บทที่ 229.1 พี่สาวน้องชาย (1)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 229 พี่สาวน้องชาย (1)
ครั้นกู้เจียวมีใจอยากจะเชยชมใบหน้าอันหล่อเหลาของคนตรงหน้าเสียหน่อย แต่พอมือเรียวยาวของเขาสัมผัสเข้ามาที่ท้องน้อยบวมหน่วงของนาง ก็รู้สึกสบายเสียจนเผลอหลับไปอย่างรวดเร็ว

เสียงลมหายใจเข้าออกดังขึ้นเป็นจังหวะ

ชายหนุ่มค่อยๆ ยกมือออก ห่มผ้าห่มให้ ดับไฟลง แล้วค่อยๆ ย่องออกจากห้อง

ปลายนิ้วของเขายังคงรู้สึกได้ถึงไออุ่นและกลิ่นตัวของหญิงสาว เขาจ้องเข้าไปที่มือของตัวเองด้วยสายตาตื่นตระหนก และจู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่าตัวเองทำเกินไปแล้ว ก่อนจะหลับตาลง

เซียวลิ่วหลังเอ๋ยเซียวลิ่วหลัง เจ้าทำอะไรลงไปน่ะ

กู้เจียวนอนหลับสบายจนตื่นสาย จนเสี่ยวจิ้งคงและเซียวลิ่วหลังออกไปที่กั๋วจื่อเจียนแล้ว

กู้เจียวเลยต้องออกจากเรือนพร้อมกับกู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่น

“กินยาแล้วหรือยัง” กู้เจียวหันไปถามกู้เหยี่ยน

“อืม กินแล้ว” เขาตอบ

แม่นางเหยาไม่ต้องใช้ยาแก้อาการซึมเศร้าแล้ว ส่วนโรคหัวใจของกู้เหยี่ยนนั้นยังต้องกินยาต่อเนื่องไปตลอด แต่ด้วยความที่เขาอายุมากขึ้น การทานยาเรื่อยๆ อาจทำให้ดื้อยาได้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือต้องได้รับการผ่าตัด

“ท่านพี่!” กู้เหยี่ยนยืนรอหน้าประตูเรือน

“มาแล้ว” กู้เจียวขานตอบพลางสะพายตะกร้าคู่ใจของนาง

กู้เหยี่ยนรู้สึกดีใจเป็นพิเศษ

เพราะวันนี้มีกู้เจียวเดินทางไปกับเขา!

กู้เหยี่ยนเดินออกไปพร้อมกับกระเป๋าหนังสือ สภาพร่างกายของเขานับว่าฟื้นตัวได้ดี ดูเผินๆ เหมือนเด็กผู้ชายคนอื่นๆ ทั่วไป กระโดดโลดเต้นได้อย่างไร้ปัญหา

กู้เจียวชำเลืองดูน้องชายผู้ไร้เดียงสา พลันเกิดความรู้สึกว่าสายสัมพันธ์ระหว่างนางกับกู้เหยี่ยนเรียกได้ว่าตัดไม่ขาด โลกของเขาก็คือโลกของนาง เขามีความสุข นางก็มีความสุข ถ้าเขาเศร้า นางก็จะเศร้าไปด้วยเช่นกัน

กู้เจียวเสียเขาไปไม่ได้

พลางสัญญากับตัวเองว่าต้องรักษาเขาให้ได้

พวกเขาเดินทางมาถึงสำนักบัณฑิตชิงเหอ กู้เจียวจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมของกู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่นให้ดูเรียบร้อย ก่อนจะเอ่ยลาพวกเขา “รีบเข้าไปเถอะ”

เด็กหนุ่มทั้งสองเอ่ยลาผู้เป็นพี่สาว ก่อนจะเดินแบกกระเป๋าเข้าไปในสำนักบัณฑิต

จากนั้นกู้เจียวเดินทางไปยังโรงหมอ

วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นที่โรงหมอ เรื่องมีอยู่ว่า จู่ๆ มีคนมาบอกว่าพวกเขาทำคนไข้ที่เป็นภรรยาของเขาตาย

ซ้ำยังลากศพมาให้เห็นกับตาด้วย!

พวกเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน คนนอกเริ่มเข้ามามุงที่หน้าโรงหมอกันอย่างจ้าละหวั่น

ขณะที่เสี่ยวซานจื่อพยายามควบคุมสถานการณ์ไม่ให้คนมามุงไปมากกว่า กู้เจียวที่เพิ่งมาถึงโรงหมอจึงเดินเข้าไปถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

เสี่ยวซานจื่อตอบอย่างร้อนรน “โธ่ แม่นางกู้ ในที่สุดท่านก็มาได้เสียที! จู่ๆ มีชายแปลกหน้ามาบอกว่าพวกเราฆ่าภรรยาของเขาตายทั้งกลมขอรับ บอกให้พวกเราชดใช้! เลยวุ่นวายกันตั้งแต่เช้าเลย จนคนไข้ในโรงหมอเกิดกลัวจนหนีกลับไปกันหมดเลย! พวกคนไข้ที่มารอตรวจพวกเขากลัวกันจนไม่มีใครมาที่โรงหมอพวกเราเลยขอรับ!”

เสี่ยวซานจื่อเล่าไปก็พลางเอามือผลักผู้คนออก “พวกท่าน ขอทางหน่อย! ขอทางด้วย! อย่ามามุงกันตรงนี้สิขอรับ!”

ผู้คนมัวแต่สนใจเหตุการณ์ด้านใน ไม่มีใครสนใจคำพูดของเสี่ยวซานจื่อเลยสักนิด

กู้เจียวจึงเดินอ้อมเข้าไปทางประตูหลัง

ประตูใหญ่ถูกปิดกั้นโดยเหล่าผู้ช่วย เพื่อกันไม่ให้คนนอกเข้ามา วันนี้เถ้าแก่รองไม่อยู่ เหลือแค่ผู้ดูแลหวังที่คอยรับหน้า

ตรงโถงกลางมีแผ่นไม้ใหญ่วางอยู่ บนนั้นเป็นร่างของศพท้องโตที่ถูกคลุมด้วยผ้าคลุมสีขาว คงเป็นศพที่เสี่ยวซานจื่อเล่าให้ฟังเมื่อครู่ว่าเป็นศพตายทั้งกลม

ที่ข้างๆ ศพ มีสตรีวัยกลางคนอกนั่งคุกเข่าพลางร้องไห้เสียงดัง “อาฮวาของข้า…ยังสาวยังสวยแท้ๆ …ใยถึงรีบจากพวกเราไปได้…”

นอกจากนี้ ยังมีชายฉกรรจ์อีกจำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นสามีของผู้ตาย รูปร่างสูงท้วม ใบหน้าดุดัน ส่วนคนอื่นๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูง แต่สีหน้าของพวกเขาดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก

“พวกเจ้าต้องชดใช้ที่ทำให้นางตาย! ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าพวกเจ้าจะชดใช้!”

คนที่เอ่ยประโยคเมื่อครู่คือสามีของผู้ตาย

“ใช่แล้ว! ต้องชดใช้!”

“เมี่ยวโส่วถังต้องชดใช้! ไม่เช่นนั้นพวกเราจะทำลายโรงหมอของพวกเจ้า! มาดูกันว่าใครจะกล้ามารักษากับพวกเจ้าอีก!”

พรรคพวกของเขาต่างพากันส่งเสียงดังอย่างจงใจ

ผู้ดูแลหวังเป็นผู้มีประสบการณ์ เขาเคยเจอกับเหตุการณ์วุ่นวายในโรงหมอมามาก และครั้งหนึ่งเขาก็เคยเจอกับเหตุการณ์ที่มีคนเสียชีวิตด้วย

เขาไม่แสดงท่าทีร้อนรนหรือวู่วามใดๆ เขารู้ว่าหากเขาแสดงท่าทีตื่นตระหนก คนอื่นๆ ที่ทำงานด้วยกันจะพลอยกระวนกระวายไปด้วย

ผู้ดูแลหวังตั้งสติ แล้วเอ่ยกับพวกเขา “ท่านชายผู้นี้ มีอะไรค่อยๆ พูดจากัน…”

“ค่อยๆ พูดอะไรกันเล่า!” ชายคนนั้นรีบตะโกนขัด “ข้าขอเตือนพวกเจ้านะ เรื่องนี้ไม่จบลงง่ายๆ แน่นอน! เพราะพวกเจ้าทำภรรยาข้าถึงแก่ความตาย!”

“ในเมื่อเจ้าบอกว่าเป็นฝีมือของเมี่ยวโส่วถัง แล้วไหนล่ะหลักฐาน”

กู้เจียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เสียงของกู้เจียวไม่ดังมาก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างจ้องมาที่กู้เจียวกันหมด

“แม่นางกู้ ในที่สุดก็มาถึงเสียที!” ผู้ดูแลหวังเอ่ยพลางทำสีหน้าราวกับได้ที่พึ่งแล้ว

กู้เจียวเป็นแค่เด็กสาวตัวเล็กๆ แต่ท่าทีของนางหนักแน่นและนิ่งสงบกว่าผู้ดูแลหวัง พวกเขาจึงหันมามองที่กู้เจียวอย่างอดไม่ได้

ก็แค่เด็กตัวเล็กๆ เท่านั้น พอจ้องเสร็จก็ทำท่าไม่สนใจใยดีต่อ

“เจ้าเป็นใคร” ชายที่เป็นสามีผู้ตายเอ่ยถาม

“นางคือเถ้าแก่ของโรงหมอเมี่ยวโส่วถัง!” ผู้ดูแลหวังยืดอกตอบ

เถ้าแก่รึ เด็กคนนี้เนี่ยนะ

แน่นอนว่าชายคนนั้นไม่คิดว่ากู้เจียวจะเป็นเถ้าแก่โรงหมอจริงๆ อย่างดีก็เป็นลูกสาวของเถ่าแก่รายใหญ่ ไม่ก็เป็นทายาทของเศรษฐีสักคน

พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับกู้เจียวแต่อย่างใด

“หลักฐานล่ะ” กู้เจียวยังคงย้ำคำเดิม

ชายคนนั้นเยาะเย้ยและหยิบใบสั่งยาขึ้นมา “เจ้าต้องการหลักฐานใช่ไหม ก็ดี! เมื่อเจ็ดวันก่อนภรรยาข้ามารักษาที่นี่ และนี่คือใบสั่งยาที่พวกเจ้าให้ไว้! ใบสั่งยาพื้นขาวตัวอักษรสีดำ และมีตราประทับของเมี่ยวโส่วถังด้วย! ไม่เชื่อก็ลองดูนี่สิ!”

เขาเอ่ยพลางยกใบสั่งยาออกไปทางด้านนอกที่ห้อมล้อมไปด้วยฝูงชน

พวกชาวบ้านไม่เข้าใจตัวหนังสือที่อยู่บนใบสั่งยาก็จริง แต่พวกเขาเห็นว่ามันมีตราประทับอยู่บนนั้นจริงๆ

ชายคนนั้นเดินมาทางกู้เจียว “ไม่มีทางที่พวกเจ้าจะไม่รู้จักใบสั่งยาของตัวเองหรอกใช่ไหม”

ผู้ดูแลหวังหยิบใบสั่งยามาดู

ชายคนนั้นไม่กลัวว่าหลักฐานจะถูกทำลาย ในเมื่อมีคนตั้งมากมายดูอยู่ หากกล้าทำลายจริงๆ นั่นแปลว่าพวกเขายอมรับผิด!

พอผู้ดูแลหวังอ่านจบ สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับกู้เจียว “แม่นางกู้ นี่เป็นใบสั่งยาของโรงหมอพวกเราจริงๆ ”

“ใครเป็นผู้เขียน” กู้เจียวถาม

ผู้ดูแลหวังมองดูลายมือที่อยู่บนใบสั่งยา ก่อนตอบ “หมอซ่งเป็นคนออกใบสั่งยานี้”

กู้เจียวรู้สูตรยานี้เป็นอย่างดี จิ่วตังกุยหนึ่งเฉียน เจี้ยสุ้ยดำครึ่งเฉียน ชวนเกียงหนึ่งเฉียน จิ่วเวิ่นซือหนึ่งเฉียน…ขิงแก่สามแผ่น เหล่านี้เป็นสูตรยาสำหรับสตรีมีครรภ์

โรงหมอที่อื่นก็ออกตำรับยาแบบนี้ได้เช่นกัน และใบสั่งยานี้มีลายมือของหมอซ่ง รวมถึงตราประทับของเมี่ยวโส่วถัง อย่างไรเสียไม่น่าใช่ของปลอมแน่นอน

“ไปตามหมอซ่งมาที” กู้เจียวเอ่ยกับผู้ดูแลหวัง

ขณะเดียวกัน หมอซ่งกำลังเปลี่ยนยาให้เจียงสืออยู่ที่ห้องผู้ป่วยด้านหลัง พอเขาได้ยินเสียงผู้ดูแลหวัง ก็รีบถามกลับ “เรื่องด่วนรึ”

“ค่อนข้างด่วนเลยละ เจ้ายุ่งอยู่หรือไม่” ผู้ดูแลหวังเอ่ยถาม

“ท่านไปทำธุระของท่านก่อนเถิด ค่อยมาเปลี่ยนยาให้ข้าก็ได้” เจียงสือเอ่ยกับหมอซ่ง

“ได้ เช่นนั้นข้าพันแผลให้ก่อนนะ เจ้าอย่าขยับเยอะละ” พอทำเสร็จ หมอซ่งก็เดินออกไปกับผู้ดูแลหวัง

พอหมอซ่งเข้ามาถึงที่เกิดเหตุ ก็ถึงกับมึนงง

“มีคนมาหาเรื่องที่โรงหมอน่ะ” ผู้ดูแลหวังเอ่ยกับหมอซ่ง

หมอซ่งไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนนิ่งๆ ไม่กระโตกกระตาก เขาจึงเดินไปหากู้เจียว พลางเอ่ยถาม “แม่นางกู้”

กู้เจียวยื่นใบสั่งยาให้เขาดู “เจ้าเคยเห็นใบสั่งยานี้ใช่ไหม”

หมอซ่งอ่านใบสั่งยาอย่างละเอียดก่อนเอ่ย “นี่เป็นตำรับยาที่ข้าออกให้เอง เพียงแต่…ข้าจำไม่ค่อยได้แล้ว ขอข้ากลับไปดูบันทึกก่อน”

กู้เจียวเข้มงวดกับการดำเนินงานในโรงหมอเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญในเรื่องฝีมือและจรรยาบรรณเท่านั้น รายละเอียดต่างๆ ในการทำงานก็ต่างจากโรงหมออื่นๆ

หมอทุกคนที่ทำงานที่นี่ จะต้องจดบันทึกทุกวันว่ารักษาไปกี่คนแล้ว แล้วรักษาโรคอะไร รวมถึงข้อมูลโดยละเอียดด้วย