บทที่ 337 ไม่พอใจ
บทที่ 337 ไม่พอใจ
งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อ
บรรยากาศระหว่างกลุ่มคนที่นั่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก จักรพรรดิชรายังคงเอาแต่พูดคุยกับองค์หญิงเจ็ด ส่วนเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ต่างก็ไปดูการเต้นรำ พูดพลางหัวเราะ ส่วนเหล่าองค์ชายและองค์หญิงที่เหลือต่างเงียบเหมือนที่เคยเป็น
อย่างไรพวกเขาก็ทราบดีแก่ใจว่าจักรพรรดิโปรดปรานองค์หญิงเจ็ดไม่เสื่อมคลายแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่คิดปิดบัง นับเป็นเรื่องราวที่องค์หญิงและองค์ชายผู้อื่นไม่มีทางเปรียบเทียบได้
เรื่องนี้ทำให้ผู้คนมากมายที่ต้องการแต่งเข้าราชวงศ์ จึงยิ่งคิดอยากส่งทายาทของตระกูลตัวเองแต่งงานกับองค์หญิงเจ็ดอย่างหิวกระหาย เพราะจักรพรรดิชรารักองค์หญิงเจ็ดถึงเพียงนี้ หากตระกูลใดได้แต่งงานกับองค์หญิงเจ็ด ตระกูลนั้นย่อมได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างสูงส่ง ภายหน้าอาจถึงขั้นได้อำนาจชี้ขาดในอาณาจักรเหยียนเฟิง
เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่นำคนหนุ่มจากตระกูลตนเองร่วมทางมางานเลี้ยง เริ่มเร่งเร้าพวกเขาให้พยายามแสดงความดีความชอบ เพื่อหาทางคว้าใจองค์หญิงเจ็ด
กว่าครึ่งชั่วยามผ่านไป งานเลี้ยงเริ่มเข้าสู่ช่วงสุดท้าย จักรพรรดิชราส่งสัญญาณ ขันทีข้างกายจึงเร่งนำกล่องใบหนึ่งมา พร้อมกับวางลงบนโต๊ะตรงหน้าองค์หญิงเจ็ด
“สิ่งนี้คือ?” องค์หญิงเจ็ดเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เป็นของขวัญวันเกิดจากพ่อ ลองเปิดดูสิ” จักรพรรดิชราเผยยิ้ม
กลุ่มคนภายในโถงเริ่มมองมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย พร้อมกับรู้ว่าตอนนี้ถึงช่วงเวลามอบของขวัญแล้ว แต่ละคนจึงเริ่มนำของขวัญที่เตรียมไว้ออกมา เพื่อมอบให้ตามลำดับ
องค์หญิงเจ็ดเปิดกล่องด้วยท่าทีคาดหวัง ก่อนพบว่าภายในกล่องคือไข่มุกประหนึ่งดวงจันทราส่องสว่างขนาดเท่าไข่ใบหนึ่ง ทั้งตัวไข่มุกเป็นสีขาวนวลกระจ่างไร้ซึ่งตำหนิ
องค์หญิงเจ็ดจึงหยิบไข่มุกดังกล่าวนั้นมาวางตรงหน้าเพื่อสำรวจ ไข่มุกจันทร์กระจ่างส่องสว่างราวกับเรืองแสง แสงสีขาวอ่อนโยนส่องสะท้อนลงบนแก้มอันงดงามของหญิงสาว ทำให้ใบหน้าของนางเวลานี้ดูนวลเนียนมากยิ่งขึ้น
คนในโถงที่เห็นไข่มุกจันทร์กระจ่าง ก็พบว่ามันเป็นวัตถุที่พวกเขาเคยเห็นกันมาบ้าง แต่เม็ดที่อยู่ในมือขององค์หญิงเจ็ดมีขนาดใหญ่มาก เพียงแค่มองก็ทราบได้ว่าไข่มุกจันทร์กระจ่างเม็ดนี้มีมูลค่ามากมายมหาศาล
องค์หญิงและองค์ชายคนอื่นต่างมองไข่มุกจันทร์กระจ่างในมือขององค์หญิงเจ็ดด้วยสายตาริษยา โดยเฉพาะกับบรรดาองค์หญิง ใจของพวกนางนึกอิจฉาแทบตาย ไข่มุกจันทร์กระจ่างนั้น ต่อให้ไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่านี้ มันก็ยังเป็นสิ่งหาได้ยาก แม้จะเป็นพวกนางก็ต้องการมาไว้ในครอบครอง
ของขวัญที่เสด็จพ่อของพวกเขามอบให้กับองค์หญิงเจ็ด มันถึงขั้นทำพวกเขารู้สึกยากที่จะหักห้ามใจ
“ไข่มุกจันทร์กระจ่างเม็ดนี้ อาณาจักรเยวี่ยหลีเป็นผู้ส่งมาให้ กล่าวกันว่าพวกเขาต้องทุ่มเทมากมายเพื่อเสาะหามันมา ตอนที่ได้เห็นไข่มุกจันทร์กระจ่างเม็ดนี้ ก็นึกได้ว่าเหมาะที่จะให้ลูกนำไปใช้ประดับเป็นที่สุด พ่อจึงมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกในวันนี้ เป็นยังไง ชอบหรือไม่?” จักรพรรดิชรามององค์หญิงเจ็ดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพลางถาม
ที่โลกมนุษย์นั้น นอกจากสี่อาณาจักรใหญ่ ก็ยังมีอาณาจักรขนาดเล็กอีกมากมาย ทว่าอาณาจักรเล็กเหล่านั้นจะสวามิภักดิ์ต่อสี่อาณาจักรใหญ่ด้วยเหตุผลทางอำนาจและกำลังทหาร อาณาจักรเยวี่ยหลีเองก็เป็นหนึ่งในอาณาจักรใต้การปกครองของอาณาจักรเหยียนเฟิง
อาณาจักรเยวี่ยหลีเป็นพื้นที่ที่อุดมด้วยอัญมณีนานาชนิด อัญมณีจากที่นั่นต่างก็มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมในโลกมนุษย์อย่างล้นหลาม ดังนั้นอาณาจักรเยวี่ยหลีที่ร่ำรวยมหาศาล แต่กำลังสู้รบทางทหารกลับไม่ได้แข็งแกร่ง จึงไม่มีทางเป็นเอกราชโดยสมบูรณ์ หากพวกเขาต้องการอยู่รอด ก็มีแต่ต้องหาผู้ค้ำจุนเช่นสี่อาณาจักรใหญ่ เพราะอยู่ใกล้กับอาณาจักรเหยียนเฟิงมากที่สุด พวกเขาจึงเลือกสวามิภักดิ์ต่ออาณาจักรเหยียนเฟิง โดยทุกปีจะมีการจ่ายบรรณาการให้เพื่อแลกกับความปลอดภัย
เมื่อกลุ่มคนได้ยินว่าอาณาจักรเยวี่ยหลีส่งไข่มุกจันทร์กระจ่างมาเป็นบรรณาการ พวกเขาก็แสดงท่าทีเข้าใจเรื่องราวออกมา ทว่าในใจนั้นกำลังประเมินมูลค่าของไข่มุกเม็ดนี้
อย่างไรแล้วมันก็เป็นอัญมณีจากอาณาจักรเยวี่ยหลี ที่ทราบกันว่าเป็นอาณาจักรแห่งอัญมณี ในแง่คุณภาพไม่มีเรื่องใดให้ต้องสงสัย
“ลูกชอบมาก ขอบคุณเพคะเสด็จพ่อ!” องค์หญิงเจ็ดหมุนสำรวจไข่มุกจันทร์กระจ่างในมือ พร้อมกล่าวขอบคุณบิดาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ลูกชอบก็ดีแล้ว ขอแค่ลูกชอบ ต่อให้เป็นดวงจันทร์บนฟากฟ้า พ่อก็จะหาทางคว้าเอามาให้” หลังได้ยินคำพูดขององค์หญิงเจ็ด จักรพรรดิชราถึงกับยิ้มยินดีโดยไม่ปิดบัง
องค์หญิงและองค์ชายคนอื่นตอนนี้ไม่อาจปรากฏความรู้สึกอื่นได้ มีเพียงแต่ความอิจฉาริษยา ที่องค์หญิงเจ็ดได้รับความเอ็นดู อย่างที่ไม่เคยมีใครในพวกเขาเคยได้รับ
“ข้ารู้ดีว่าเสด็จพ่อรักข้าที่สุด” องค์หญิงเจ็ดกล่าวเอาใจจักรพรรดิชรา
เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ต่างต้องรีบเข้ามาแสดงความยินดีแก่องค์หญิงเจ็ด ที่ได้รับสมบัติล้ำค่าไปครอบครองบราวนี่ออนไลน์
“เอาละ ไม่ต้องเก็บอะไรกันแล้ว ข้าเห็นแล้วว่าพวกเจ้าเตรียมของขวัญกันมา นำออกมาเสีย” จักรพรรดิบอกกับเหล่าขุนนาง
องค์หญิงเจ็ดมองกลุ่มคนด้วยความสงสัยใคร่รู้ ราวกับสงสัยว่าพวกเขาจะนำของขวัญใดมามอบให้ ส่วนจะมีอะไรที่นางชื่นชอบหรือถูกใจหรือไม่นั้น จักรพรรดิชราเองก็เฝ้าดูอย่างคาดหวังเช่นเดียวกัน
หลังขุนนางทั้งหลายได้ยินคำพูดของจักรพรรดิ พวกเขาจึงเร่งนำของขวัญที่เตรียมไว้ออกมาบรรณาการให้แก่องค์หญิงเจ็ดกันทีละคน โดยเรียงตามตำแหน่งความสำคัญของบุคคล
ไม่นานองค์หญิงเจ็ดที่เฝ้ารอด้วยความวาดหวัง กลับต้องกลายเป็นผิดหวังและกล่าวออกมา “มีแค่ของพวกนี้อีกแล้วหรือ? ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย ไม่สนุกเลยสักนิด”
ตรงหน้าองค์หญิงเจ็ด คือกองของขวัญเท่าภูเขา นางมองเห็นก็เพียงแต่อัญมณีที่เจียระไนอย่างประณีต งานภาพคัดลายมือที่ยอดเยี่ยม ผลงานภาพศิลปกรรมของจิตรกรชื่อดัง เสื้อผ้าที่หรูหรา เครื่องประดับที่งดงาม โสมอายุพันปีก็มี แม้แบบนั้น องค์หญิงเจ็ดกลับไม่แสดงสีหน้าท่าทีว่าสนใจ แต่มองอย่างเฉยชาไม่ใส่ใจ เห็นได้ชัดว่าไม่พึงพอใจกับของขวัญเหล่านี้
คำพูดขององค์หญิงเจ็ด ทำให้บรรดาขุนนางทั้งหลายต่างรู้สึกกระดากอายขึ้นมา มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ได้พิจารณาเรื่องของขวัญ แท้จริงแล้ว เพื่อทำของขวัญเฉพาะที่แปลกจากธรรมดา และให้ผ่านเกณฑ์การยอมรับขององค์หญิง พวกเขาไม่ใช่ไม่ได้ครุ่นคิดไตร่ตรอง แต่ครุ่นคิดไตร่ตรองอย่างหนัก แม้แบบนั้นก็ยังไม่อาจทำให้องค์หญิงเจ็ดพึงพอใจ
“ไม่ชอบทั้งหมดเลยหรือ? ไม่เป็นไร มีของขวัญบางส่วนที่ส่งมาจากขุนนางท้องถิ่น พ่อจะให้คนนำของพวกนั้นมา” จักรพรรดิชราบอกกับองค์หญิงเจ็ด
ถัดจากนั้น ขันทีที่อยู่ภายนอกโถง จึงเริ่มนำของขวัญที่ได้รับมาวางเรียงราย โดยแต่ละชิ้นจะมีการระบุนามของผู้มอบของขวัญ จำนวนรวมนั้นไม่ใช่น้อย แต่เป็นมหาศาล ต่อให้ไม่กล่าวว่าของเหล่านี้มีอะไรบ้าง เพียงแค่ชายตามอง ก็มากพอทำให้เหล่าองค์ชายและองค์หญิงนึกอิจฉา วันเกิดของพวกเขา กลับไม่เคยได้รับของขวัญมากมายเพียงนี้ แม้พวกเขาไม่ได้คาดหวังของขวัญเหล่านี้ ทว่าการทำให้ขุนนางทั้งหลายส่งของขวัญกันมาไม่ขาดต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญ! มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าข้าราชบริพารเหล่านั้นให้ความสำคัญแก่คนรับเพียงใด
องค์หญิงเจ็ดที่เห็นของขวัญมากมาย จึงเดินไปชมด้วยความสนใจอีกครั้ง แต่เพียงไม่นานก็ต้องเอ่ยคำเดิมออกมา “ของพวกนี้อีกแล้ว”
ของขวัญเหล่านี้ไม่ได้แตกต่างไปจากของขวัญที่บรรดาคนในโถงใหญ่มอบให้ก่อนหน้านี้ จึงทำให้องค์หญิงเจ็ดที่คาดหวังผิดหวังขึ้นมา
“ส่งของพวกนี้มาได้ทุกปี ไม่มีอะไรแปลกใหม่ โดยเฉพาะกับภาพคัดลายมือพวกนี้ เขียนลายมือแย่ยิ่งกว่าข้าเสียอีก แต่กลับมั่นใจที่จะส่งมาให้ กระทั่งประทับนามของตนเองเอาไว้ คิดว่าเขียนได้ดีแล้วอย่างนั้นหรือ?” องค์หญิงเจ็ดหยิบภาพคัดลายมือตรงหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะโยนทิ้งลงพื้นด้วยสีหน้านึกรังเกียจ
และที่มุมขวาล่างของภาพคัดลายมือดังกล่าว มีตราประทับผู้ปกครองเทศมณฑลกัวจารึกเอาไว้
แน่นอนว่าภาพคัดลายมือนี้ไม่ใช่ของใครอื่น แต่เป็นกัวจื่อหมิงนั่นเอง