บทที่ 336 ตำหนิต่อหน้าผู้คน

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 336 ตำหนิต่อหน้าผู้คน

บทที่ 336 ตำหนิต่อหน้าผู้คน

จักรพรรดิชราเผยยิ้มจนใจ เรื่องของขวัญวันเกิดของบุตรสาวตนเองนั้น ต่อให้ไม่ใช่เหล่าขุนนาง กระทั่งตัวจักรพรรดิผู้เป็นบิดาเองนั้น ก็ยังรู้สึกยากลำบากและจนใจ

จักรพรรดินั่งลงที่เก้าอี้ตำแหน่งสูงสุด เพราะเป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิดขององค์หญิงเจ็ดและเป็นตัวเอกของงานในวันนี้ นางจึงนั่งอยู่เคียงข้างผู้เป็นบิดา เมื่อเห็นเรื่องนี้ เหล่าพี่น้ององค์หญิงองค์ชายต่างต้องกล้ำกลืนอยู่ในใจ

ทันทีที่จักรพรรดิชราและองค์หญิงเจ็ดนั่งประจำที่เรียบร้อย ขุนนางทั้งหลาย รวมถึงเหล่านายน้อยและคุณหนูแห่งตระกูลขุนนางจึงเข้ามาคุกเข่าแสดงความเคารพ

จักรพรรดิชรามองผู้คนในที่นี้พร้อมประกาศเสียงดัง “เริ่มงานได้!”

“รับโองการองค์เหนือหัว!” มหาขันทีซึ่งอยู่ข้างกายตอบรับ ก่อนที่บรรดาคู่เต้นรำทั้งหลายจะเดินออกไปยังลานกว้างกลางในห้องโถงใหญ่เพื่อเริ่มงานเต้นรำ เสียงบทเพลงบรรเลงเริ่มดำเนินขึ้น

บรรยากาศภายในโถงเริ่มครื้นเครง จักรพรรดิชราถึงกับเผยสีหน้ายิ้มแย้มที่ยากพบเห็นแสดงออกมา เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในที่นี้ ต่างก็อารมณ์ดีและผ่อนคลายตาม พร้อมกับเริ่มพูดคุยกับบรรดาคนที่อยู่ใกล้ ๆ

“งานเต้นรำเช่นนี้อีกแล้ว ดูแล้วยิ่งน่าเบื่อหน่าย” ทุกคนที่ดูการเต้นรำต่างให้ความสนใจและพูดคุยกัน แต่องค์หญิงเจ็ดกลับไร้ซึ่งความสนใจ งานเต้นรำของผู้สูงศักดิ์กลางโถงแห่งนี้ มันไม่อาจดึงความสนใจของนางได้แม้แต่น้อย

นางเคยรับชมงานเต้นรำเช่นนี้มาแล้วมากมายนับไม่ถ้วนตั้งแต่ยังเด็ก จึงถือว่าได้รับชมจนรู้สึกเอียน

“มันเป็นการเต้นรำแนวใหม่ของสถาบันเจี้ยวฟาง เพื่องานวันเกิดของลูกโดยเฉพาะเลยนะ งานนี้ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะคิดค้นการเต้นรำแนวใหม่ขึ้นมาได้ หากเทียบกับในอดีต ถือว่าค่อนข้างใหม่แล้ว ลูกยังไม่ชอบหรือ?” จักรพรรดิชรามององค์หญิงเจ็ดพลางเอ่ยถาม

“เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา บรรยากาศก็ยังเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนอะไรแม้แต่น้อยเพคะ” องค์หญิงเจ็ดเบะปากตอบรับ

จักรพรรดิชราเพียงยิ้มอย่างลำบากใจ “หลังจากนี้พ่อจะสั่งสอนคนของสถาบันเจี้ยวฟางด้วยตัวเอง ว่าต้องให้ความสำคัญและระมัดระวังกับการเต้นรำในวันเกิดของลูกหญิงที่ล้ำค่าของพ่อให้มากกว่านี้ พวกเขาจะต้องศึกษาใหม่จนลูกพอใจ”

“หามิได้เพคะ” องค์หญิงเจ็ดโบกมือตอบ “เสด็จพ่อ ท่านกำลังจะทำให้พวกเขาลำบากเสียเปล่า ๆ ด้วยความสามารถเช่นพวกเขา ก็ทำได้เพียงแค่การเต้นรำเท่านี้ ตำหนิไปก็ไม่อาจได้ผลอะไร”

จักรพรรดิชรายิ้มตอบรับ “ก็ได้ เอาตามที่ลูกพูดเลย”

ตอนนี้องค์หญิงห้าอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “ในเมื่อน้องหญิงเจ็ดมีความรู้เรื่องเต้นรำมากมายถึงเพียงนั้น เหตุใดไม่ขึ้นไปร่ายรำสักบทเพลงเล่า ให้พวกเราได้เบิกหูเบิกตา รับชมอะไรที่ไม่น่าเบื่อเสียสักครั้งหนึ่ง คิดว่าดีหรือไม่?”

“หุบปาก!” ก่อนที่องค์หญิงเจ็ดจะทันได้ตอบคำใดกลับ จักรพรรดิชรากลับเป็นฝ่ายเอ่ยคำตำหนิด้วยตนเอง “น้องหญิงเจ็ดของเจ้าคือองค์หญิง จะรู้วิธีการร่ายรำต่อหน้าผู้คนได้เช่นไร? เจ้าที่พูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมา ในใจยังมีเกียรติยศของความเป็นราชวงศ์อยู่หรือไม่? ถ้อยคำเหล่านี้สามีของเจ้าสั่งสอนมางั้นหรือ?”

แม้เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่และบุตรหลานขุนนางจะพูดคุยกันภายในโถง แต่แท้จริงหางตาของพวกเขากลับคอยให้ความสนใจจักรพรรดิอยู่ตลอด อย่างไรจักรพรรดิก็อยู่ที่นี่ จะให้พวกเขาเผยสายตาสงสัยใคร่รู้มองตรง ๆ ก็ไม่ใช่สิ่งพึงกระทำ

ดังนั้น เหตุการณ์ที่จักรพรรดิชราโพล่งโทสะใส่องค์หญิงห้า คนอื่นจึงเห็นตั้งแต่แรก เพียงพริบตาเดียวเสียงพูดคุยของผู้คนก็เริ่มเบาและเงียบลง เสียงหัวเราะภายในงานเลือนหายไป ตอนนี้บรรดาผู้ที่นั่งพูดคุยเดิม ต่างต้องจัดท่านั่งตรงให้สง่างามเผยสีหน้าคร่ำเคร่งออกมา

องค์หญิงห้าไม่นึกว่าเพียงประโยคที่พูดทั่วไป จะถึงขั้นทำให้เสด็จพ่อของนางโมโหถึงเพียงนี้ ในโถงแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คน ไม่ว่าจะเป็นทหาร ขุนนางเล็ก ๆ หรือขุนนางชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงบุตรหลานของบรรดาขุนนางและข้าราชบริพาร แต่เสด็จพ่อของนางกลับยังเลือกที่จะตำหนิออกมาซึ่งหน้า ทำให้องค์หญิงห้านึกเสียใจ ทั้งยังหวาดเกรง

องค์หญิงห้ารีบลุกออกจากที่นั่งด้วยอาการแตกตื่น ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะให้จักรพรรดิชราเพื่อเป็นการขออภัย “เสด็จพ่อ โปรดอภัยให้แก่บุตรสาวผู้โง่เขลาด้วยเพคะ! ลูกไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแค่ต้องการรับชมน้องหญิงเจ็ดร่ายรำบ้าง ไม่ใช่ต้องการให้น้องหญิงต้องร่ายรำดังเช่นสามัญชนเพคะ”

ชายคนที่นั่งเคียงข้างองค์หญิงห้า ตอนนี้รีบคุกเข่าลงมา พร้อมบอกจักรพรรดิชรา “ขอฝ่าบาทพระทัยเย็นลงด้วย ข้าน้อยทราบความผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

คนที่ช่วยพูดแทนองค์หญิงห้า ย่อมเป็นราชบุตรเขย เป็นสวามีขององค์หญิงห้า เพียงแต่ไม่ได้มีสถานะสูงส่งอันใด ต่อหน้าองค์หญิงห้า เขาแทบไม่กล้าที่จะปฏิบัติกับนางประหนึ่งผู้หญิงทั่วไปเสียด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงห้ายังมีนิสัยแข็งกร้าว ยามเมื่อราชบุตรเขยต้องเผชิญหน้าด้วย ก็มีแต่ต้องเป็นฝ่ายเชื่อฟังคำสั่ง เขาไม่มีความกล้าขนาดคิดไปควบคุมอีกฝ่าย

แต่ไม่ว่าจะได้รับความสนใจไยดีหรือไม่ เขาก็เป็นราชบุตรเขย เป็นสวามีขององค์หญิงห้า ตอนนี้จักรพรรดิกล่าวตำหนิอีกฝ่าย เขาย่อมต้องร่วมขออภัยอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

“ในฐานะบุตรีของราชวงศ์แห่งสวรรค์ เมื่อมีโอกาสพูดอะไรออกมา เจ้าจงสำนึกและสำเนียกตัวตนของตนเองไว้ให้ดี!” จักรพรรดิชรากล่าวด้วยความโกรธเคือง

องค์หญิงห้าและราชบุตรเขยต่างก็ไม่กล้าโต้แย้ง ทำได้เพียงลดศีรษะให้ต่ำลง

“เสด็จพ่อ อย่าโกรธไปเลยเพคะ” ตอนนี้เองที่องค์หญิงเจ็ดเอ่ยขึ้น “พี่หญิงห้าไม่ได้มีเจตนาร้าย และข้าก็ชื่นชอบการเต้นรำ ข้อเสนอแนะของพี่หญิงห้านั้นถือว่าน่าสนใจ ลูกกำลังเบื่อ จึงได้ศึกษาวิธีการเต้นรำแนวใหม่ขึ้นมา ขณะนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ขึ้นไปเต้นรำแสดงให้เสด็จพ่อรับชม”

องค์หญิงเจ็ดกำลังจะก้าวไปยังกลางห้องโถง แต่จักรพรรดิชรากลับเร่งร้อนคว้ามือหยุดการกระทำไว้ “อย่าทำ วันนี้คืองานเฉลิมฉลองวันเกิดของลูก ดาวเด่นในงานวันนี้คือลูก เช่นนั้นจะให้ขึ้นไปเต้นรำได้อย่างไร? หากอยากเต้นรำ ภายหลังค่อยเต้นรำให้พ่อคนนี้ดูเป็นการส่วนตัวไม่ดีกว่าหรือ?”

“ตกลงตามนั้นเพคะ” องค์หญิงเจ็ดครุ่นคิดไปชั่วครู่ ชุดที่สวมใส่มาวันนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะกับการเต้นรำ ดังนั้นจึงเห็นด้วยกับความเห็นของผู้เป็นบิดา เพียงแต่สีหน้าท่าทียังแสดงออกราวกับนึกเสียดาย

เมื่อเห็นองค์หญิงเจ็ดยอมทิ้งความคิดออกไปเต้นรำกลางฝูงชน จักรพรรดิชราจึงค่อยโล่งใจ เขากำลังหวาดเกรงว่านางจะยืนกรานเต้นรำเสียให้ได้ หากเป็นเช่นนั้น แม้เป็นจักรพรรดิเช่นเขาก็จนใจจะห้ามปราม

“พวกเจ้าสองคนลุกขึ้น” จักรพรรดิเอ่ยกับองค์หญิงห้าและราชบุตรเขย เพียงแต่สีหน้าท่าทีเวลานี้ หาได้ดูดีเป็นมิตรอ่อนโยนเหมือนตอนที่พูดคุยกับองค์หญิงเจ็ดไม่ กระทั่งในใจของจักรพรรดิชรายังคงรู้สึกว่าเพราะคำพูดขององค์หญิงห้า จึงทำให้องค์หญิงเจ็ดคิดอยากเต้นรำ ดังนั้นจึงยังโกรธเคืองไม่พอใจอีกฝ่าย

แต่วันนี้คืองานเลี้ยงฉลองให้แก่องค์หญิงเจ็ด ดังนั้นเขาจึงไม่อาจปล่อยให้องค์หญิงห้าและราชบุตรเขยต้องคุกเข่าไปตลอดได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้งานเลี้ยงเสียบรรยากาศ

“เป็นพระกรุณาเพคะเสด็จพ่อ”

“เป็นพระกรุณาพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

องค์หญิงห้าและราชบุตรเขยต่างรีบเอ่ยคำขอบคุณ แต่องค์หญิงห้าในตอนนี้ไม่มีอะไรให้รู้สึกว่าน่ายินดีแล้ว จักรพรรดิชราเผยท่าทีระหว่างองค์หญิงเจ็ดและนางแตกต่างกันจนเกินไป ทั้งยังตำหนิต่อหน้าผู้คนมากมาย องค์หญิงเจ็ดกระทั่งขอออกไปเต้นรำด้วยตนเองเสียด้วยซ้ำ แต่จักรพรรดิกลับแค่เกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่มีเจตนาตำหนิติเตียนใดแม้แต่น้อย

การเลือกปฏิบัติที่ชัดเจนถึงเพียงนี้ จะทำองค์หญิงห้าขุ่นเคืองใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ทว่าไม่ว่าไม่ยินดีถึงเพียงใด นางก็ไม่กล้าแสดงมันออกมา เพราะมีแต่จะยิ่งทำให้ถูกตำหนิต่อหน้าผู้คนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

เมื่อเห็นองค์หญิงห้ากับราชบุตรเขยกลับไปนั่งประจำที่เรียบร้อย ทุกคนในโถงราวกับได้รับคำสั่ง แทบจะในเวลาพร้อมกัน พวกเขากลับคืนสู่ความครื้นเครงดังเดิม พูดคุยพลางหัวร่อต่อกระซิกกับคนสนิทข้าง ๆ ราวกับเมื่อครู่นี้ไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นแม้แต่น้อย

——————————