ตอนที่ 319 แม่ม้าตั้งท้องแล้ว
วันที่สามหลังจากกลับมาเป็นวันศุกร์
กินอาหารเช้าเสร็จมู่เถาเยาก็เอาสองเทาน้อยให้พวกเด็กๆ ดูแล จากนั้นก็สะพายเข่งไปหาครอบครัวเกาหม่าในป่าเซียนโหยวพร้อมเย่ว์เลี่ยงกับลู่จือฉิน
เกาหม่ากับเสี่ยวเซวี่ยอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง ตอนนี้ก็น่าจะตั้งท้องแล้วหรือเปล่า
มีเกาหม่ากับเสี่ยวเหยี่ยอยู่ ต่อให้อยู่ในป่าเซียนโหยวเธอก็ไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของเสี่ยวเซวี่ย
ก็แค่ แม้เสี่ยวเซวี่ยจะเป็นม้าสายพันธุ์ดี แต่กลับถูกเลี้ยงในฟาร์มมาตลอด ไม่เหมือนเกาหม่า
ดังนั้นถ้ามันท้อง เธอต้องส่งมันไปอยู่ฟาร์มของตี้อู๋เปียน ให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลมันจนกว่าลูกม้าจะหย่านมค่อยส่งกลับมาที่หมู่บ้านเถาหยวน
ถ้าเสี่ยวเซวี่ยคลอดตอนปิดเทอมหน้าร้อนหรือปิดเทอมหน้าหนาว เธอกลับไม่กังวล อยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนไปตลอดได้ ระหว่างนั้นจะมีชาวบ้านไปช่วยดูพวกมันบ่อยๆ อีกทั้งปิดเทอมหน้าร้อนหรือปิดเทอมหน้าหนาวเธอก็อยู่บ้าน
แต่ถ้าตอนนี้เสี่ยวเซวี่ยท้องแล้ว คาดว่าน่าจะคลอดราวเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมปีหน้า
ม้าตั้งท้องสิบเอ็ดเดือน
ถึงแม้ป่าชั้นนอกของป่าเซียนโหยวจะกว้างใหญ่ แต่พวกศิษย์พี่ศิษย์หลานของมู่เถาเยามักเข้าไปดูพวกเกาหม่าอยู่บ่อยๆ พวกชาวบ้านก็มักไปเก็บผลไม้ป่า ผักป่า เห็ดป่า เอามาให้พวกคนแก่ได้เปลี่ยนรสชาติบ้าง มู่เถาเยาก็เก็บเบาะแสมาจากพวกศิษย์พี่ศิษย์หลานกับพวกชาวบ้านว่าสามตัวพ่อแม่ลูกไปที่ไหนบ้าง
กอปรกับวิชาตัวเบาของพวกเธอ อีกทั้งยังกินดอกจื่อตันเข้าไปวรยุทธ์เพิ่มขึ้นไม่น้อย ทำให้ตามหาพวกมันได้ไม่ยาก
ช่วงเช้าไปเจอครอบครัวเกาหม่าตรงทางหมู่บ้านน้ำเหนือที่อยู่ทิศเหนือของหมู่บ้านเถาหยวน
พอเสี่ยวเหยี่ยเห็นมู่เถาเยาก็ดีใจร้องฮี้ไม่หยุด
มู่เถาเยาเล่นกับมันสักพักก็ไปดูม้าอัคคัลทีค
“อาจารย์คะ ท่าทางของเสี่ยวเซวี่ยเหมือนท้องแล้วไหมคะ”
ลู่จือฉินลูบท้องม้าอัคคัลทีคพลางพยักหน้า “ถึงท้องมันจะยังไม่นูนให้เห็น แต่อุณหภูมิร่างกายก็เพิ่มขึ้น ท่าทางเหมือนตั้งท้องแล้ว”
เกาหม่าใช้จมูกดุนท้องม้าอัคคัลทีคแล้วร้องฮี้
เย่ว์เลี่ยงยิ้มพูด “ดูจากท่าทางของคุณพ่อแล้ว ท้องแน่นอน”
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งลูบท้องเสี่ยวเซวี่ย
“หนูอยากให้เสี่ยวเซวี่ยคลอดม้าตัวเมียที่เหมือนกับมัน”
ลู่จือฉินพยักหน้า “อืม เดือนเมษาหรือพฤษภาปีหน้าก็จะได้เห็นลูกม้าแล้ว”
เย่ว์เลี่ยงยิ้ม “เสี่ยวเยาเยาจะพาพวกมันออกไปก่อนไหม”
“หนูพาพวกมันกลับไปก่อนดีกว่าค่ะ อาจารย์กับอาเข้าจากตรงนี้ เดี๋ยวหนูกลับมาค่อยตามหา”
ลู่จือฉินรีบพูด “ไม่ต้องมาแล้ว สมุนไพรในป่าเซียนโหยวมีเยอะ พวกเราใช้เวลาไม่นานก็เก็บได้มากพอให้กลับได้ อาจเร็วกว่าเธอที่กลับบ้านก่อนด้วยซ้ำนะ”
อย่างไรเสียพาแม่ม้าที่ตั้งท้องไปด้วยก็ไม่มีทางวิ่งเร็วแบบเมื่อก่อนได้
มู่เถาเยาคิดๆ แล้วก็รู้สึกว่าจริง
วรยุทธ์ของอาจารย์กับอาเพิ่มขึ้นทวีคูณ เธอไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยแล้ว
“ได้ค่ะ งั้นหนูไม่กลับมาแล้ว พวกเรากินอาหารกลางวันก่อน เสร็จแล้วหนูจะพาพวกเกาหม่ากลับไป”
“อืม”
พวกมู่เถาเยาวางเข่งที่สะพายบ่าไว้ลง เอาน้ำดื่มล้างมือแล้วหยิบกล่องอาหารกลางวันออกมาเริ่มกิน
หนึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสามคนถึงแยกกัน
มู่เถาเยาตบเสี่ยวเหยี่ยเบาๆ “ไป พวกเรากลับบ้านกัน”
เสี่ยวเหยี่ยดีใจเอาหัวซุกไซร้มู่เถาเยาใหญ่
ม้าสามตัวกับคนเดินกลับแบบไม่ช้าไม่เร็ว
มู่เถาเยายังได้เก็บอาหารที่ม้าชอบกินกลับไปเยอะแยะด้วย
เกาหม่ากับเสี่ยวเหยี่ยแบกกันตัวละสองมัดใหญ่ ในเข่งของเธอก็บรรจุเต็ม
ไว้วันจันทร์เธอค่อยตัดเถาวัลย์ตี้หวังที่ม้าชอบกินกลับมา จากนั้นก็ส่งไปที่ฟาร์มไว้ให้เสี่ยวเซวี่ยกินเล่น
คนกับม้าสามตัวกลับถึงหมู่บ้านเถาหยวนตอนช่วงเวลาโพล้เพล้ ลู่จือฉินกับเย่ว์เลี่ยงกลับมาถึงก่อนแล้ว
“เสี่ยวเยาเยา…”
“พี่สาว…”
“เกาหม่า…”
“เสี่ยวเหยี่ย…”
“เสี่ยวเซวี่ย…”
กลุ่มคนพากันตะโกนเรียก
ดูจากชื่อที่เรียกก็แสดงให้เห็นว่าม้าสามตัวยังคงเป็นที่ชื่นชอบ
แต่ช่วงที่ผ่านมาพวกเกาหม่าเห็นคนที่เข้าไปตรงเขตป่าชั้นนอกบ่อยแล้ว ตอนนี้กลับเข้าหมู่บ้านอีกครั้งจึงไม่มีท่าทีระแวงเหมือนครั้งก่อน
ถึงแม้จะยังคงไม่ชอบให้ใครแตะตัว แต่ก็ไม่ได้เอาแต่อยากดีดขาหลังใส่แล้ว
“ซาลาเปาน้อย เสี่ยวเซวี่ยตั้งท้องหรือยัง”
“น่าจะท้องแล้วล่ะ ฉันก็เลยพาพวกมันกลับมา เตรียมส่งไปอยู่ฟาร์มของคุณ” อีกเดี๋ยวเธอจะโทรหาอาหยวนที่เดิมทีดูแลเสี่ยวเซวี่ย บอกให้พรุ่งนี้เขาพาคนมารับเสี่ยวเซวี่ยไป
“เกาหม่าก็ไปด้วยเหรอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “อืม ครั้งก่อนมันไม่ได้เห็นเสี่ยวเหยี่ยตอนเกิด ครั้งนี้อยากให้มันได้สัมผัสกับตอนลูกตัวที่สองเกิด”
“ได้ เดี๋ยวฉันให้พ่อบ้านจงจัดการ”
“อืม”
กลุ่มคนเดินตามมู่เถาเยากับม้าสามตัวไปที่โรงเลี้ยงตรงห้องปรุงยา จัดการเสร็จสรรพก็ไปกินข้าวเย็น
กินข้าวเสร็จมู่เถาเยาก็ไปทำความสะอาดเนื้อตัวให้พวกเกาหม่า
กลุ่มเด็กๆ มาช่วย
เสี่ยวเหยี่ยเล่นกับพวกเด็กๆ ด้วยความอดทน แต่ก่อนหน้านี้ได้ถูกมู่เถาเยาเตือนไว้ จึงไม่กล้าดีดขาหลังใส่ใคร
รู้ว่าไม่มีอันตราย เกาหม่าจึงใจดีกับเด็กๆ ขึ้นมาก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสี่ยวเซวี่ย เนื่องจากตั้งท้องอยู่ จึงใจกว้างกับเด็กตัวน้อยเป็นพิเศษ
เจ้าถุงลมน้อยมองท้องของเสี่ยวเซวี่ยแล้วถาม “พี่สาวฮะ เมื่อไรม้าน้อยจะออกมาวิ่งเล่นได้ฮะ”
“ประมาณเดือนพฤษภาปีหน้าจ้ะ อันเหยี่ยยังอยากได้ลูกม้าอยู่ไหม”
เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ
คนอื่นๆ หันมองมู่เถาเยา
อยากได้กันหมด
“…รอพวกเธอโตกว่านี้อีกหน่อย ดูแลลูกม้าได้เมื่อไรจะให้คนละตัวนะ”
พวกเด็กๆ พากันปรบมือดีใจใหญ่
มู่หว่าน “วันหน้าฉันก็จะเลี้ยงม้าไว้ขี่ในหมู่บ้าน”
เจียงเฟิงเหมียน “ฉันกลับอยากขี่ในทุ่งหญ้าภายใต้ท้องฟ้าสีคราม สีเขียวชอุ่มสุดลูกหูลูกตา มีฝูงวัวฝูงแพะ…”
ทุกคนจินตนาการตามที่เจียงเฟิงเหมียนบรรยาย ในดวงตาเหมือนมีภาพวาดอันงดงาม
มู่เถาเยายิ้มพูด “เสี่ยวเหมียน หลังจากพวกเธอไปเรียนที่เมืองหลวงแล้ว สุดสัปดาห์หรือวันหยุดเทศกาลก็ไปขี่ม้าที่ฟาร์มม้าของพี่ได้นะ”
ถึงแม้ฟาร์มม้าของเธอจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่าชนเผ่าที่ราบทุ่งหญ้า แต่ก็ทำเลดี เมื่อก่อนเป็นดินแดนโบราณที่ใช้เลี้ยงสัตว์ ทัศนียภาพโดยรอบใช้ได้เลยทีเดียว เหมาะแก่การพักตากอากาศระยะสั้น
เจียงเฟิงเหมียนยิ้ม “พี่เยาเยา ไว้ถึงตอนนั้นฉันจะไปกับพี่เสี่ยวหว่านและก็เสี่ยวเหยา”
อวิ๋นสุ่ยเหยาตอบอืมๆ
มู่หว่าน “เสี่ยวเยาเยา อีกสองปีเธอก็จะไปอยู่เมืองหลวงเหรอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “อาจหาโรงเรียนเรียนอะไรเพิ่มนิดหน่อย”
จะให้ฝึกไปตลอดก็ไม่ได้ อีกทั้งเธอก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเยอะ
วรยุทธ์สูงเปรียบเสมือนอาภรณ์ที่ประดับอยู่ภายนอก
อวิ๋นสุ่ยเหยา “พี่เยาเยาคะ งั้นพี่มาที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเหยียนหวงสิ พวกเรามาเป็นศิษย์ร่วมสถาบันกัน”
เจียงเฟิงเหมียนรีบส่ายหน้า “ไม่ๆๆ พี่เยาเยาวาดภาพเก่ง ควรมาอยู่วิทยาลัยวิจิตรศิลป์ถึงจะถูก”
มู่หว่าน “…” เสี่ยวเยาเยาต้องไม่ชอบการแสดงแน่นอน!
เธอได้รับจดหมายตอบรับเข้ามหาวิทยาลัยมาแล้ว ไม่รู้ว่ายังเปลี่ยนคณะได้ไหม…
มู่เถาเยาหัวเราะ “ไว้ค่อยว่ากัน” เธอต้องการเรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้
พวกเด็กสาวเลิกแย่งกัน อย่างไรเสียก็ยังมีเวลาอีกสองปี
เวลานี้เย่ว์เลี่ยงกับอวิ๋นไป๋เข้ามา
“เสี่ยวเยาเยา มือถือดังแน่ะ”
มู่เถาเยาเอาผ้าขนหนูมาเช็ดมือแล้วกดรับ
“สวัสดีค่ะศาสตราจารย์จิน”
“…”
“ค่ะ กลับมาแล้วค่ะ”
“…”
“ได้สิคะ”
“…”
“ค่ะ งั้นพรุ่งนี้ส่งข้อความมาบอกหนูก่อนออกเดินทางนะคะ หนูจะได้จัดให้คนไปรับ”
“..”
“ค่ะ แล้วเจอกันค่ะศาสตราจารย์จิน”
พอเห็นมู่เถาเยาวางสายเย่ว์เลี่ยงก็ถาม “ยังจะมีแขกมาอีกเหรอ”
“ค่ะ ศาสตราจารย์จินเฉิงเจียงนักพฤกษศาสตร์ที่เคยมาแล้วค่ะ เขาเสาะหาหนังสือมาได้หลายเล่ม อยากมาอ่านกับทุกคน น่าจะเพราะมีคำถามน่ะค่ะ”
“น่าจะเป็นพวกตำราโบราณสินะ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ศาสตราจารย์จินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์ ตำราทั่วไปเอาเขาไม่อยู่หรอกค่ะ”
อวิ๋นไป๋พูด “ถึงแม้สมัยโบราณเทคโนโลยีจะไม่เจริญ แต่ก็ดูถูกภูมิปัญญาของคนในอดีตไม่ได้เลยนะ”
มู่เถาเยากับเย่ว์เลี่ยงยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กัน