บทที่ 314 นั่งคุยกัน

อาอู๋พึมพำออกมา “ข้าว่าไม่ได้คิดไปเองหรอก”

เห็นได้ชัดว่านางสนใจอย่างไรเล่า!

นี่มัน…นี่มันมิเท่ากับยุ่งเหยิงไปหมดแล้วหรอกหรือ?

เซียวหรงหรงด้านหนึ่งก็อธิบายให้จี้จือฮวนฟัง ด้านหนึ่งก็ลอบมองนางไปด้วย ยิ่งมองก็ยิ่งพอใจ

สาวใช้ข้างกายก็สังเกตเห็นบางอย่างแล้วเช่นกัน คุณหนูใส่ใจชายผู้นี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ทั้งยังเป็นคนที่ซื่อจื่อพากลับมาอีกด้วย

“คุณหนู คนผู้นี้คือใครหรือเจ้าคะ?”

เซียวหรงหรงเอ่ยเสียงเบา “เจ้าจะรู้ไปทำไมกัน” น้ำเสียงนั้นยังหวานล้ำอีกด้วย

“ผู้น้อยเห็นว่าคุณชายใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางสง่างาม ไม่ทราบว่าเป็นคนที่ใดหรือเจ้าคะ?”

อย่างไรเสียตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงนางก็เคยเห็นมาหมดแล้ว ทว่ากลับจำไม่ได้ว่ามีคนเช่นนี้อยู่ หน้าตาช่างโดดเด่นยิ่งนัก ตระกูลใดมีคุณชายที่งดงามเพียงนี้ แต่ยังปิดบังเอาไว้อีก?

เซียวหรงหรงตอนนี้มองจี้จือฮวนตรงไหนก็ดีไปหมด ไหนเลยจะสนใจเรื่องชาติตระกูลอะไรอีก ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นเพื่อนกับท่านพี่ ต้องไม่มีทางต่ำต้อยอย่างแน่นอน

อีกด้านหนึ่ง ศาลาน้ำชา

เซียวเย่เจ๋อชงชาด้วยตัวเอง และเอ่ยเร่งเซียวผิงให้นำของว่างมา

“นี่เป็นจานพิเศษของพ่อครัวที่จวนเรา เจ้าลองชิมดูสิ แม้จะสู้ฝีมือลูกพี่ฮวนไม่ได้ แต่ก็ถือว่าไม่เลว”

ฮวาเซียงเซียงหันไปมอง “เหตุใดถึงมีแค่เราสองคน? คนอื่นเล่า?”

เซียวเย่เจ๋อเกาหัว “เอ่อ…ลูกพี่ฮวนบอกว่าให้พวกเราคุยกันให้เข้าใจก่อน”

“เจ้าหมายความว่าหากฮวนฮวนไม่สั่ง เจ้าก็ไม่คิดจะพูดอย่างนั้นหรือ?”

ตรรกะของสตรีบางครั้งก็ไม่สามารถอธิบายได้

เซียวเย่เจ๋อพูดต่อไม่ถูก ฮวาเซียงเซียงจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป

“นี่ ๆ ๆ” เซียวเย่เจ๋อเอื้อมมือมาขวางนางเอาไว้ “แม่นาง ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นจริง ๆ เจ้านั่งลงก่อนเถอะ”

ฮวาเซียงเซียงหมุนกายหนี “ข้าไม่นั่ง”

เพื่อสะดวกในการพูดคุยเซียวเย่เจ๋อจึงสั่งให้คนออกไปหมดแล้ว เขาจึงขยับเข้ามาด้วยท่าทางยียวน “หรือไม่เจ้าตีข้าสักสองที? พวกเราเป็นสหายที่ผ่านความตายด้วยกันมา เจ้าไม่คิดจะฟังว่าข้าจะพูดอะไรเลยอย่างนั้นหรือ?”

ฮวาเซียงเซียงหลุบตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางหงุดหงิด “เช่นนั้นเจ้าก็รีบพูดมา”

เซียวเย่เจ๋อกระแอมเล็กน้อย “ข้าชื่อว่าเซียวเย่เจ๋อ เป็นชื่อที่ท่านปู่ข้าตั้งให้ ในบ้านยังมีพี่น้องอีกหลายคน เซียวหรงหรงเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของข้า แต่ครอบครัวเราไม่ใช่พวกที่ชอบแย่งชิงสมบัติ ทั้งในและนอกบ้านปรองดองกันดี ข้ายังมีท่านอาน้อยอีกคนหนึ่ง เจ้าเองก็เคยเจอแล้ว”

ฮวาเซียงเซียงยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง “เจ้าพูดเรื่องนี้กับข้าทำไม?”

“เจ้าอย่าเพิ่งพูดแทรก ฟังข้าให้จบก่อนสิ”

“ได้ เจ้าพูดมา”

“ข้าเองก็พูดเรื่องพวกนี้กับสตรีเป็นครั้งแรก ข้าเลยตื่นเต้นนิดหน่อย ข้าขอกระแอมหน่อยนะ อะแฮ่ม~” เขายกชาขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก ก่อนจะหันหน้ามาเอ่ยกับนางต่อ “เอ่อ…สูด…ภายหน้าจวนหลังนี้ก็จะเป็นของข้า ข้าต้องเลี้ยงดูคนทั้งครอบครัว แต่ไม่มีทางทำให้ว่าที่ภรรยาข้าลำบากแน่นอน อย่างไรซะบ้านข้าก็มีเงินมากมายอยู่แล้ว”

ฮวาเซียงเซียงเบนสายตาหนีไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใดนัก “นั่นเป็นเรื่องของว่าที่ภรรยาเจ้า เจ้ามาบอกข้าทำไมกัน”บราวนี่ออนไลน์

เซียวเย่เจ๋อเกาหัว ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ นาง

ฮวาเซียงเซียงรีบขยับไปด้านข้าง เขาก็ขยับตามไปด้วย

“ชิ เจ้าเข้ามาใกล้ข้าเพียงนี้ทำไมกัน”

เซียวเย่เจ๋อกะพริบตาปริบ ๆ “เจ้าไม่รู้จริง ๆ หรือ ว่าข้าอยากทำอะไร”

“…”

“เมื่อครู่พูดถึงไหนแล้ว พูดถึงเรื่องที่ข้ามีเงินใช่หรือไม่? ข้อดีเพียงข้อเดียวของข้าก็คือมีเงิน ส่วนข้อเสีย ทั้งปากเสีย วรยุทธ์ก็ไม่เท่าไร แต่ข้าเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งและซื่อตรง ช่วงเวลาสำคัญก็สามารถสู้สุดชีวิตได้ เรื่องเป่ยป้าเทียนครั้งก่อน ข้าไม่ได้หลอกลวงเจ้าใช่หรือไม่?

แถมข้ายังเป็นคนเลือกกิน แต่อาหารในร้านเจ้าอร่อยมาก ข้าจึงชอบกินทุกอย่างและไม่เลือกเลยสักนิด ดังนั้นเรื่องนี้ไม่น่าจะนับเป็นข้อเสียได้?

เจ้าอย่าเพิ่งแทรก ให้ข้าพูดทีเดียวให้จบ ส่วนเรื่องผู้หญิงข้าก็ใสสะอาดเช่นกัน คนเดียวที่มีความเกี่ยวข้องด้วยก็คือลูกพี่ฮวน แต่เจ้าวางใจเถอะ ข้าเพียงเคารพเลื่อมใสนางเท่านั้น!”

ฮวาเซียงเซียงทำหน้าตาสงสัย “เจ้ากับฮวนฮวน? เจ้าเข้าตานางด้วยหรือ?”

เซียวเย่เจ๋อรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “ข้าไม่เข้าตานาง แต่เข้าตาครอบครัวท่านตานางก็แล้วกัน”

“ฮะ? เจ้ากับฮวนฮวนเคยมีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” ฮวาเซียงเซียงนึกสนใจขึ้นมา

“เป็นแค่คู่หมั้นตอนเด็ก ๆ เมื่อก่อนข้าเป็นคนนิสัยไม่ดีจริง ๆ เพื่อหน้าตาตัวเอง ข้าจึงไม่กล้าช่วยลูกพี่ฮวน”

“เอาล่ะ พอแล้ว พวกเราตัดขาดกันเท่านี้พอ”

“…”

!!!!

“เหตุใดถึงต้องตัดขาดด้วยเล่า!”

ฮวาเซียงเซียงลุกขึ้นยืนทันที “เหตุใดจะตัดขาดกับเจ้าไม่ได้ เจ้าเป็นคู่หมั้นของฮวนฮวน ต่อให้ตอนนี้ฮวนฮวนไม่เอาเจ้า แต่ก็ยังถือว่าเคยเป็นอดีตผู้ชายของพี่น้องข้า เจ้าเป็นอดีตผู้ชายของนาง แต่เจ้ากลับไม่ช่วยนาง เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ใช่คนดี”

มีเหตุผล ไม่สามารถหักล้างได้

แต่ก่อนตายเซียวเย่เจ๋อก็ยังอยากจะขอลองอีกสักครั้ง

“ไม่ใช่ ตอนนั้นข้าเองก็ไม่รู้จักนาง และข้าก็ขอโทษนางไปแล้วด้วย”

“ขอโทษ ถ้าการขอโทษมีประโยชน์จะมีนายอำเภอเจียงเอาไว้ทำไม?”

เซียวเย่เจ๋อถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่านางจะเดินออกจากศาลา เซียวเย่เจ๋อก็ใช้ลูกไม้แบบหน้าด้าน ๆ “เช่นนั้น…เช่นนั้นเจ้าคงไม่ให้ข้ากินเต้าหู้เจ้าไปเปล่า ๆ หรอกกระมัง ข้าจะขอรับผิดชอบให้ได้!”

ฮวาเซียงเซียงชะงักฝีเท้าลง หันไปมองหน้าเขา “หากทำเพื่อรับผิดชอบ ข้าไม่ต้องการ ข้างดงามเพียงนี้ มีเงินมากมายเพียงนี้ ทั้งยังมีอำนาจเพียงนี้ ผู้ชายในกองเรือที่รอให้ข้าเลือกมีตั้งเท่าใดเจ้ารู้หรือไม่ เจ้าเป็นคนที่เท่าใดกัน?”

เซียวเย่เจ๋อมองนางแล้วยิ้มออกมา “หากตอนนี้ข้าบอกว่าข้าชอบเจ้ามาก จะเป็นจะตายเพราะเจ้า คาดว่าเจ้าก็คงไม่เชื่อ แต่ข้าไม่ได้เกลียดเจ้านะ”

ฮวาเซียงเซียงเงยหน้ามองท้องฟ้า “แล้วอย่างไร? แค่เพราะเหตุผลนี้อย่างนั้นหรือ ข้าไม่ยอมรับ พ่อข้าบอกแล้วว่านอกเสียจากผู้ชายคนนั้นจะสามารถรักข้าได้เหมือนกับที่เขารักท่านแม่ของข้า ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องแต่งและเป็นไข่มุกในฝ่ามือของเขาต่อไป แค่เรื่องเสื้อขาดอะไรนั่นถึงกับต้องมอบร่างกายให้คนอื่น ข้าไม่ใช่คนโง่เช่นนั้น”

เซียวเย่เจ๋อเองก็เลิกทำหน้าทะเล้น “เช่นนั้นข้าขอลองพยายามก่อนได้หรือไม่?”

“แล้วแต่เจ้าสิ ข้าไม่คิดจะบังคับเจ้า แต่จู่ ๆ เจ้าจะเปลี่ยนจากสหายมาเป็นคนรับผิดชอบตัวข้า ในใจข้าจึงรู้สึกแปลก ๆ”

เซียวเย่เจ๋อเม้มริมฝีปาก ก่อนจะเดินไปตรงหน้าของนาง “ข้าเพียงอยากบอกความในใจกับเจ้า แต่ก็สมควรแล้วที่เจ้าจะเป็นกังวล ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่สตรีทั่ว ๆ ไป และรู้ว่าคุณหนูใหญ่ของกลุ่มกองเรือหมายความว่าอย่างไร แต่ข้าเป็นผู้ชาย มองสิ่งที่ไม่ควรมองไปแล้ว ตามหลักแล้วข้าควรพูดสิ่งเหล่านี้ และควรไปสู่ขอเจ้า ดังนั้นเรื่องที่ข้าจะไปสู่ขอเจ้าไม่ใช่การขอคำปรึกษา แต่เป็น…การบอกให้เจ้ารับรู้ว่าข้าชอบเจ้า ชอบแบบความสัมพันธ์ชายหญิง ดังนั้นหากเจ้ายังอยากเป็นสหายกับข้าต่อล่ะก็ เกรงว่าคงไม่ได้แล้วกระมัง”

ฮวาเซียงเซียงอ้าปากพะงาบ ๆ “นี่เจ้า…”

“แต่เจ้าไม่ต้องกังวล อย่างไรซะพวกเราก็ต้องทำความคุ้นเคยกันก่อน ส่วนเจ้าก็อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธข้า ข้าคิดว่าเจ้าไม่น่าจะรังเกียจข้า? นานไปบางทีเจ้าอาจจะใจอ่อนก็ได้”

ฮวาเซียงเซียงนั่งลง “เจ้าพูดไปหมดแล้ว ข้ายังจะพูดอะไรได้อีก”

เซียวเย่เจ๋อกระตุกแขนเสื้อของนาง “ความจริงแล้วเจ้าเองก็ไม่ได้รังเกียจข้าไม่ใช่หรือ ตอนข้ากลับเจ้ายังอาลัยอาวรณ์ข้าอยู่เลย”

ฮวาเซียงเซียงหันไปเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้า แต่นี่ห่างไกลจากความรักระหว่างหญิงชายมาก ข้าเห็นพ่อข้าดูแลท่านแม่มาตั้งแต่เด็ก หลังจากที่ท่านแม่ของข้าจากไป ท่านพ่อก็เฝ้าดูแลข้า ข้าเคยเห็นความรักของสามีภรรยาเช่นนี้มาก่อน ทำให้ข้าไม่อยากมีชีวิตคู่เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

.

.

.