ แต่เนื้อพวกนี้เอากลับไปทำเนื้อหมักเถอะ ได้กินตั้งหลายเดือนด้วย”

“แต่ว่า…” หลี่จู้จื่อคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็โดนหญิงชราขัด

“จูจื่อ ฉันรู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ หลายปีมานี้ชีวิตแกลำบากมาก ของที่ส่งมาให้ฉันกับตาแก่ทุก ๆ สิ้นปีมาให้เนี่ย แค่นี้ก็พอแล้ว!”

พอได้ยินคุณย่าซูพูดแบบนั้น เขาก็รู้สึกผิดมาก

เมื่อก่อนเขาส่งอะไรให้บ้างนะ ถ้าไม่ใช่ถั่วก็ฟักทอง แตง ผักตากแห้งอะไรแบบนี้ ถึงป้าจะไม่ชอบแต่ก็ยังรับไว้ ถ้าเป็นบ้านอื่นคงโยนทิ้งไปแล้ว

แม้บ้านซูจะไม่ชอบ แต่ก็ยังห่อน้ำตาลรวมถึงส่งผืนผ้ามาให้พวกเขาบ่อย ๆ อีก

เห็นสองสามีภรรยาจะพูดอะไรสักอย่าง คุณย่าซูก็เอ่ยด้วยใบหน้าเรียบ “ไม่งั้นก็เอาไข่พวกนี้กลับไปด้วยสิ!”

พวกเขาถึงได้หยุดคะยั้นคะยอ

ตอนที่ทั้งสองกลับไป คุณย่าจะยังเอาลูกอมผลไม้ใส่ไปให้ ทั้งยังมีถุงถั่วลิสง และน้ำตาลทรายแดงอีกด้วย

“เธอท้องแก่แล้ว ต้องระวังให้มาก จู้จื่อต้องคอยดูอย่าให้คลาดสายตา ดูแลภรรยาให้ดีนะ” คุณย่าซูไม่ลืมจะเตือนอีกหลายรอบ

ถ้าบอกว่าภรรยาจู้จื่อไม่รู้สึกอยู่ในใจก็คงโกหก

พูดเรื่องนี้ขึ้นมา บ้านซูกับสามีของเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่พวกเขาดูแลจู้จื่ออย่างดี

ตอนที่เสี่ยวเถียนกลับมา ย่าของเธอกำลังเศร้าที่กินไข่เยอะขนาดนี้ได้ไม่หมด

“หรือเอาไปขายในเมืองดีคะ!” หลานสาวเอ่ยขึ้นทันใด

ที่บ้านมีไข่หลายร้อยฟอง กินไม่หมดก็ไม่สดแล้ว

ใกล้จะปีใหม่ สินค้าในเมืองต้องไม่พอแน่ ส่งไปขายแล้วกำหนดราคา อาจจะขายได้ราคาดีนะ

คุณย่าซูฟังแล้วก็ตกใจมาก รีบผุดลุกขึ้นไปปิดปากหลานสาว

ทำไมเด็กคนนี้ถึงทึ่มทื่อแบบนี้ พูดจาไร้สาระได้อย่างไร? ถ้าเกิดว่าโดนตัดหางกลายเป็นพวกทุนนิยมขึ้นมาจะทำยังไง?

“ย่า ย่าคงไม่รู้ว่าตอนนี้ในอำเภอมีพ่อค้ายรายย่อยพ่อค้าหาบเร่แอบทำธุรกิจกันเต็มเลย ตอนนี้ยังไม่มีคนสนใจด้วย”

ปีหน้าจะมีการปฏิรูปและเปิดประเทศ มีอะไรต้องกลัว?

ที่จริงคุณย่าซูเพิ่งรู้ถึงสิ่งที่เสี่ยวเถียนบอก แต่หญิงชราโดนทำให้หวาดกลัวมาหลายปีจึงไม่กล้าคิดเรื่องนี้

“แต่มันคือการเก็งกำไรนะ!”

“ไม่เป็นไรหรอกย่า พรุ่งนี้หนูจะเข้าเมืองกับพี่ใหญ่ จะเอาไข่ที่กินไม่ไหวไปขายแล้วค่อยแลกเป็นเงินกลับมากนะ จะได้ให้พี่ ๆ เอาไปใช้ที่เมืองหลวง”

หญิงชราได้ฟังก็คิดว่าต้องจ่ายค่าเทอมให้หลาน ๆ แล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้

หลานสามคนในบ้านกำลังจะไปเรียน ค่าใช้จ่ายก็ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะบ้านเหล่าต้าที่มีลูกได้ไปสองคน พวกเขาแก่แล้ว ไม่หนุนสักหน่อยจะได้ไหม?

“บ้านเรามีเนื้อเยอะแยะเลย ไม่งั้นเอาไปขายสักหน่อยไหม?”

เสี่ยวเถียนคิดก่อนจะเอ่ยว่า “ก็ดีนะคะ ย่า งั้นพรุ่งนี้พวกหนูเข้าอำเภอเอาเนื้อสิบจินไปให้อาใหญ่ อีกสี่สิบจินเอาไปขาย ไข่ไก่ก็เอาไปสามร้อยฟอง ให้อาใหญ่สี่สิบฟอง ส่วนที่เหลือเอาไปขายนะ”

ครั้นได้ยินหลานสาวจัดการอย่างเป็นระบบ คุณย่าซูก็ตอบตกลง

แต่ก็ยังเตือนอย่างเป็นกังวล “ถ้าในเมืองท่าไม่ดี ก็ไม่ต้องขายนะ!”

เสี่ยวเถียนจึงรีบพยักหน้าตอบตกลงทันที