บทที่ 249 การต่อสู้ของจิตสำนึก

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 249 การต่อสู้ของจิตสำนึก
บทที่ 249 การต่อสู้ของจิตสำนึก

มาแสดงความยินดี?

หลังจากตระหนักรู้ผ่านทางจิตสำนึก ไป๋ชิวหรานหรี่ตาลงพร้อมกับครุ่นคิดในใจ

เรื่องราวของจักรพรรดิภูตผีย่อมดึงดูดจักรพรรดิเซียนทั้งห้าแห่งแดนเซียนได้อย่างแน่นอน แต่ไป๋ชิวหรานไม่คิดว่าพวกเขาจะรีบร้อนถึงเพียงนี้

การกระทำเช่นนี้น่าเกลียดเกินกว่าจะรับ

แต่เมื่อกล่าวออกมาเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องรักษามารยาท และแน่นอนว่าเขาควรที่จะต้องเผชิญหน้า

ไป๋ชิวหรานสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของจิตสำนึกจากคนทั้งห้า และพบว่าพวกเขาทั้งหมดอยู่ในระดับเดียวกัน ทว่ายังด้อยกว่าเจียงหลานเล็กน้อย

เช่นนี้ เขาจึงลุกขึ้นจากที่นั่ง และเมื่อลุกขึ้น สติสัมปชัญญะที่ไม่อาจอธิบายได้ต่างถูกปลดปล่อยออกจากร่างกาย

จิตสำนึกทั้งห้าที่ปกคลุมอยู่บนท้องฟ้าเหนือสามมหาคฤหาสน์แห่งม่านสวรรค์ถูกกดดันเข้ามาอย่างหนัก และยมโลกทั้งหมดก็ถูกครอบงำด้วยจิตสำนึกของพวกเขา ท้ายที่สุดไป๋ชิวหรานจึงผลักพวกมันออกจากยมโลกไปอย่างไม่คณามือ!

“ยินดีที่ได้รู้จัก”

ชายหนุ่มทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และเจียงหลานก็ติดตามเขามาเช่นกัน

“ภายใต้จักรพรรดิภูตผี มันถือเป็นสารเลวตัวหนึ่ง วันนี้พบเจอพร้อมกันทั้งห้า น่าจะแทบจากทั่วทั้งยมโยก… นับว่าเป็นเกียรติ”

ไป๋ชิวหรานผลักสัมผัสทั้งห้าออกไป พวกมันกระเด็นกระดอนไปจนสุดขอบยมโลก และชายหนุ่มยังพบว่าจิตสำนึกทั้งห้าที่มาจากสถานที่ทั้งห้าที่แตกต่างกัน

หลังจากถูกกดดันจนต้องกลับคืนสู่สภาพเดิม ภายในพลังของจิตสำนึกทั้งห้า คลื่นพลังของลำแสงทุกชนิดพลันควบแน่น มันก่อตัวเป็นร่างมนุษย์ทั้งห้าที่เกิดจากลำแสงควบแน่น และสาดส่องมาตรงหน้าไป๋ชิวหรานที่ยืนอยู่บนท้องฟ้า ร่างเหล่านั้นโบกมือให้กับไป๋ชิวหราน และส่งเสียงหวีดหวิว

“ข้าได้ยินชื่อเสียงของจักรพรรดิภูตผีมานาน และเมื่อได้มาเห็นกับตาในวันนี้ มันก็สมคำร่ำลืออย่างแท้จริง”

เมื่อถูกชายหนุ่มจัดการ จิตสำนึกทั้งห้าก็ไม่สามารถเผยแรงกดดันไปทั่วเมืองเฟิงตูได้อีกต่อไป ภายใต้สถานการณ์สิ้นหวังเช่นนี้… จักรพรรดิเซียนทั้งห้าต้องควบแน่นพลังของตนเองเพื่อเปิดเผยตัวตน!

แต่แม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ต่อไป๋ชิวหราน แต่จักรพรรดิเซียนเหล่านี้คล้ายกับไม่เต็มใจ หนึ่งในนั้นยังคงยืนอยู่ราวกับกำลังออกคำสั่ง เขาไม่ใช่คนที่พุ่งเข้ามาโจมตี แต่อีกสี่คนที่เหลือรวมพลังกันและต้องการต่อสู้กับจิตสำนึกของไป๋ชิวหราน

“อะไร”

ชายหนุ่มหัวเราะคิกคักเบา ๆ จิตสำนึกของเขายังคงเผยแรงกดดันต่อไป และในขณะเดียวกันก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“น่าอับอายนัก มันเป็นเพียงกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับห้าพลังเหนือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของการฉายภาพข้ามพรมแดน ทักษะนี้ทำให้จักรพรรดิภูตผีรู้สึกอิจฉาเสียจริง”

ในขณะที่ทั้งหมดกำลังพูดคุยกันอย่างสุภาพ จิตสำนึกของไป๋ชิวหรานปะทะกันอย่างรุนแรงกับสี่จักรพรรดิเซียน พลังวิญญาณไร้ลักษณ์ประทะกันอยู่บนอากาศ แม้แต่บนพื้นยังเกิดรอยแตกอย่างรุนแรง!

“เรื่องนี้…”

ในการเผชิญหน้าที่ดุเดือด น้ำเสียงของพวกเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง หนึ่งในห้าร่างนั้น ร่างเปล่งประกายสีฟ้ากล่าวกับไป๋ชิวหราน

“ข้าต้องขอโทษท่านจักรพรรดิภูตผี… ลี่เจวี๋ยผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่คู่ควรและยังดื้อรั้นกระทำสิ่งนั้นนอกเหนือจากคำสั่ง มันช่างน่าอับอายนัก”

“เป็นที่สุด”

ร่างสีแดงอีกหนึ่งยังคงปลดปล่อยพลังออกมา

“ข้าต้องขอโทษจักรพรรดิภูตผี และยมโลกทั้งหมดสำหรับพฤติกรรมที่โง่เขลาของผู้ทรงเกียรติหลาน”

“โอ้?”

ไป๋ชิวหรานอุทาน

“ไม่ทราบว่าทั้งสอง…”

“แดนเซียนตะวันออก จักรพรรดิชิงแห่งตะวันออก”

ร่างสีฟ้ากล่าวขึ้น

“แดนเซียนใต้ จักรพรรดิชี่ใต้”

ร่างสีแดงกล่าว

เรื่องรั้งรออะไรนี่ ไม่เคยเห็นได้ยินมาก่อน

ไป๋ชิวหรานขมวดคิ้ว แต่ถึงกระนั้นยังกล่าวด้วยถ้อยคำสุภาพ

“โอ้ เป็นจักรพรรดิเซียนทั้งสองนั่นเอง ข้าชื่นชมพวกท่านมานานแล้ว”

“จักรพรรดิภูตผีนั้นถ่อมตัวนัก”

หลังจากที่ร่างทั้งสองกล่าวจบ ร่างสีแดงของจักรพรรดิชี่ใต้จึงกล่าวเสริมขึ้นว่า

“ที่มาวันนี้พวกข้ามีเรื่องจะร้องขอ”

“โอ้?”

ไป๋ชิวหรานถามว่า

“จักรพรรดิชี่ใต้ต้องการสิ่งใดในยมโลกงั้นหรือ?”

“เป็นเรื่องของผู้ทรงเกียรติหลาน”

จักรพรรดิชี่ใต้กล่าวคำอย่างสุภาพ แต่จิตสำนึกที่กดทับลงมากลับรุนแรงยิ่งขึ้น!

“ผู้ทรงเกียรติหลานทำผิดอย่างยิ่งใหญ่ พวกเราทุกคนทราบดี แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ทรงเกียรติหลานคือผู้ที่มาจากแดนเซียนใต้และเป็นคนของแดนเซียนใต้ จักรพรรดิองค์นี้ขอให้จักรพรรดิภูตผีปล่อยตัวเขา และจักรพรรดิองค์นี้ให้สัญญาว่าจะมีคำอธิบายให้แก่ยมโลกอย่างแน่นอน”

มันกลับกลายเป็นว่าทั้งหมดพยายามจะเล่นแง่เรื่องนอกเขตแดน

ไป๋ชิวหรานลอบเยาะเย้ยอยู่ในใจ

คำอธิบายที่น่าพอใจ? ไม่มียมทูตตนไหนจะเชื่อ!

ชายหนุ่มนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามร่างสีฟ้าว่า

“ก่อนจะกล่าวเรื่องนั้น ข้าอยากจะถามจักรพรรดิชี่ใต้สักสองสามคำ ก่อนอื่น ‘ปรภพยมโลก’ มันคือหนึ่งในระบบแห่งโลกเซียน เป็นดินแดนแห่งอำนาจใช่หรือไม่?”

“ถูกต้องแล้ว”

จักรพรรดิชี่ใต้ชี้นิ้วขึ้นก่อนจะกล่าวว่า

“ไม่ว่าจะเป็นแดนเซียนหรือยมโลก พวกเขาทั้งหมดอยู่ภายใต้อำนาจของจักรพรรดิเซียนไป๋หลี่”

“ถ้าเช่นนั้น กฎเหล็กแห่งยมโลก เหล่าจักรพรรดิเซียนสามารถท่องมันได้หรือไม่?”

“ก็เหมือนอย่างเคย…”

“ราวกับทำกิจวัตรประจำวัน”

จิตสำนึกของไป๋ชิวหรานปราบปรามการโต้กลับของจักรพรรดิชี่ใต้อย่างหนักแน่น และในขณะเดียวกันก็พยายามสกัดกั้นเอาไว้

“จักรพรรดิเซียนองค์แรกกล่าวว่า… กฎเหล็กของยมโลกมีผลกับเซียนหรือไม่?”

จักรพรรดิชี่ใต้เงียบงันไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวตอบ

“หากเซียนอยู่ภายใต้เขตอำนาจของยมโลก ก็มีผลบังคับใช้ได้”

“แล้วผู้ทรงเกียรติหลานเป็นหนึ่งในสามเทพแห่งยมโลก เขาก่อกบฏในยมโลกและถูกจับกุมในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับเทพองค์อื่น ผิดงั้นหรือที่ข้าจะลงโทษเขาด้วยกฎเหล็กแห่งยมโลก?”

ในที่สุดไป๋ชิวหรานก็ถามออกไป

“แน่นอนว่าไม่ผิด”

จักรพรรดิชี่ใต้หยุดชั่วคราว จากนั้นเขากำหมัดแน่นก่อนจะกล่าวว่า

“แต่จักรพรรดิองค์นี้คงต้องกล่าวว่าจักรพรรดิภูตผีอย่าลืมว่านอกจากกฎหมายแล้ว ยังมีความโปรดปรานของมนุษย์ด้วยเช่นกัน”

“ความโปรดปรานของผู้ใด? จักรพรรดิเซียนองค์แรกหรือของท่าน?”

น้ำเสียงของไป๋ชิวหรานกลายเป็นเย็นเหยียบ

“เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย เช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะพูดคุย!”

ในขณะเดียวกับที่เขาพูด จิตสำนึกของเขากลายเป็นกระแสน้ำเชี่ยวกราก มันชะล้างทุกสิ่งในยมโลก จิตสำนึกของจักรพรรดิเซียนทั้งห้าไม่อาจต้านทาน เป็นผลให้ทั้งหมดถูกผลักออกไปในดินแดนที่ว่างเปล่า

“เด็กน้อย”

ในความว่างเปล่า ไป๋ชิวหรานใช้เคล็ดวิชาการฉายภาพที่ขโมยมาจากมือของจักรพรรดิเซียนหลายคน และฉายเงาในจิตสำนึกของจักรพรรดิภูตผีไปที่จิตสำนึกของจักรพรรดิเซียนทั้งห้าอย่างคล่องแคล่ว

“หมดเวลาแล้ว กลับไปเสีย”

“โอ้ แรกเริ่มจักรพรรดิเซียนก็สังหารผู้ถูกคัดเลือกเสียแล้ว ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก”

ในความว่างเปล่า ร่างทั้งห้าที่เขาขับไล่ออกไปไม่คิดจะสร้างความรำคาญอีกต่อไป และแต่ละคนยังกล่าวอำลาอย่างสุภาพ

ร่างสีเหลืองอร่ามเดินรั้งท้ายหันกลับมากล่าวบางคำกับไป๋ชิวหรานอย่างแผ่วเบา

“พวกเขาย่อมไม่มีทางยอมแพ้ จักรพรรดิภูตผีโปรดระวัง”

“ขอบคุณสำหรับคำเตือน”

ไป๋ชิวหรานกล่าวด้วยสุ้มเสียงเคร่งขรึม

“เช่นนั้นข้าขอถาม…”

“ต่อหน้าท่าน ชื่อราคาถูกของข้าไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง”

ร่างสีเหลืองโค้งคำนับให้กับไป๋ชิวหราน

“ขอตัวลา”

เขาดึงจิตสำนึกกลับคืนและหยุดฉายภาพแสง ทั้งหมดกลับสู่โลกที่ว่างเปล่า

คนผู้นั้นคือจักรพรรดิเซียนไค่หยวน แห่งแดนเซียนกลางหรือไม่?

ไป๋ชิวหรานหรี่ตาลงพร้อมกับถอนจิตสำนึกออก

ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร ชายหนุ่มได้บันทึกจิตสำนึกของเขาเอาไว้แล้ว หากมีโอกาสกลับไปที่แดนเซียนในอนาคต เมื่อเผชิญหน้ากันด้วยพลังแห่งจิตสำนึก… ไป๋ชิวหรานจะสามารถรับรู้ได้ทันที