บทที่ 256 กลับบ้านด้วยกัน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 256 กลับบ้านด้วยกัน

บทที่ 256 กลับบ้านด้วยกัน

วันรุ่งขึ้น สามพี่น้องเสี่ยวเถียน โส่วเวิน และซื่อเลี่ยงเข้าไปยังอำเภอ

มีคนอื่น ๆ ในชุมชนนั่งรถรับส่งไปเข้าไปในอำเภอพร้อมกับเขา ทุกคนสะพายกระเป๋าเป้ แค่ดูก็รู้แล้วว่าไปไหน แต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกัน

บางครั้งก็มีคนถาม เลยบอกว่าเอาเนื้อกับไข่ที่แบ่งได้จากชุมชนไปให้ญาติในเมือง

ทันทีที่มาถึง เด็กทั้งสามตรงไปบ้านหม่านซิ่วทันที

อาใหญ่กำลังซักผ้าปูที่นอนและผ้าห่มนวมอยู่ เธอตกใจมากเมื่อเห็นหลาน ๆ ปรากฏตัวขึ้น

“พวกเธอมาทำอะไรกันเนี่ย? ที่บ้านมีเรื่องหรือ?”

ใกล้วันปีใหม่ ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ใครที่ไหนจะเข้าเมืองกัน!

“ไม่มีอะไรค่ะอาใหญ่ เนื้อจากชุมชนแบ่งมาให้ พวกเราเลยเอามาส่งค่ะ” เสี่ยวเถียนว่าแล้วก็วิ่งไปหาน้องชายที่วิ่งเล่นในสวน

“อาใหญ่ครับ ปีนี้ได้เนื้อกับไข่เยอะมากเลย” โส่วเวินกล่าว “ย่าให้เราเอามาส่งให้บางส่วน ที่เหลือก็จะเอาไปขายครับ ไม่รู้ว่าจะขายได้ไหม”

หม่านซิ่วยิ้ม “ปีนี้ได้เท่าไรเนี่ยถึงขนาดมีไว้ขายน่ะ?”

ฐานะทางบ้านเราไม่ได้แย่ ถ้าไม่ได้เยอะจริง ๆ ก็คงไม่ขายหรอก

แม้จะคิดไว้ในใจ แต่พอได้ยินจำนวนก็ตกใจมาก

“ทำไมปีนี้มีเยอะจังล่ะ?” เธอถามด้วยความประหลาดใจ

“ฟาร์มหมูปีนี้เป็นไปด้วยดีครับ หัวหน้าซูจัดการไปหลายตัวเลย แล้วก็เอามาแบ่งกัน แถมยังบอกด้วยว่าฉลองที่พวกเราสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้”

หม่านซิ่วถอนหายใจ หัวหน้าซูอาจหาญกล้าพูดกล้าทำนัก

แบ่งเนื้อเยอะขนาดนี้ ไม่กลัวต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำเลยหรือไง?

ทว่าตั้งแต่ฤดูร้อนของปีนี้ สถานการณ์ต่าง ๆ ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปบ้าง เมื่อไม่นานมากนี้ก็มีคนทำธุรกิจตัวเล็กตัวน้อยค้าขายตามท้องถนน ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจด้วย

แต่ถึงอย่างนั้น ซูหม่านซิ่วก็ยังกังวลว่าเด็ก ๆ จะถูกจับตามองเอาได้ ถ้าพวกเขาไปขายเนื้อและไข่ตามท้องถนนจริง ๆ เธอจึงเอ่ยขึ้ย “อารู้จักบ้านที่อยากได้เนื้อกับไข่อยู่บ้าง เดี๋ยวจะไปถามให้นะ”

สุดทา้ย ข้าวของที่เอามาจากบ้านซูก็ยกให้หม่านซิ่วหมดเลย

เดิมทีเสี่ยวเถียนอยากลองทำธุรกิจดูบ้าง

ในมือถือตั๋วเนื้อยี่สิบกว่าจินและเงินอีกเจ็ดสิบกว่าหยวน ทั้งสามพี่น้องแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“พี่ใหญ่ พวกเราขายได้เงินกับตั๋วขนาดนี้เลยหรือ?”

พอเห็นท่าทางโง่เขลาของซื่อเลี่ยง อาใหญ่ก็อดหัวเราะไม่ได้ “หาได้ยากจริง ๆ ที่พี่รองของเราจะดูโง่เขลาขนาดนี้”

ซื่อเลี่ยงเป็นเด็กที่ฉลาดมาก มันหายากจริง ๆ ที่จะแสดงท่าทางทึ่ม ๆ ออกมาแบบนั้น

เสี่ยวเถียนมองพี่รองด้วยสายตาที่มีความหมาย

พี่รองเก่งทั้งวาดรูปทั้งเขียนอักษร ถึงจะเรียนไม่ได้ดีเท่าพี่ใหญ่กับพี่สาม แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น

แต่ดูเหมือนวันนี้จะไม่สามารถทำมาค้าขายได้อีกแล้ว

เรื่องชั่งตวงจะไม่รู้ทั้งหมดก็ไม่เป็นไร แต่เหมือนว่าจะไม่รู้วิธีต่อรองราคากับคนอื่นเนี่ยสิ

หากไม่ใช่เพราะความฉลาดของพี่ใหญ่ วันนี้เราก็คงไม่ได้เงินเยอะขนาดนี้

ตกเย็น เหล่าซาน เหลียงซิ่ว และฉีเหลียงอิงก็กลับมา

เห็นลูก ๆ ทั้งสามก็ว่าตกใจแล้ว พอรู้ว่าเข้าเมืองมาขายเนื้อกับไข่ก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม

ตั้งแต่เมื่อไรที่หงซินเราแจกไข่กับเนื้อได้มากขนาดนี้?

แต่คิด ๆ ดูอีกที บ้านเราทุ่มเทแรงกายแรงใจให้ฟาร์มหมูฟาร์มไก่ขนาดนั้นก็ไม่แปลกเท่าไร

มันคงจะแปลกมากกว่าถ้าทุ่มทุนขนาดนั้น แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย

“พอดีเลย พรุ่งนี้พวกพ่อแม่จะหยุดพอดี กลับบ้านด้วยกันเถอะ” เหล่าซานพูดด้วยรอยยิ้ม “หยุดจนถึงวันที่ 11 เดือน 1 อยู่บ้านได้นาน ๆ เลยด้วย!”

แม่สามและแม่รองยังบอกด้วยว่าพรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านเช่นกัน เป็นสวัสดิการของปีใหม่จากที่ทำงาน

หม่านซิ่วได้ยินพี่ชายกับพี่สะใภ้บอกก็ต้อนรับพวกเขามากินข้าวเย็นที่บ้าน และยังบอกว่าช่วงเวลาแบบนี้เหมาะกับการทำเกี๊ยวกินสุด ๆ

“ปีใหม่หลายปีก่อนเพิ่งจะกินเกี๊ยวได้แค่มื้อเดียว ไม่กล้ากินอิ่มด้วยซ้ำ คนเดียวก็ได้แค่สามสี่ตัวเอง” เหลียงซิ่วห่อเกี๊ยวไปด้วย เอ่ยด้วยแรงอารมณ์ไปด้วย

ไม่คิดเลยว่าตอนนี้แค่อยากกินก็ได้กินตามต้องการ ชีวิตเราดีขึ้นจริง ๆ

“ในอนาคตคงจะกินเกี๊ยวจนเบื่อแน่เลยค่ะ ถึงตอนนั้นจะเนื้อจะปลาก็คงไม่อยากกินแล้วแหละ” เสี่ยวเถียนว่าพลางปอกกระเทียม

ในตอนที่ยกเกี๊ยวออกจากหม้อ เฉินจื่ออันก็กลับมาพอดี

“ทำไมวันนี้กลับดึกจังเลยล่ะคะ?”

“ใกล้วันส่งท้ายปีเก่าด้วยน่ะ วันนี้เลยรีบเคลียร์งาน พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องไปอีก!” เฉินจื่ออันว่าพลางล้างมือ “พี่สะใภ้สามทำเกี๊ยวใช่ไหมเนี่ย? หอมมากเลย”

ซูหม่านซิ่วพูดอย่างโกรธ ๆ “ปกติอาหารที่ฉันทำมันไม่อร่อยหรือไง?”

“ซิ่วเอ๋อร์ ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น จะโทษกันไม่ได้นะ ข้าวที่เธอทำอร่อยจะตาย ดูสิ สองวันมานี้ฉันมีหน้าท้องแล้วด้วยนะ!” คนเป็นสามีรีบกล่าว

เสี่ยวเถียนมองท่าทางของอาเขยใหญ่แล้วก็อดหัวเราะลั่นไม่ได้

พอได้ยินหลานสาวหัวเราะ ทุกคนก็อดหัวเราะตามไม่ได้

เฉินจื่ออันได้ยินว่าทุกคนจะกลับหงซินพรุ่งนี้ เขาจึงเอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้พวกเรากลับบ้านไปฉลองปีใหม่ด้วยกันเถอะ!”

เพราะไม่มีพ่อแม่แล้ว ครอบครัวเราก็ฉลองปีใหม่กันแค่สามคน สู้กลับบ้านฉลองให้คึกคักที่บ้านพ่อตาดีกว่า

เพราะรู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าที่บ้านพ่อตาสนุกสนานกันมาก

ไม่ใช่แค่ครอบครัวเราเท่านั้น แต่ยังมีลุงเขยและอาจารย์ตู้อยู่ที่นั่นด้วย

หม่านซิ่วไม่คิดว่าสามีจะแนะนำเช่นนี้

“พูดจริงหรือ?”

“จริงสิ ตอนเย็นก็ไปนอนค้างคืนที่บ้านพี่เถาฮวาก็ได้” เฉินจื่ออันพูดอย่างกับว่าเป็นเรื่องปกติ

หม่านซิ่วได้ยินก็รู้ว่าสามีอยากไปฉลองปีใหม่ที่หงซิน แม้กระทั่งคิดแล้วว่าค้างคืนที่ไหนดี

“ที่บ้านยังมีห้องว่างอยู่นะครับ” โส่วเวินรีบพูด “พ่อแม่ผมไปนอนที่ฟาร์มกันหมดเลย ไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน”

“งั้นก็เยี่ยมเลย!” เฉินจื่ออันพูดอย่างใจดี

“อาจารย์เสิ่นกลับมาแล้วด้วยครับ ปีใหม่จะมารับป้าเถาฮวา เสี่ยวเหมยกับเสี่ยวกังไปเมืองหลวงด้วย เขาบอกว่าพี่โส่วเวิน ซานกง และผมก็จะไปด้วยครับ ไม่ต้องให้พี่บ้านเสียเวลาไปส่ง” ซื่อเลี่ยงนึกขึ้นได้หลังจากกินเกี๊ยว

จื่ออันไม่คิดว่าเสิ่นจื่อเจินจะกลับมาจริง ๆ

ปกติไม่เขียนจดหมายกันหรือ แต่มาหาคนทางนี้เองเลยเนี่ยนะ?

เสิ่นจื่อเจินเป็นคนที่ซื่อตรงดีจริง ๆ!

วันรุ่งขึ้น คนทั้งครอบครัวออกเดินทางอย่างเอิกเกริก

สมาชิกเล็กใหญ่ทั้งเก้าคน พร้อมทั้งของขวัญปีใหม่ โชคดีที่มีรถมาส่ง

พอรถมาถึงหงซิน คนในชุมชนการผลิตเห็นข้าวของที่พวกเขาขนลงมาก็นึกถึงเนื้อที่บ้าน แล้วไม่คิดอิจฉาอีก

สำหรับพวกเราชาวนา สิ่งที่ดีที่สุดคือเนื้อสัตว์และไข่ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตครอบครัวได้จริง ๆ ต่างหาก ส่วนขนมไข่ ขนมขบเคี้ยวอะไรพวกนั้น ลองชิมสักหน่อยก็ไม่เสียหาย แต่จะมากินแทนข้าวได้อย่างไรล่ะ?