หลี่หมิ่นเต่อก้มลงมองไปยังแม่น้ําด้านล่างแต่ทันใดนั้นเขาก็กล่าวว่า
“เรามีแขก”
หลี่เว่ยหยางหันมองไปยังแม่น้ําทันทีและพบว่าบนเรือที่แสนจะงดงามล่านั้นมีผู้ที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรากําลังมองมาทางนี้ โดยใช้ผู้นั้นมีรูปร่างที่สูงโปร่งและสง่างามซึ่งมีความโดดเด่นเป็นพิเศษด้วยดวงตาคู่ที่กลมโตและกําลังยกคิ้วขึ้น
ในตอนนั้นหัวเป่าหยได้หัวเราะขึ้นพร้อมกับตะโกนไปว่า
“เหตุใดพี่สามจึงมาที่นี่?”
รอยยิ้มของทัวเป่าเจิ้นเต็มไปด้วยความจริงใจขณะที่กล่าวออกมาว่า
“ข้าแค่ออกมาชื่นชมดวงจันทร์แต่กลับได้พบกับพวกเจ้าทุกคน…มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียเหลือเกิน”
เหตุบังเอิญเช่นนี้หรือ?
บนโลกใบนี้มีเรื่องบังเอิญจริงหรือ?
หลี่หมินเต็อครุ่นคิดขณะที่ดวงตาของเขามีประกายแห่งความเย็นชาฉายผ่านออกมาขณะที่มีความคิดว่า ครั้งนี้อาจไม่ใช่แค่หัวเป่าเจิ้นเท่านั้นแต่อาจจะรวมถึงองค์ชายเจ็ดด้วยที่มีเจตนาแอบแฝงในการพบกันคราวนี้
แต่หากพวกเขารู้สึกสนใจสาวสักคน…หญิงผู้นั้นก็น่าจะเป็นหลจางเลอ!
แล้วเหตุใดพวกเขาจึงมีความกระตือรือร้นที่จะมาทําความสนิทสนมกับพี่สาม!
พี่สามเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาเท่านั้น! นางจะช่วยอะไรพวกเขาได้?
“สายลมที่สดชื่นและแสงจันทร์กระจ่างที่แสนจะงดงามช่างเหมาะแก่การร่วมดื่มสังสรรค์ยิ่งนัก” หัวเป่าจิ้นกล่าวก่อนที่จะหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข
ทั่วเป่าหยูเหลือบมองหลี่เว่ยหยางและเห็นว่าแววตาของนางนั้นมีความเฉยเมยอย่างเห็นได้ชัด ทว่าก่อนที่เขาจะเอ่ยอะไรออกมา ในทันใดองค์หญิงเก่าผู้อ่อนต่อโลกและไร้เดียงสาเป็นที่สุดก็ยิ้มกว้างพร้อมกับกล่าวว่า
“ท่านพี่สาม ขึ้นมาบนนี้เร็วเข้า!”
หลังจากได้ยินคําเชื้อเชิญนั้นหลี่เว่ยหยางก็ทําได้เพียงส่ายหัวด้วยความเวทนาสาวน้อยคนนี้จับใจ และความคิดที่ว่าองค์หญิงเก้าผู้นี้คงคิดว่าองค์ชายสามรักและเมตตาตนเองอย่างสุดหัวใจ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
เนื่องจากในชีวิตที่แล้ว หลังจากที่ทั่วเป่าเจิ้นกําจัดองค์รัชทายาททั่วหลงจื่อและศัตรูทั้งหลายรวมถึงสังหารองค์ชายที่ไม่เคยคุกคามผู้อื่นแล้ว องค์หญิงเก้าได้เข้ามาที่วังหลวงเพื่ออ้อนวอนและร้องไห้คร่ําครวญอยู่หลายครั้ง
โดยในสายตาที่ไร้เดียงสาของนางนั้น ไม่สามารถเข้าใจว่าองค์ชายสามผู้ซึ่งอบอุ่นและสนิทสนมกับน้องสาวผู้นี้เป็นอย่างมาก เหตุใดจึงเปลี่ยนแปลงไปได้มากเพียงนี้?
ไม่เพียงแค่นี้ เมื่อจักรพรรดิองค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่องค์หญิงเก้าได้แต่งงานกับจางเฟิงผู้ซึ่งเป็นญาติทางฝั่งมารดาขององค์ชายเจ็ดทําให้องค์ชายสามรู้สึกไม่พอใจ
ดังนั้นเมื่อหัวเป่าเจิ้นขึ้นครองราชย์เขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะมีราชโองการเพื่อส่งตัวจางเฟิงเข้าคุกที่อยู่ในเขตชายแดนที่แสนจะห่างไกล จากนั้นก็ออกคําสั่งให้องค์หญิงเก้าแต่งงานใหม่กับคนที่เขาจัดเตรียมเอาไว้แต่นางไม่เต็มใจ
และก่อนที่หลี่เว่ยหยางจะเสียชีวิตในชาติที่แล้ว นางค้นพบว่าบางที่ตนเองอาจไม่เคยรู้จักสามีของนางเลย นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงใจร้ายกับน้องสาวตนเองที่รัก เขาถึงเพียงนี้
หลังจากนั้นเมื่อหลี่เว่ยหยางเข้าไปอยู่ในวังเย็นเป็นเวลาหลายปี ในที่สุดนางก็สามารถเข้าใจได้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงเพราะหัวใจของทั่วเป่าเจิ้นนั้นมืดบอด
แม้ภายนอกผู้คนจะเห็นว่าเขารักและเอ็นดูองค์หญิงเก้าอย่างมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเกลียดชังนางเสมอมา
และเมื่อเสด็จขึ้นสู่บัลลังก์มังกรอย่างทรงเกียรติแล้ว พระองค์จึงทรงวางแผนล้างแค้นทุกคนอย่างไม่ลดละโดยการชักใยชะตากรรมของทุกคนตามที่พระองค์ต้องการ
เมื่อได้ยินคํากล่าวขององค์หญิงเก้าอันเป็นที่รัก องค์ชายสามจึงสั่งให้คนงานทอดสมอเรือ จากนั้นจึงยกชุดยาวของเขาขึ้นเพื่อกระโดดขึ้นจากเรือล่านั้นด้วยท่าทางที่ดูสง่างามและเป็นธรรมชาติ
ใบหน้าขององค์หญิงเก้าเต็มไปด้วยความสุขและกล่าวออกมาว่า
“พี่สาม! ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร? ปกติท่านไม่เคยแอบหนีออกมาเที่ยวนอกวังนี้นา…”
“คิดว่าพี่สามเป็นเหมือนเจ้าหรือ? เขาคงต้องมีธระ…จึงออกมานอกวังเช่นนี้”
ทัวเป่าหยูกล่าวแทรกทันทีและหันไปกล่าวกับทหารองครักษ์พร้อมกับสั่งว่า
“ไปเชิญอาจารย์จือเหลียนมาที่นี่”
เนื่องจากภัตตาคารไคหยูเป็นอาหารที่มีความหรูหรา ดังนั้นปกติแล้วจะมีคนเล่นเครื่องดนตรีได้ ซึ่งมันมีความแตกต่างจากร้านอาหารธรรมดาทั่วไปเพราะไม่เพียงสุภาพสตรีที่มาทานอาหารที่นี่จะเป็นผู้ที่เป็นชนชั้นสูง
ทว่ายังมีความสามารถและมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีหมากรุกและการประดิษฐ์ตัวอักษรรวมถึงการวาดภาพด้วย
แต่ถ้าแขกทั้งหลายต้องการจะชื่นชมความสามารถเหล่านี้ต้องได้รับการยินยอมจากนางเหล่านั้น มิฉะนั้นพวกเขาก็คงไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับสิ่งที่น่าประทับใจเหล่านั้นอย่างแน่นอน
เนื่องจากภัตตาคารไคหยนี้กล่าวได้ว่าเป็นสถานที่อันทรงเกียรติที่ขุนนางและผู้มั่งคั่งได้มารวมตัวกันดังนั้นแน่นอนว่าคงไม่มีผู้ใดกล้ามาสร้างปัญหาที่นี่ เพราะคงจะได้พบจุดจบที่เลวร้ายอย่างชนิดที่คาดไม่ถึง
สําหรับอาจารย์จือเหลียนพี่องค์ชายเจ็ดกล่าวถึงนั้น นางคืออาจารย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดคนหนึ่งในบรรดาอาจารย์ทั้งหลายที่อยู่ในวังหลวง
ในระหว่างรับฟังการบรรเลงดนตรีอยู่นั้น หญิงเก้าได้เหลือบมองไปที่หลี่เว่ยหยางพร้อมกับกล่าวอย่างสนิทสนมว่า
“พี่สาม! ท่านทราบหรือไม่ว่าตอนนี้ท่านติดอันดับสาวงามของแคว้นเราด้วย!”
“อันดับความงามของแคว้นต้าหลี่…เช่นนั้นหรือ?”
หัวเป่าหยูกล่าวว่า
“อันดับแรกคือหลี่จางเล่อ พี่สาวของเจ้า สําหรับเจ้านั้นอยู่ในอันดับที่เก้า”
หลี่เว่ยหยางทําเพียงยิ้มแต่นางไม่รู้สึกประหลาดใจเลย เนื่องจากนางทราบจากชัดเจนในรูปลักษณ์ของตนเอง
“ปกติพี่สามไม่เคยปรากฏตัวในที่สาธารณะ แล้วนางติดอันดับความงามได้อย่างไร?”
หลี่หมิ่นเต่อเอ่ยถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจ โดยทั่วเป่าหยุชำเลืองมองหัวเป่าเจิ้นก่อนที่จะตอบว่า
“สิ่งที่คุณชายสามกล่าวนั้นถูกต้องแล้ว อันที่จริงหญิงสาวที่ได้รับการจัดอันดับความงามคือสาวงามผู้อ่อนโยนที่อยู่ในตระกูลของชนชั้นสูง ซึ่งมีผู้คนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีโอกาสได้เห็นหยกที่มีความงดงามเหล่านี้”
องค์ชายเจ็ดอมยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวอีกครั้งว่า
“อย่างไรก็ตาม…คนที่เคยพบเห็นรูปลักษณ์สาวงามเป็นการส่วนตัวก็ได้สั่งให้ศิลปินวาดภาพของสาวงามและภาพเหล่านั้นก็กระจายไปทั่วเมืองหลวง ดังนั้นพวกนางจึงติดอันดับความงามด้วยเหตุผลนี้
ซึ่งพี่ใหญ่ของเจ้ากับเจ้าก็คือหนึ่งในนั้นเช่นกัน”
สําหรับเหตุผลที่หลี่เว่ยหยางติดอันดับความงามนั้น ไม่ใช่เพราะความโดดเด่นในรูปลักษณ์ของนาง แต่เป็นเพราะนางเป็นผู้ริเริ่มการร่ายรําผสมผสานการวาดภาพด้วยสีน้ํา
หลี่เว่ยหยางสังเกตเห็นการแสดงออกของทัวเป่าหยุขณะที่นางตระหนักว่า เรื่องนี้อาจมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหัวเป่าเจิ้น ซึ่งดูเหมือนว่าองค์ชายสามจะต้องการผลักดันนางจากด้านหลังสาธารณะชนให้ออกไปด้านหน้า ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันด้วยรอยยิ้ม ขณะที่คิดว่าผู้ชายส่วนใหญ่มีความคิดที่แปลกประหลาดยิ่งนัก โดยพวกเขามักจะคิดว่าชะตากรรมของผู้หญิงคือการแต่งงานและมีลูกเพื่อสืบสกุลแต่พวกนางก็เป็นคนเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่นผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้ สาเหตุที่ถูกตบตีเพราะนางไม่สามารถมีลูกได้ นางจึงได้รับการปฏิบัติเหมือนสัตว์เลี้ยงซึ่งมันไร้สาระสิ้นดี
หัวเป่าหยูมองไปยังการแสดงออกของหลี่เว่ยหยาง ทําให้อดหัวเราะไม่ได้ เขาทราบว่าองค์ชายสามสนใจในตัวหญิงสาวผู้นี้แต่…ไม่ว่าความสนใจนี้จะมาจากการชื่นชมในแง่ของชายหญิงหรือจากคุณค่าของการใช้หลเว่ยหยางก็ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
จากนั้นหญิงสาวที่ชื่อจือเหลียนได้ผลักประตูเข้ามาและผมของนางนั้นดําสนิทที่ถูกจัดแต่งให้เป็นทรงก้อนเมฆและมีปินหยกคริสตัลห้อยเป็นระย้าไฟหน้าที่งดงามที่ถูกแต่งแต้มอย่างพิถีพิถันซึ่งมันทําให้นางดูมีความงดงามอย่างเห็นได้ชัด