ตอนที่ 148.2 ปรมาจารย์จ้าวกงหมิง (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ในเวลาเดียวกัน หลี่ฉางโซ่วก็มีการคาดเดาบางอย่างอยู่ในใจ

เป็นไปได้หรือไม่ว่า จ้าวกงหมิง…เป็นคนโง่

ข้าคิดมากเกินไปหรือไม่ เมื่อคุยกับจ้าวกงหมิงก่อนหน้านี้

ไม่ หลี่ฉางโซ่วยังคงรู้สึกว่าศิษย์คนโต ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เป็นคนเจ้าแผนการอย่างแน่นอน!

เห็นได้ชัดจากความจริงว่า ตั้งแต่ก่อนที่จ้าวกงหมิงจะลงมือ เขาได้นำเหตุและผลมาสู่ศักดิ์ศรีของสามปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพแห่งเต๋าสูงสุด

แน่นอนว่า มันเป็นไปได้เช่นกันที่จ้าวกงหมิงคิดแบบนั้นจริงๆ…

หากเป็นเช่นนี้ ความรู้สึกภาคภูมิใจและการยอมรับของสำนักบำเพ็ญเต๋าโดยรวมของตัวตนผู้ยิ่งใหญ่คนนี้แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ หือ? ในมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ ดูเหมือนว่าจ้าวกงหมิงจะร้องออกมาว่า “ทั้งสามสำนักล้วนอยู่ในตระกูลเดียวกัน เราทุกคนล้วนเป็นสหายศิษย์ร่วมสำนักกัน” เขาไม่ได้ฆ่าสิบสองเซียนจินของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานที่พ่ายแพ้เขาไปอย่างโหดเหี้ยม

แต่ชะตากรรมของปรมาจารย์จ้าวกงหมิงนั้นก็น่าอนาถอย่างยิ่ง

เพราะในท้ายที่สุด เป็นคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน นักพรตเต๋าลู่หยา ผู้ลึกลับที่ยุยงให้เจียงจื่อหยา[1]ใช้คำสาปเจ็ดลูกศรหัวตะปูเพื่อสาปแช่งเขาให้ตายและนำเขาไปจัดอยู่ในรายชื่อเทพเจ้า…

และทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา จู่ๆ ก็เขานึกถึงโหย่วฉินเสวียนหย่า!

มีคนประเภทหนึ่งในโลกที่หลี่ฉางโซ่วไม่สามารถคาดเดาการกระทำของพวกเขาได้ นั่นคือ คนประเภทที่มีความคิดในแง่ดีอยู่เสมอ…และมีโอกาสมากที่จ้าวกงหมิงจะเป็นคนประเภทนั้น

ความจริงแล้ว เขาไม่มีทางเลือกสำหรับเรื่องนี้ แน่นอนว่าหลี่ฉางโซ่วต้องให้ความเคารพต่อปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยมชั้นนำของโลกบรรพกาลเช่นนี้ เขาไม่ได้พยายามวางแผนหรือคิดต่อต้านทำร้ายเขา

และนอกจากนี้ เนื่องจากเขายังเป็นลูกศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เขาไม่จำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับจ้าวกงหมิง

ต่อมาเขาจะพยายามกอบกู้สถานการณ์ เขาจะให้สำเนาตำราหลักคำสอนของสำนักเทพทะเลแก่อีกฝ่ายหนึ่งเพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง เขาจะใช้ข้ออ้างในการ ‘ติดตามเต๋าสวรรค์และ ‘ปกป้องมนุษย์’ เพื่ออธิบายว่าเหตุใดสำนักเทพทะเลจึงพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็วและตัดกรรมได้

แต่สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วไม่คาดคิดคือ…การกระทำที่ตามมาของจ้าวกงหมิงนั้นเกินความคาดหมายของ หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งหลี่ฉางโซ่วไม่เข้าใจพวกเขาเลย และหลี่ฉางโซ่วยังตกใจด้วยพร้อมมีเหงื่อเย็นออกมา

ศิษย์คนนี้จากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยไม่ยอมแพ้ แม้จะเอาชนะนักพรตเต๋าไปได้แล้วก็ตาม จากนั้นเขาก็ใช้ไข่มุกเทพทะเลเพื่อสะกดข่มนักพรตเต๋าหลังค่อมและยังคงสาปแช่งและผลักเขาไปยังวิหารเทพทะเลอย่างต่อเนื่อง

หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก

ปรมาจารย์จ้าวคนนี้เป็นพิษด้วยหรือไม่

ข้า เทพแห่งท้องทะเลตัวน้อยผู้ไร้ความสำคัญ จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกรรมเยี่ยงนั้นได้อย่างไรเล่า!

นักพรตเต๋าหลังค่อมเป็นศิษย์ของจอมปราชญ์!

หากข้าทำร้ายเขา เขาจะยอมรับการสูญเสียอย่างแน่นอนและหุบปากเงียบจากนั้นก็จะบอกว่าพลังและทักษะเวทของเขาด้อยกว่า

อย่างไรก็ตาม หากสำนักบำเพ็ญประจิมจัดการชำระบัญชีแค้นและระบายความโกรธต่อเทพแห่งท้องทะเลในภายหลัง ศิษย์น้อยที่ไม่สำคัญจากสำนักห่างไกลเช่นข้าจะจัดการกับมันอย่างไร

แม้ว่าข้าจะสามารถขอให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ช่วยข้าได้ แต่ข้าจะตอบและอธิบายเรื่องนี้ให้ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ฟังได้อย่างไร

หลี่ฉางโซ่วทึ่งจนรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกแล้วรีบคิดหามาตรการรับมืออย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกตัวหนึ่งก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายและพุ่งไปที่วิหารเทพทะเลเล็กๆ

เขาเห็น…จ้าวกงหมิงลอยกลับไปที่ยอดวิหารเล็กๆ และร่อนลงบนพื้น จากนั้นเขาก็โยนนักพรตเต๋าเฒ่าหลังค่อมเข้าไปในวิหารและกล่าวออกมาอย่างจริงจังว่า

“ไปขอโทษเทพแห่งท้องทะเล”

ในขณะนั้น ขาของหลี่ฉางโซ่วอ่อนแรง ร่างกายของเขาเกือบจะหดตัวไปอยู่ใต้โต๊ะเรียนในห้องลับ

นักพรตเต๋าเฒ่าหลังค่อมถูกไข่มุกเทพทะเลสะกดข่ม บัดนี้ เขานอนพังพาบอยู่บนพื้นและไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเดือดดาล

ท่านยังเป็นคนมีเหตุผลอยู่หรือไม่

สามสำนักบำเพ็ญใหญ่นั้นไม่มีเหตุผล!

สำนักบำเพ็ญประจิมมักจะไม่มีเหตุผล แต่เมื่อเปรียบเทียบกับศิษย์ผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย และเทพแห่งท้องทะเลนี้แล้ว ย่อมไม่อาจเทียบได้ และไม่อาจนับเป็นอันใดที่ควรพูดถึง

นักพรตเต๋าหลังค่อมหลับตาลงและนิ่งเงียบปราณวิญญาณแก่นแท้ของเขาสั่นสะท้านด้วยความโกรธ

จ้าวกงหมิงหัวเราะเยาะเย้ยและกล่าวว่า “เหตุใดกัน เจ้ายังกล้าแสร้งทำเป็นตายอีก? เจ้าบังคับให้ร่างจำแลงของเทพทะเลตายและหมิ่นหยามสำนักบำเพ็ญเต๋าของข้า แล้วข้าจะปล่อยเรื่องนี้ไปได้อย่างไร”

ทว่าในขณะนั้น จ้าวกงหมิงก็ได้ยินเสียงผ่านพลังปราณส่งเสียงแว่วเข้ามาในหูของเขา…

“ผู้อาวุโส ผู้อาวุโส ท่านไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เรื่องนี้กำลังจะจบลงแล้ว!”

“โอ้?”

จ้าวกงหมิงมองไปที่สถานที่หนึ่งในใต้ดิน เขากำลังดูสถานที่ที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ซ่อนอยู่

เขาเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “อย่ากลัวเลย พวกเราถูกต้อง!”

หลี่ฉางโซ่วอับจนหนทางและทำได้เพียงเอามือก่ายหน้าผาก อย่างไรก็ตาม เขาก็เพ่งสมาธิทันที ตามลักษณะนิสัยของจ้าวกงหมิง เขาได้คิดวิธีแก้ปัญหาและแผนสำรองสองแผนเพื่อรับมือกับสถานการณ์แล้ว

เพื่อแก้ไขเรื่องนี้ เขาต้องโน้มน้าวจ้าวกงหมิงก่อนจากนั้นค่อยปล่อยให้เขาจัดการกับนักพรตเต๋าหลังค่อมได้

สำหรับตัวเขาเอง เขาไม่อาจปรากฏตัวได้!

หลี่ฉางโซ่วไม่กล้ารออีกต่อไป เขารีบใช้ร่างจำแลงของเขากล่าวผ่านพลังปราณส่งเสียงออกไปทันที

“ผู้อาวุโส แม้เราจะมีเหตุผล แต่ท่านก็รู้ว่าปรมาจารย์สองคนที่อยู่เบื้องหลังคนผู้นี้ไม่ใช่…ผู้อาวุโส ท่านสูงส่งเกินไปในสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ทั้งยังมีปรมาจารย์อาวุโสหลายคนที่มีความชอบธรรมเฉกเช่นท่าน หากท่านตกเป็นเป้าหมายของสำนักบำเพ็ญประจิม สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยจะปล่อยเรื่องนี้ไปได้อย่างไร…

หากเรื่องนี้แพร่ขยายออกไป อาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่กลายบานปลายเป็นความขัดแย้งระหว่างสำนักบำเพ็ญประจิมและสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย!

เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมมีผู้บาดเจ็บล้มตายอย่างแน่นอน แล้วท่านจะทนเห็นสหายเต๋าของท่านได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร

…ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่ใช่คนตัวเล็กๆ ที่ไม่สำคัญเหมือนผู้น้อย คำพูดและการกระทำของท่านย่อมจะส่งผลต่อความก้าวหน้าของโลกบรรพกาล”

จ้าวกงหมิงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาลูบเคราของเขาและสูดลมหายใจเข้าลึกขณะกล่าวผ่านพลังปราณส่งเสียงไปยังหลี่ฉางโซ่วโดยตรง

“ฟังดูมีเหตุผล แต่คนผู้นี้บังคับให้เจ้าทำลายร่างจำแลงของเจ้า…”

“ผู้น้อยเป็นผู้บำเพ็ญจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินและอยู่ข้างเดียวกับท่านผู้อาวุโส ระดับความอาวุโสของข้าต่ำกว่าท่านมาก”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านพลังปราณส่งเสียงออกไปพลางถอนหายใจ “เหตุผลที่ข้าไม่ประสงค์จะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของข้าให้คนอื่นเห็นก็เพราะว่าสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของเรานั้นเงียบสงบอยู่เสมอ หากข้าออกมาเก็บบุญจากเครื่องสักการะ ข้าจะทำให้ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของข้าไม่พอใจขอรับ…

แม้ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของข้าจะไม่สนใจเรื่องของโลก แต่เขาก็กังวลอย่างมากเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสามสำนักบำเพ็ญเต๋าใหญ่ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาปวดใจกับความขัดแย้งระหว่างสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย และสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน เขาเป็นห่วงมากขอรับ

…ดังนั้นหากผู้คนจากสำนักบำเพ็ญประจิมพบข้า ข้าก็จะทำลายร่างจำแลงของข้าในทันที ข้าไม่ต้องการมีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา”

จ้าวกงหมิงดูตระหนักรู้ขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและครุ่นคิดและกล่าวว่า “เหตุใดเราไม่ทำลายเต๋านี้และยุติเรื่องนี้เสียที”

“ข้าจะปกปิดเรื่องนี้จากจากท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์ได้อย่างไร”

“แล้วเราควรทำอย่างไรดี”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “หากท่านเชื่อข้า ข้าขอถือวิสาสะแบ่งปันวิธีการรับมือสองสามอย่างที่ข้ามีได้หรือไม่ ผู้อาวุโส หากท่านเชื่อข้า ท่านก็สามารถพิจารณาใช้พวกมันได้”

“เฮ้ นี่ไม่ใช่ว่าเจ้าจะทำเหมือนว่าข้าเป็นคนนอกหรือ!”

จ้าวกงหมิงโบกมือและกล่าวกับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว “ทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าใหญ่เป็นครอบครัวเดียวกัน หากข้าไม่เชื่อเจ้า แล้วข้าควรจะเชื่อผู้ชายคนนี้หรือ จงบอกมาตรการรับมือที่เจ้ามีให้ข้ารู้”

[1] เจียงจื่อหยา หรืออีกนามคือ เจียงไท่กง เป็นทั้งนักปราชญ์และนักปกครอง เป็นที่ปรึกษาเก่งและดีที่สุดซึ่งเป็นหนึ่งในต้นแบบของหลักวิชาฮวงจุ้ย และเป็นแบบอย่างแห่งเต๋า ที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ในบัญญัติแห่งการสังเกตฟ้า ดิน ฤดูกาล และเป็นผู้ให้ข้อคิดการวางแผนการรบแก่โจวเหวินหวางในราชวงศ์โจวว่า การวางแผนต้องอดทนรอ ระยะเวลาล้วนมีความเพียร และไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น นั่นคือ วางแผนเตรียมพร้อม อดทนรอคอย และดำเนินการไปอย่างเงียบๆ เปรียบได้กับการตกปลา