ตอนที่ 321 อยู่ไหนก็คิดถึง
หลังจากผ่าตัดไปหกชั่วโมง ในที่สุดคนเจ็บก็มีสัญญาณที่ดีขึ้น
หมอกับพยาบาลที่อยู่ในห้องผ่าตัดนี้ต่างขอบคุณมู่เถาเยากับอาจารย์อาเล็กด้วยความจริงใจที่มาช่วยในภายหลัง
พอออกจากห้องผ่าตัด ญาติคนเจ็บ ซังชั่ว และบรรดาเพื่อนร่วมงานของเขาที่อยู่ในสภาพขอบตาแดงก่ำต่างเข้าไปรุมล้อมถามถึงอาการ
อาจารย์อาเล็ก “ช่วยผู้บาดเจ็บได้แล้วครับ หัวหน้าซัง พวกคุณก็ไปทำแผลเถอะครับ” ตำรวจแต่ละนายก็บาดเจ็บมากน้อยแตกต่างกันไป
ซังชั่วรีบพูดขึ้น “พวกเราไม่เป็นไรหรอกครับ เสี่ยวเยาเยา อธิการบดีเจียง เหล่าฝานยังมีอะไรที่ต้องห่วงอีกไหมครับ”
“ผ่านยี่สิบสี่ชั่วโมงไปได้ก็จะปลอดภัยแล้ว ระหว่างนี้ผมกับเสี่ยวเยาเยาจะอยู่ที่โรงพยาบาล”
ซังชั่วยังคงรู้สึกเครียด เพราะเขารู้ว่าฝานหร่านบาดเจ็บสาหัสขนาดไหน กลัวจะทนเจ็บไม่ไหว
เด็กสาวที่ประคองภรรยาของฝานหร่านถามมู่เถาเยาที่สวมผ้าปิดปากอยู่ “หมอมู่?”
“สวัสดีจ้ะฝานซิง”
“ใช่หมอมู่จริงๆ ด้วย! ช่วยพ่อของหนูด้วยนะคะ!”
“พวกเราจะพยายามเต็มที่นะ ใจเย็นๆ แล้วสุขภาพเธอดีขึ้นหรือยังจ๊ะ”
“หนูหายแล้วค่ะ โชคดีที่ตอนนั้นหมอมู่เสี่ยงชีวิตไปช่วยหนูไว้” ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว
อาจารย์อาเล็ก “เสี่ยวเยาเยา เด็กคนนี้ก็เป็นคนไข้ของหนูเหรอ”
“อาจารย์อาเล็กจำอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่หนูเจอตอนสอบใบขับขี่ได้ไหมคะ”
“ญาติของคนไข้คนนี้ก็คือผู้หญิงที่มาสอบคนนั้นเหรอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า
แม่ของฝานซิงอยากเข้าไปจับมือมู่เถาเยา แต่มู่เถาเยากลับถอยหลังหลบ
“มือของหนูสกปรกค่ะคุณน้า ต้องล้างมือก่อน”
ซังชั่วหลีกทางให้ “เสี่ยวเยาเยา อธิการบดีเจียง เชิญไปล้างมือก่อนครับ”
“ค่ะ”
หมอที่เดิมทีรับผิดชอบเคสนี้พาทั้งสองคนไปจัดการทำความสะอาด
หลังจากเนื้อตัวสะอาดแล้วมู่เถาเยาก็ถามขึ้น “อาจารย์อาเล็กจะกินอะไรหน่อยไหมคะ หนูกับเหลียงจีจะออกไปซื้อพวกโจ๊กให้ค่ะ”
ปกติอาจารย์อาเล็กจะเข้านอนเร็ว ตอนนี้ปาเข้าไปตีสามแล้ว
“ไม่กินล่ะ รอฟ้าสว่างไปกินอาหารเช้าทีเดียวดีกว่า”
“ค่ะ”
ทั้งสองคนเดินออกมาพร้อมกัน ไปถึงบริเวณที่ให้ญาตินั่งรอ
ซังชั่วกับพวกฝานซิงยังคงอยู่ตรงนั้น
มู่เถาเยาก็ไม่ได้เกลี้ยกล่อมให้พวกเขากลับไปพักผ่อน
เวลานี้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้เป็นใครก็ไม่มีทางนอนหลับอย่างสบายใจได้ ไม่สู้รอคอยช่วยกันให้กำลังใจกันและกัน
มู่เถาเยา “หัวหน้าซังกับคนอื่นๆ ไปทำแผลก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวติดเชื้อขึ้นมาแล้วจะยุ่ง”
“…ได้”
ซังชั่วพาเพื่อนร่วมงานที่บาดเจ็บไปทำแผล เหลือคนที่ไม่ได้บาดเจ็บไว้
ฝานซิงมองมู่เถาเยาด้วยดวงตาแดงก่ำ “หมอมู่คะ หนูจะขอยาแบบที่กินตอนนั้นได้ไหมคะ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “รอนักเจรจาฝานอาการทรงตัวแล้วฉันจะไปเก็บสมุนไพรมาทำยาช่วยบำรุงให้เขานะ”
ยานั้นเป็นยาที่ช่วยเร่งประสิทธิภาพการรักษา ไม่อย่างนั้นฝานซิงที่ตอนนั้นบาดเจ็บสาหัส เวลานี้จะต้องยังนอนซมอยู่บนเตียงแน่นอน
แม่กับปู่ย่าของฝานซิงพูดขอบคุณไม่หยุด
สองชีวิตของครอบครัวพวกเขาที่รอดมา แค่คำขอบคุณไม่กี่คำใช่ว่าจะชดใช้ได้หมด
แต่เวลานี้พวกเขาไม่มีกะจิตกะใจ และก็คิดหาวิธีตอบแทนอย่างอื่นไม่ออก ทำได้เพียงจดจำไว้ในใจก่อน
มู่เถาเยากับอาจารย์อาเล็กไม่ได้ถามว่าบาดเจ็บกันได้อย่างไร พวกเขาเป็นแค่หมอ
แต่แค่คิดก็รู้ว่าด้วยลักษณะเนื้องานของพวกเขา การได้รับบาดเจ็บก็เป็นเรื่องปกติ
ถึงแม้ตอนนี้ร่างกายจะเหนื่อยล้าเต็มที แต่ก็ไม่มีใครงีบหลับ แม้แต่ญาติคนไข้ก็ยังรู้สึกว่าอีกสองสามชั่วโมงฟ้าก็สว่างมันช่างยาวนานเหมือนสามปี
“เสี่ยวเยาเยา วันนี้อู๋เปียนต้องฝังเข็ม ต้องให้เขามาไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฝากอาจารย์ใหญ่กับอาจารย์สามช่วยได้ค่ะ”
“กำลังภายในของศิษย์พี่ใหญ่พอเหรอ” อันที่จริงศิษย์พี่ใหญ่ของเขาเรียนวิชาหุยหยางจนเป็นนานแล้ว ขาดก็แค่กำลังภายในที่ใช้ช่วยเสริม
“ค่ะ อาจารย์ใหญ่กับหนูฝึกจากอาจารย์รองมาสิบแปดปี แม้จะพัฒนาช้าด้วยวัย แต่ตอนนี้กินยาจื่อตันเข้าไปช่วยเพิ่มได้เท่าตัว ทนไหวถึงร้อยแปดเข็มแล้วค่ะ”
“อ้อ งั้นต่อไปไม่ว่าหนูอยู่ไหนก็ไม่ต้องคิดถึงอู๋เปียนแล้ว อยากไปอยู่ที่ไหนนานแค่ไหนก็ได้แล้ว”
อยู่ที่ไหนก็คิดถึงตี้อู๋เปียนงั้นเหรอ
เหมือนจะถูก แต่ก็เหมือนไม่ถูก
แต่ทำไมรู้สึกแปลกๆ ชอบกล
มู่เถาเยาคิดไม่ตกแบบที่เห็นได้ยาก
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ฟ้าสว่างแล้ว
เหลียงจีกับฝานซิงไปซื้ออาหารเช้า
ซื้ออาหารง่ายๆ กลับมากิน มีซาลาเปา โจ๊ก หมั่นโถว เป็นต้น ทางโรงพยาบาลได้จัดหาที่พักให้มู่เถาเยากับอาจารย์อาเล็กไว้แล้ว
ซังชั่วกับครอบครัวฝานอึกอักอยากพูด
มู่เถาเยา “อาจารย์อาเล็กไปพักก่อนนะคะ หนูจะอยู่ที่นี่เอง”
มีสักคนอยู่ตรงนี้ ซังชั่วกับครอบครัวฝานถึงจะวางใจ
“ก็ได้ อาจารย์ไปนอนก่อน ตอนเที่ยงมาเปลี่ยนนะ”
“อาจารย์อาเล็กพักให้เต็มที่ค่อยมาได้ค่ะ ไม่ได้นอนทั้งคืนไม่เป็นอะไรสำหรับหนูค่ะ”
อาจารย์อาเล็กรู้ว่ามู่เถาเยาไม่ได้พูดเพราะเกรงใจ “ได้ ถ้ามีเรื่องอะไรก็ไปปลุกนะ”
อย่างไรเสียเขาก็อายุมากแล้ว แถมไม่ได้ฝึกยุทธ์ ต้องผ่าตัดใหญ่ข้ามคืนที่เปลืองพลังงานมากแบบนี้ บอกว่าไม่เหนื่อยคงโกหก
“ค่ะ พักผ่อนให้สบายนะคะ”
อาจารย์อาเล็กพยักหน้า พูดกับญาติคนไข้อีกเล็กน้อยก็ตามคนของโรงพยาบาลไปพักผ่อน
“พี่เหลียงจีก็กลับไปพักเถอะค่ะ”
“จ้ะ ตอนเที่ยงพี่จะทำอาหารมาให้นะ”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “พี่หลับยาวจนตื่นเองได้เลยค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารเที่ยงของพวกเรา ทางโรงพยาบาลมีให้แน่นอนค่ะ” ญาติคนไข้ก็คงดูแลให้ด้วย
“งั้นพี่พักผ่อนเสร็จจะให้กลับไปรับพวกอาสะใภ้กลับมาไหม”
“ไม่ต้องค่ะ พ่อกับอาฉันจะมาส่งพวกเขาให้ค่ะ”
เมื่อคืนรีบร้อนออกมา พวกเขาจะต้องมาดูเธอที่นี่แล้วค่อยกลับเผ่าแน่นอน
“จ้ะ งั้นพี่จะเอาอาหารเย็นมาให้เธอกับอาจารย์อาเล็กนะ”
“ค่ะ พี่ไปเอาจากบ้านตระกูลตี้ก็ได้ค่ะ บ้านเราไม่มีวัตถุดิบ”
ตอนอาหารเย็นยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมง พวกเขายังต้องอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ
“จ้ะ งั้นพี่กลับแล้วนะ”
“ค่ะ กลับได้เลยค่ะ”
หลังจากเหลียงจีออกจากโรงพยาบาลแล้ว มู่เถาเยาคุยกับซังชั่วและครอบครัวฝานสักพัก จากนั้นก็ไปโทรหาอาจารย์ใหญ่เพื่อขอให้ช่วยฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียน
ทางนั้นย่อมไม่ติดขัดอะไร
มู่เถาเยาคุยกับพ่อแม่สักพักแล้วขอให้ตี้อู๋เปียนช่วยพาเด็กๆ ไปให้อาหารม้า พาม้าไปเดินเล่น พอจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จสรรพเธอถึงวางสาย
ส่วนจินเฉิงเจียงกับพวกเสิ่นรุ่ย คนในบ้านย่อมไปแจ้งให้ทราบ
ซังชั่ว “เสี่ยวเยาเยา ขอโทษด้วยนะที่เธอยุ่งมากขนาดนี้ยังเรียกให้มา…”
“ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า หมอหลักคืออาจารย์อาเล็กของฉัน ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยค่ะ”
คนเหยียนหวงทุกคนต่างรู้ว่าอธิการบดีเจียงแห่งมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูคือหมอผ่าตัดมือฉมัง แต่คนที่อยู่ตรงนั้นก็ไม่มีใครดูถูกเด็กสาวที่ดูคล้ายเด็กมัธยมต้นคนนี้
ลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาหยวน หรือก็คือลูกศิษย์ที่ความสามารถโดดเด่นกว่าใครที่เล่าลือกัน
ตั้งแต่คดีปล้นโรงแรมไปจนถึงคดีลักพาตัวผู้หญิง ต่อมาก็คดีปล้นธนาคาร คดีอุบัติเหตุทางรถยนต์…ทุกคดีล้วนเป็นผลงานของเธอ ในฐานะที่ซังชั่วเป็นหัวหน้าของหน่วยรักษาความปลอดภัย เขาย่อมรู้เรื่องพวกนี้ดี จึงไม่กล้าดูถูกเธอที่อายุไม่มากแม้แต่น้อย
ครอบครัวฝานยิ่งเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์ มีเหรอจะกล้าสงสัยในความสามารถของเธอ
สมัยนี้แต่ละวงการล้วนมีคนเก่งอายุน้อย จะมาอยู่วงการแพทย์สักคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เดิมทีเมืองเย่ว์ตูก็เป็นศูนย์กลางการแพทย์ระดับโลกอยู่แล้ว ทรัพยากรดี อีกทั้งมู่เถาเยายังเป็นคนของสำนักแพทย์โบราณ มีจุดเริ่มต้นที่เหนือกว่าใคร ต่อให้เก่งกว่านี้ก็ทำให้คนเชื่อและยอมรับได้ง่ายๆ
ตั้งแต่โบราณกาลมา วีรบุรุษวีรสตรีก็มักเป็นหนุ่มสาวอยู่แล้ว
ตอนนี้มีเธออยู่ด้วย คนครอบครัวฝานก็สบายใจขึ้น