ตอนที่ 320 ไปช่วยชีวิตคนเจ็บ

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 320 ไปช่วยชีวิตคนเจ็บ

วันเสาร์ บรรดาคนสูงวัยอย่างเช่นหยวนเหยี่ยต่างไม่มีสอน

มู่เถาเยากับพวกเด็กสาวมาดูงานแข่งขันกีฬากับทุกคน

ตกบ่าย ศาสตราจารย์จินเฉิงเจียงก็มาถึงพร้อมลังหนังสือ

เวลาสองทุ่ม เสิ่นรุ่ยกับภรรยาก็มาพร้อมกับเสิ่นเจียวหยาง ลั่วอันกับภรรยาพาลั่วปู้อวี๋มาด้วย ส่วนซย่าอวี่ภรรยาของซังชั่วก็พาซังหลิ่นหรานกับหงจยาเย่ว์มา

พอเห็นสองผู้อาวุโสตระกูลตี้ พวกเสิ่นรุ่ยก็ตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่นาน

ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเด็กๆ ตื่นเต้นดีใจกันมาก เอาแต่เรียกพี่สาวอย่างนั้นพี่สาวอย่างนี้จนดึงสติพวกเขากลับมา ก็ไม่รู้ว่าจะนิ่งอึ้งกันไปถึงเมื่อไร

ย่าตี้ยิ้มอ่อนโยนพูดกับทุกคน “พวกเราเป็นเพื่อนของอาจารย์ใหญ่ของเสี่ยวเยาเยาน่ะ ก็เลยมาพักที่นี่ระยะหนึ่ง ไม่ต้องเกร็งกันนะ”

เนื่องจากหวังหมิ่นชิ่นญาติผู้พี่ของของลั่วปู้อวี๋เป็นเพื่อนนักศึกษาของเสี่ยวเยาเยา พวกเขาจึงรู้ว่าเสี่ยวเยาเยาเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาหยวน แต่ไม่รู้จริงๆ ว่าหมอเทวดาคนนี้จะรู้จักกับตระกูลตี้ที่เป็นประมุขสูงสุดของประเทศเหยียนหวง ยิ่งไปกว่านั้นไม่รู้ว่าอดีตประมุขและภรรยา รวมถึงคุณชายเล็กตี้อยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนด้วย!

ซย่ามั่วที่อยู่ข้างๆ สะกิดพี่สาวที่มัวแต่ตะลึงอยู่

ซย่าอวี่รีบพูด “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ พ่อแม่ของจยาเย่ว์ไปทำงานต่างเมือง เลยฝากให้พาจยาเย่ว์มาด้วย”

ซังชั่วเป็นหัวหน้าของหน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง ครอบครัวหงฝากให้ภรรยาของเขาพาเด็กคนนี้มาด้วยก็สบายใจได้

“ค่ะ ทุกคนกินข้าวเย็นกันมาหรือยังคะ” มู่เถาเยายิ้มตาโค้งไล่ลูบหัวเด็กๆ ที่ตื่นเต้นดีใจทีละคน

“พวกเรากินข้าวในตัวอำเภอแล้วถึงขับรถมากัน”

“โอเคค่ะ งั้นคืนนี้ให้จยาเย่ว์นอนกับฉันไหมคะ”

พ่อแม่ของเด็กน้อยไม่ได้มา ก็ไม่รู้ตอนดึกจะร้องไห้หรือเปล่า

ซย่ามั่วยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา พี่กับพี่สาวจะดูแลเสี่ยวจยาเย่ว์เอง ให้พวกเด็กๆ พักกับพี่ห้องเดียวกันก็พอ”

เด็กวัยสามสี่ขวบไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องการนอน ยังต้องคอยโอ๋สารพัดด้วย

สองพี่น้องแซ่ซย่าลืมไปว่าตอนนั้นมู่เถาเยากล่อมเด็กสี่คนให้กินข้าวนอนหลับได้ง่ายๆ ไม่ร้องงอแง พวกเธอแค่มองเสี่ยวเยาเยาเป็นเหมือนเด็กสาววัยสิบสี่สิบห้า (เพราะหน้าเด็ก)

มู่เถาเยาก้มมองพวกเด็กๆ “จยาเย่ว์จ๊ะ อยากพักกับน้าซย่ากับหลิ่นหรานไหมจ๊ะ”

เสี่ยวจยาเย่ว์พูดด้วยน้ำเสียงเด็กน้อย “อยากค่ะ”

พ่อแม่กับปู่ย่าต่างบอกเธอว่าต้องเชื่อฟังน้าซย่า

อืม ขอแค่ไม่ดื้อกับน้าซย่า วันหน้าก็จะมาหาพี่สาวได้บ่อยๆ!

“จ้ะ งั้นจยาเย่ว์ก็พักกับน้าซย่ากับหลิ่นหรานนะ”

มู่เถาเยายิ้มพลางหยิกแก้มยุ้ยน่ารักของเด็กน้อย

ทางนี้คุยกัน ส่วนทางนั้นเจ้าถุงลมน้อย ซย่าโหวข่ายเกอ ก็คุยถูกคออย่างเป็นธรรมชาติกับลั่วปู้อวี๋ เสิ่นเจียวหยาง ไม่ต้องรอให้ผู้ใหญ่เรียกมาเล่นกับพี่ๆ น้องๆ พวกเขาจูงมือกันไปพูดคุยตามประสาเด็กแล้ว

มู่เถาเยาพูดคุยกับพวกลั่วอันและเสิ่นรุ่ยสักพักก็หันไปพูดกับพวกเด็กๆ “อันเหยี่ย ข่ายเกอ ปู้อวี๋กับพวกเจียวหยางนั่งรถมานานคงเหนื่อยกันแล้ว ให้พวกเขาไปพักผ่อนก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกันดีไหมจ๊ะ”

พวกเด็กๆ พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ทั้งยังบอกราตรีสวัสดิ์กัน

เล่นเอาพวกผู้ใหญ่อดเอ็นดูไม่ได้

ทำไมถึงได้น่ารักกันอย่างนี้!

ซังเฟยกับซย่ามั่วพาซย่าอวี่ ซังหลิ่นหราน หงจยาเย่ว์ไปยังที่พักที่พวกเขาไปขออาศัย

เยี่ยอิ่งพาครอบครัวเสิ่นรุ่ยสามคนไป เฉิงซิ่นก็พาครอบครัวลั่วไป

ทุกบ้านในหมู่บ้านเถาหยวนจะมีห้องว่างเหลือ แต่คนที่มาก็เยอะพอสมควร ทำได้เพียงกระจายกันพัก จะให้พักบ้านหนึ่งจนเต็มแต่บ้านอื่นว่างก็ไม่ดี เพราะเจ้าของบ้านที่ให้พักต้องดูแลอาหารการกินของแขกให้ด้วย

พอแบ่งแขกกระจายออกแบบนี้แต่ละบ้านก็ไม่ต้องใช้เวลาเตรียมอาหารมากแล้ว

มู่เถาเยายิ้มพูดกับจินเฉิงเจียง “ศาสตราจารย์จินก็กลับไปพักพร้อมอาห้าเถอะค่ะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

“ได้ งั้นหนังสือวางไว้ที่นี่ก่อนนะ”

“ค่ะ”

เย่ว์เลี่ยง ครอบครัวอวิ๋นและพวกมู่หว่านก็ทยอยกลับกัน ไม่นานก็เหลือเพียงคนที่พักบ้านหลังนี้แล้ว

หยวนเหยี่ยยิ้มพูด “หมู่บ้านนี้ครึกครื้นแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน” เป็นเพราะเขากับพวกลูกศิษย์นำพาคนเหล่านี้มา

มู่เถาเยาถาม “อาจารย์ใหญ่ว่าครึกครื้นดีหรือเงียบสงบดีกว่ากันคะ”

“ดีกันคนละแบบ”

หนุ่มสาวสมัยนี้ความเครียดสูง อาจชอบไปที่ที่เงียบสงบเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ แต่พวกคนแก่กลับชอบความครึกครื้น

“อันที่จริงครึกครื้นไปก็ไม่ดี แบบนี้ดีแล้วค่ะ” จะได้ไม่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตเกษียณของพวกอาจารย์

อาจารย์แม่รองถังหยวนได้ยินมู่เถาเยาพูดแบบนี้ก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่ จึงยิ้มพลางพูด “เสี่ยวเยาเยา คนที่มาที่หมู่บ้านได้นอกจากพวกญาติๆ ของชาวบ้านแล้วก็มีแต่คนไว้ใจได้ทั้งนั้น พวกสินค้าก็เอาไปเก็บในคลังสินค้าที่ตัวอำเภอหมด คนที่ร่วมธุรกิจกันไม่มีทางขึ้นเขา ไม่ต้องกังวลนะ พวกเรามีอิสระกันจะตาย”

มู่เถาเยาพยักหน้า “ค่ะ”

แบบนี้ดีมากแล้วจริงๆ มีคนมาหาเรื่อยๆ พวกอาจารย์ไม่ต้องออกไปก็ไม่มีทางขาดเพื่อนคุย

อย่างไรเสียพวกชาวบ้านก็มีทัศนคติที่จำกัด

บรรดาผู้อาวุโส โดยเฉพาะอาจารย์ของเธอ มีหัวข้อสนทนามากมายที่พวกคนแก่ในหมู่บ้านเข้าไม่ถึง

เธอคำนึงถึงด้านวัตถุ แต่ก็ต้องคำนึงถึงด้านจิตใจด้วย เพราะพวกอาจารย์ไม่ใช่คนที่ฉาบฉวย

แต่ชาวบ้านก็มีข้อดีของตัวเอง ไม่ได้ห่างเหินเย็นชาแบบคนในเมือง พวกอาจารย์อยู่ที่นี่สบายใจและมีอิสระมากจริงๆ

มีเรื่องให้ทำ แถมจิตใจก็ถูกเติมเต็มขึ้นมาก

ชีวิตเกษียณ ไม่ใช่ว่าต้องทำงานทุกอย่าง ก็แค่กินนอนเล่นหลับสบาย

มีเรื่องที่พอทำได้บ้าง คนแก่จะยิ่งมีความสุข

มู่เถาเยาพอใจชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้มาก

ชั่วขณะที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นนี้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

ดูสายที่โทรเข้า ซังชั่วโทรมา

“หัวหน้าซังคะ พี่ซย่าอวี่ หลิ่นหราน จยาเย่ว์ มาถึงแล้วค่ะ”

“…”

“ค่ะ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้” มู่เถาเยาเสียงเครียดขึ้นมาทันที

“…”

“รออยู่ที่โรงพยาบาลก็พอค่ะ ทางนี้ขับรถไว”

“…”

“ค่ะ”

มู่เถาเยาวางสายแล้วโทรหาอาจารย์อาเล็กของตัวเอง

“อาจารย์อาเล็กคะ อยากให้ช่วยผ่าตัดเคสหนึ่งค่ะ ไปตอนนี้เลยค่ะ”

“…”

“ค่ะ”

มู่เถาเยาไม่ได้อธิบาย แต่อาจารย์อาเล็กรู้ความรุนแรง

โทรหาเหลียงจีเสร็จถึงได้พูดกับทุกคน “ฝานหร่านที่เป็นนักเจรจาคนร้ายชีวิตกำลังวิกฤต หัวหน้าซังเลยโทรมาหาหนูขอให้อาจารย์อาเล็กช่วยค่ะ…”

หยวนเหยี่ยพูดขัดจังหวะลูกศิษย์ “เสี่ยวเยาเยา เลิกพูดเถอะ รีบไปเตรียมตัว”

“ค่ะ”

ตี้อู๋เปียน “ซาลาเปาน้อย ฉันจะให้คนขับรถเธอมารอที่ลานจอดเครื่องบิน” รถของเธอความเร็วสูง

“ได้”

มู่เถาเยาขึ้นชั้นบนไปหยิบกล่องยาใบน้อยของตัวเองแล้วลงมารอเหลียงจีกับอาจารย์อาเล็ก

พอทั้งสองคนมาถึงก็ไปที่ลานจอดเครื่องบินทันที

ไม่นานเครื่องบินก็ไปถึงเซิ่งซื่อฉางอันของเมืองเย่ว์ตู

พวกมู่เถาเยาขับรถตรงไปโรงพยาบาลทหารหนึ่งหนึ่งหนึ่งหนึ่งทันที

ซังชั่วรออยู่หน้าโรงพยาบาลด้วยความร้อนใจ พอเห็นพวกเขาก็รีบสาวเท้าเดินเข้าไปหา “เสี่ยวเยาเยา อธิการบดีเจียง ขอโทษที่รบกวนนะครับ”

อาจารย์อาเล็กส่ายมือ “อย่าพูดแบบนั้น พวกเราไปดูคนเจ็บก่อน”

“ครับ”

เข้าไปในโรงพยาบาล ทำความสะอาดฆ่าเชื้อเสร็จก็สวมชุดปลอดเชื้อ สวมหน้ากากปิดปาก หมวก ถุงมือ จากนั้นมู่เถาเยากับอาจารย์อาเล็กก็เข้าห้องผ่าตัดพร้อมกัน