บทที่ 377 สังหารหนึ่งแสน

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 377 สังหารหนึ่งแสน

บทที่ 377 สังหารหนึ่งแสน

ฉู่เหินมองซอมบี้พวกนั้นด้วยสายตาดุดัน เดิมทีในใจเขาหวังไว้ว่าซอมบี้พวกนี้จะคิดได้ แต่ไม่คิดว่าทั้งหมด 100,000 ตนจะไร้จิตสำนึกกันหมดแบบนี้

ในเมื่อไม่มีทางเลือก ฉู่เหินก็คงจำต้องลงมือทำให้ซอมบี้พวกนี้ได้รู้สำนึก ว่าแล้วชายหนุ่มจัดแจงผสานอิน เพื่อส่งผ่านคำสั่งไปยังพื้นกว้างอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฉู่ฉุนและลูกน้องในมือของเขา 5,000 คนพากันโคจรพลังดวงดาวถ่ายทอดไปยังค่ายกล

ค่ายกลเปิดทำการทั้งหมดแล้ว ส่งผลให้กำไลของซอมบี้เปล่งแสงสว่าง พอเห็นฉากนี้ในใจของพวกเขาก็แอบดีใจ นึกว่ากำไลนี้กำลังทำการปกป้องตัวเองอยู่ ทว่าอย่างไรก็ตามทันทีที่กำไลส่องแสง ร่างกายของซอมบี้ก็ค่อย ๆ สลายกลายเป็นฝุ่นไป

ครั้งนี้ฉู่เหินได้สร้างแกนกลางค่ายกลในรูปแบบของการดูดพลังงาน มันเป็นกลไกที่ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน จะต้องเป็นคนที่สวมกำไลเท่านั้นถึงจะได้รับผลที่ว่า

ส่วนกำไลที่ชาวเมืองสวมอยู่นี้ ก็เพื่อหลอกสายตาของพวกซอมบี้ทั้ง 100,000 ตัวนี้เท่านั้น กำไลที่ชาวเมืองสวมทั้งหมดนั้นเป็นแค่กำไลธรรมดาวงหนึ่ง ดังนั้นมันจึงเป็นแค่ของที่สวมใส่เล่นธรรมดาเท่านั้น

ด้วยวิธีการนี้ ถ้าพวกซอมบี้ 100,000 ตัวเลือกที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องก็ดีไป แต่ถ้าไม่ นี่ก็ถือเป็นหลักประกันอย่างหนึ่ง

แกนกลางค่ายกลอันใหม่นี้ต่างจากค่ายกลปกติทั่วไป ค่ายกลปกตินั้นจำเป็นต้องพึ่งพลังฟ้าดิน อำนาจแห่งสวรรค์ หรือการไหลของกระแสน้ำ แต่ค่ายกลที่ชายหนุ่มพึ่งใช้ไปนั้น เพียงแค่มีวัตถุดิบก็สามารถสร้างขึ้นมาได้แล้ว ยิ่งวัตถุดิบที่ใช้ระดับสูงเท่าไหร่ พลังของค่ายกลที่ว่าก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น

สำหรับค่ายกลในครั้งนี้ ฉู่เหินได้เอาวิชาควบคุมกับค่ายกลมาใช้ด้วยกัน ดังนั้นค่ายกลในครั้งนี้จึงเต็มไปด้วยพลังอันมหาศาล เป็นเพราะใครก็ตามที่เขามาในค่ายกล นอกจากคนคนนั้นจะต้องต่อสู้กับอำนาจสวรรค์แล้ว คนคนนั้นยังต้องรับการโจมตีจากแกนกลางค่ายกลด้วยเช่นกัน

กำไลที่ซอมบี้พวกนี้สวมอยู่จะทำการเชื่อมต่อกับส่วนควบคุมของเมือง เพราะแบบนี้เอง หลังค่ายกลเริ่มทำงาน ซอมบี้พวกนี้ถึงได้ถูกพลังงานอันรุนแรงสาดซัดเข้าไป ยังไม่ทันได้ตั้งตัว พวกมันก็ตายไปกันหมดแล้ว

อย่าลืมว่าตอนแรกฉู่เหินสั่งให้ฉู่ฉุนอยู่ในเมืองเพื่อสร้างค่ายกลที่ว่ากับมือ ถึงแม้ตอนนั้นฉู่ฉุนจะยังไม่ค่อยเข้าใจประโยชน์ของมันเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น มันก็ทำให้เขาถึงกับตื่นตะลึง!

พวกซอมบี้ที่อยู่ด้านนอกต่างตกอยู่ในความตกใจ พวกมันรู้ได้ทันทีเลยว่าตอนนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดไหน ชั่วขณะที่แสงสว่างวาบขึ้นพร้อมกันกับพลังงานอันมหาศาลที่พัดผ่านไป รู้ตัวอีกที โลกก็ได้แตกต่างไปจากเดิมแล้ว

ในสายตาของซอมบี้ตอนนี้ ปรากฏภาพของทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ไม่ไกลออกไปมีภูเขาสูงตั้งตระหง่านอยู่ พอเห็นสถานที่แปลก ๆ ตรงหน้า พวกมันก็พากันงุนงงทำอะไรไม่ถูก สถานที่โดยรอบช่างไม่คุ้นตา พวกมันไม่เห็นเคยทุ่งหญ้าแบบนี้มาก่อนเลย เมื่อได้สติ หัวหน้าซอมบี้ก็ได้ออกคำสั่งให้ซอมบี้ทุกตัวไปสำรวจบริเวณรอบ ๆ

หลังจากวันคืนผ่านไป พวกซอมบี้ที่ออกไปสำรวจก็เดินทางกลับมารายงานผล พวกมันต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าที่แห่งนี้ก็คือดินแดนท้อสวรรค์* และแม้ว่าจะเป็นซอมบี้ แต่พวกเขาก็ตกหลุมรักสถานที่สวยงามแบบนี้เข้าให้แล้ว ทั้งความเงียบสงบ และวิวทิวทัศน์อันสวยงาม แม้ว่าจิตใจของพวกซอมบี้จะชั่วช้าและกักขฬะขนาดไหนก็ตาม แต่พวกเขาก็ทำลายดอกไม้ใบหญ้าที่นี่ไม่ลง

*ดินแดนท้อสวรรค์ เป็นเรื่องแต่งที่กวีชาวจีนคนหนึ่งได้เขียนเอาไว้ว่าเต็มไปด้วยต้นท้อผู้คนที่อาศัยจะมีแต่ความสุข ถือว่าเป็นดินแดนลับแลที่ไม่มีอยู่จริงแห่งหนึ่ง

หลังจากหัวหน้าซอมบี้ได้ยินรายงานก็ขมวดคิ้ว ในตอนนี้เองเขาคล้ายกับเพิ่งรู้ว่าตัวเองได้เข้ามาในสถานที่พิเศษที่หนึ่งเสียแล้ว แต่มาได้ยังไงเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่นี่เป็นโลกที่สร้างขึ้นมาจากค่ายกลทั้งหมดงั้นเหรอ มันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา?

กาลเวลาที่ผ่านไปช้านานได้ทำให้ประวัติศาสตร์ในส่วนของค่ายกลเลือนหายเป็นฝุ่นละอองไปหมดแล้ว หลายล้านปีมานี้ไม่มีใครพูดถึงค่ายกลและก็วิชาควบคุมเลยแม้แต่น้อย การที่พวกซอมบี้มาพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ พวกเขาจะแยกได้ยังไงว่านี่คือของจริงหรือของปลอมกัน

ในตอนที่ซอมบี้พวกนี้กำลังมีความสุขอยู่ในดินแดนดอกท้อสวรรค์ จู่ ๆ พวกเขาก็สัมผัสได้ว่าพื้นดินเกิดสั่นไหวขึ้นมา เห็นดังนั้นพวกมันจึงพากันระวังตัว หรือว่าจะเป็นแค่แผ่นดินไหว ?

ขณะที่ในใจของพวกเขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น การสั่นไหวที่เพิ่งหยุดนั้นก็เกิดสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือนไม่หยุด มันรุนแรงเสียจนทำให้ซอมบี้ไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคงอีกต่อ

พื้นดินในบริเวณที่ซอมบี้รวมตัวกันอยู่เกิดการปริแตก ทว่าถึงพวกมันจะเห็นภาพที่เกิดขึ้น พวกซอมบี้ก็ไม่กลัวอะไร พวกมันล้วนแล้วแต่คิดว่าต่อให้พื้นดินปริแตกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่พวกมันไม่รู้เลยว่าสิ่งที่รออยู่ก็คือความตาย!

ภูเขาแม่น้ำโดยรอบราวกับกำลังส่งเสียงคำรามก้อง พวกซอมบี้หันไปเห็นภูเขาสูงที่เคยตั้งตระหง่านลูกนั้น จู่ ๆ มันก็มีก้อนหินตกลงมาลูกแล้วลูกเหล่า ขณะที่กำลังหลบหนี พวกซอมบี้ก็พบเข้ากับลำน้ำกว้างใหญ่ที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้ที่มา ซอมบี้นับถ้วนที่ไม่ทันเตรียมตัวต่างตกลงไปในนั้น

ลำน้ำที่มองไม่เห็นความลึกนั้นเต็มไปด้วยลาวาเดือด ซอมบี้ที่ตกลงไปราวกับกลายเป็นก้อนน้ำตาลที่กำลังละลายหายไปกับกระแสน้ำ ไม่มีการต่อสู้ดิ้นรน ไม่มีเสียงร้อง เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง!

ซอมบี้ที่เหลือรอดพากันมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยความหวาดกลัว แท้จริงแล้วพวกมันเองก็มีความรู้สึก และก็รู้จักกลัวเฉกเช่นมนุษย์ พวกมันล้วนแต่ไม่อยากตายจึงได้วางแผนการนั่นขึ้นมา ทว่าพวกซอมบี้ก็ไม่คิดเลยว่าแผนที่ว่าจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้พวกมันต้องพบเจอเข้ากับความตายอย่างในวันนี้!

น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะโอดครวญอย่างไรก็ไม่มีใครใยดี จิตใจที่ชั่วร้ายเหล่านี้ แท้จริงแล้วคือลักษณะนิสัยดั้งเดิมของแต่ละคน แม้ว่าคนคนนั้นจะกลับกลายเป็นมนุษย์ ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาจะต้องแทงข้างหลังคุณอยู่ดี คนแบบนี้ไม่ควรไปเมตตาสงสารแม้แต่น้อย ‘การฆ่า’ เท่านั้นที่เป็นสิ่งควรทำ

พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง เฉกเช่นเดียวกับภัยพิบัติที่ยังคงเกิดขึ้นไม่หยุด ซอมบี้จำนวนนับไม่ถ้วนต่างฝืนทนไม่ไหวอีกต่อไป พวกมันพากันตกลงไปในลาวาที่อยู่เบื้องล่าง

เสียงร้องโหยหวน เสียงร้องขอความช่วยเหลือ และเสียงแห่งความกลัวดังขึ้นพร้อม ๆ กัน สถานที่แห่งนี้ราวกับเป็นนรก! ซอมบี้ 100,000 ตัวตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก และจมอยู่ในความสิ้นหวัง

พวกซอมบี้ที่มีพลังวรยุทธ์สูงหน่อยก็ใช้เวลาในนานในการตั้งสติ ก่อนที่จะใช้ประโยชน์จากของวิเศษที่ครอบครองอยู่เพื่อลอยอยู่บนอากาศ!

แม้ว่าตอนที่อยู่นอกเมืองจะถูกเก็บของดี ๆ ไปหมดแล้ว แต่พวกเขาก็ได้เอาของล้ำค่าบางส่วนเก็บไว้ในตันเถียนตัวเองเช่นกัน ของพวกนี้ไม่มีทางเอาไปได้ และมันก็ได้กลายเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตพวกซอมบี้ในวันนี้!

พื้นดืนที่สั่งสะเทือนอย่างรุนแรงไม่สามารถสร้างผลกระทบให้กับพวกที่ลอยอยู่ได้เลย พวกเขาไม่มีทางได้รับอันตราย ซอมบี้ที่พากันลอยขึ้นมามีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว น่ากลัวว่ารวม ๆ แล้วคงจะมีนับหมื่นตนได้ พวกมันที่เหลือรอดต่างสาบานไว้ในใจ ถ้าออกไปได้จะแก้แค้นฉู่เหินอย่างสาสม!

สายตามองเพื่อนร่วมรบค่อย ๆ ตายไปทีละคนสองคน ใบหน้าของซอมบี้ระดับสูงที่ลอยบนอากาศก็ยังคงนิ่งเฉย อย่างคำที่บอกว่ากระต่ายตายหมาก็ถูกฆ่า* ชีวิตของเพื่อนร่วมรบเหล่านี้กับชีวิตของพวกเขาไม่ถึงกับทำให้ตกใจกลัวแทนได้หรอก!

*กระต่ายตายหมาก็ถูกฆ่า แปลว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล หรือหมายถึงหมดประโยคก็เขี่ยทิ้ง

ขณะที่พวกเขากำลังคิดใคร่ครวญอยู่บนอากาศ จู่ ๆ พวกซอมบี้ก็รู้สึกได้ถึงอำนาจคุกคามบางอย่าง ตอนที่พวกมันเงยหน้ามอง สายตาของพวกซอมบี้ก็เห็นเข้ากับหมอกสีดำที่กำลังลอยตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หมอกพวกนั้นรวมตัว ก่อนจะก่อร่างเป็นเมฆก้อนใหญ่กลุ่มหนึ่ง หลังจากที่เกาะกลุ่มเป็นก้อนเมฆแล้ว ภายในนั้นก็ได้ส่งผ่านสายฟ้าออกมาอย่างบ้าคลั่ง

การโจมตีของสายฟ้าราวกับถูกใครบางคนควบคุม ทุกครั้งที่ฟ้าผ่าลงมา มันต้องมีใครสักคนที่ได้รับบาดเจ็บ ร่างกายของพวกซอมบี้ต่างเปลี่ยนเป็นสีดำจากผลของสายฟ้า บางส่วนเองก็ถึงกับทำให้พวกมันหลายร้อยตนตกลงไปเบื้องล่าง

ซอมบี้ที่เหลือก็ไม่กล้าอยู่นิ่งอีก พวกมันพากันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดหลบไปมาในอากาศ แต่ยิ่งพวกมันเร็วเท่าไร สายฟ้าก็ยิ่งเร็วตามมันมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าจะเร็วแค่ไหน ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะหลบการโจมตีของสายฟ้าได้ ซอมบี้มากมายต่างถูกสายฟ้าฟาดกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง

ในตอนนี้ทั้ง 10,000 ตนมีอยู่สองทางเลือก ถ้าพวกมันอยู่ในอากาศก็จะโดนสายฟ้าฟาด ส่วนถ้าเลือกที่จะลงไปก็จะโดนลาวาหลอมละลายจนตาย!

ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาย เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นทำให้ซอมบี้ทั้งหนึ่งหมื่นตนคล้ายจะเสียสติไปแล้ว พวกมันไม่ได้บ้าโดยเนื้อแท้ หากแต่ถูกทรมานจนเป็นบ้า สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ยากที่จะหาทางออก พวกมันพากันนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับซอมบี้ตัวอื่น ๆ ก่อนที่จะพากันจินตนาการว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง แค่คิดถึงภาพที่ว่า มันก็ทำเอาจะบ้าตายอยู่แล้ว!

ฉากการฆ่าสังหารนี้ไม่ได้ปรากฏที่โลกภายนอก ผู้คนภายนอกก็มองไม่เห็นภายในเช่นเดียวกัน นี้เป็นเจตนาของฉู่เหิน เพราะเขาไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองสังหารซอมบี้ 100,000 นี้ยังไง