บทที่ 276 เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’
“นี่เจ้ามั่นใจเกินไปหรือเปล่า ?” ฉู่ชูเหยียนถามกลับด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
นางฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บมากแล้วและเมื่อบวกกับตอนนี้ที่ซือคุนยังอยู่ในสภาวะอ่อนแอ แม้ว่าเขาจะร่วมมือกับเฉียวเสวี่ยอิง นางก็มั่นใจว่าสามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้
สำหรับคนอื่น ๆ ด้วยทักษะการเคลื่อนไหวอันทรงพลังที่ซูอันได้แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ ซูอันควรจะสามารถยื้อการต่อสู้ได้จนกว่าการต่อสู้ของนางจะสิ้นสุดลง โดยรวมแล้วพวกนางเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ ดังนั้นนางจึงไม่เข้าใจว่าทำไมซือคุนถึงพูดอย่างมั่นใจเช่นนี้
“แน่นอน มันคงยากสำหรับข้าที่จะเอาชนะเจ้าในสภาพปัจจุบันของข้า หากเป็นสถานการณ์อื่น ข้าจะเสนอการพักรบ” ซือคุนหยุดครู่หนึ่งขณะที่เขาเหลือบมองที่ซูอัน “อย่างไรก็ตาม ไอ้เวรนี่เป็นปัญหาตัวสำคัญ ข้าจะต้องกำจัดมันที่นี่โดยไม่คำนึงถึงราคาที่ต้องจ่าย !
“ข้า…ซือคุน ขออัญเชิญ เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ !”
ซือคุนยกแหวนขึ้นสูงในขณะที่เขาพึมพำบทสวดภาษาโบราณ และจากนั้นแหวนของเขาก็เริ่มเรืองแสงเป็นสีเทาและปล่อยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวไปยังรอบ ๆ บริเวณ
ลูกน้องของซือคุนทุกคนคุกเข่าลงไปที่พื้นทันทีและไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้เลย กำแพงแสงสีเขียวก่อตัวขึ้นรอบ ๆ เฉียวเสวี่ยอิง ทำให้นางสามารถกัดฟันทนอยู่ได้
ซูอันก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นเช่นกัน แรงกดดันอย่างฉับพลันทำให้เขาหายใจลำบาก ราวกับว่ามีภูเขาทั้งลูกทับบนหลังของเขา กระดูกของเขาเริ่มลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด
หากแม้แต่ผู้บ่มเพาะระดับสี่ก็ยังพบว่ามันยากที่จะทนไหว ผู้บ่มเพาะระดับสามจะต้านทานมันได้ดีเพียงใด ? เขากัดฟันและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยืนให้อยู่ เขาไม่รังเกียจที่จะถูกคนอื่นล้อเลียน แต่จะไม่ยอมให้ตัวเองคุกเข่าต่อหน้าซือคุนเด็ดขาด
แต่แล้วในชั่วอึดใจกำแพงน้ำแข็งก็ถูกสร้างขึ้นรอบตัวพวกเขาอีกรอบ ฉู่ชูเหยียนได้ใช้ทักษะ ‘ปราการสีคราม’ ของนางอีกครั้ง
ขณะนี้เป็นเวลากลางวัน แต่จู่ ๆ การที่ฟ้ามืดลงในทันใดทำให้ซูอันเงยหน้าขึ้นซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น
สัตว์ร้ายขนาดมหึมาที่มีความยาวกว่า 90 จั้งได้ลอยอยู่บนท้องฟ้า รูปร่างและสีผิวของมันชวนให้นึกถึงวาฬขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ของมันช่างน่ากลัวยิ่งกว่าวาฬใด ๆ มีแสงสีเลือดสาดส่องออกมาจากดวงตาของมัน ปากที่ใหญ่โตเต็มไปด้วยฟันที่แหลมคมนับไม่ถ้วน รูปลักษณ์ของมันดูมากเกินพอที่จะข่มขู่สิ่งมีชีวิตใด ๆ ในโลกให้ยอมจำนน
เมื่อมองไปที่มันนาน ๆ ซูอันก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เหตุใดปลานี่จึงดูคล้าย ๆ กับ คุนเป๋ง*[1] ที่ชายหนุ่มเคยเห็นในโฆษณาเกมเมื่อในชีวิตก่อนหน้านี้ ?
“กลิ่นอายและความกดดันระดับนี้… ระดับเก้า ? !” ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนเปลี่ยนเป็นขาวซีด “ไม่ ! ถึงแม้กลิ่นอายของมันจะอยู่ที่ระดับเก้า แต่ความแข็งแกร่งของมันอ่อนแอกว่ามาก”
อย่างไรก็ตามไม่ว่าสัตว์ร้ายที่ถูกอัญเชิญจะอ่อนแอเพียงใด มันก็ยังแข็งแกร่งเกินกว่าที่นางจะรับมือไหว
รอยยิ้มที่ร่าเริงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซือคุนขณะที่เขาพูด “นี่เป็นความลับที่ตระกูลซือของเราครอบครอง และข้าก็สงวนไว้สำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายเท่านั้น ซูอัน…เจ้าควรจะดีใจที่เจ้าจะได้ตายด้วยคมเขี้ยว เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’…”
อย่างไรก็ตาม ซูอัน ขัดจังหวะเขาก่อนที่เขาจะพูดจบ “เดี๋ยวก่อน เจ้าบอกว่าสัตว์ร้ายตัวนี้ชื่อ อสูรกลืนกิน (ซือ) คุนเหรอ ? อา มันมีชื่อเดียวกับเจ้าจริง ๆ ! มันเป็นพ่อเจ้าเหรอ ?”
ซือคุนถึงกับนิ่งสนิท…
ก่อนที่ซูอันจะชี้ให้เห็น ซือคุนไม่ได้สังเกตเลยว่าชื่อของเขาและอสูรแห่งการกลืนกิน (ซือ) คุน เป็นคำพ้องเสียงกันจริง ๆ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ จะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็ยังเป็นสัตว์ ดังนั้นการที่อีกฝ่ายถามว่า ‘คุน’ เป็นพ่อเขาหรือเปล่า มันก็ไม่ต่างอะไรกับการด่าว่าเขามีพ่อเป็นสัตว์ด้วย !
—
ท่านยั่วยุซือคุนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 885 !
—
ลูกน้องของซือคุนต่างจ้องไปที่ซูอันด้วยความประหลาดใจ โว้ว ๆ เขากล้าที่จะยั่วโมโหนายน้อยมากกว่าเดิมถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เหรอ เขาจะต้องตายอย่างน่าอนาถแน่นอน !
เฉียวเสวี่ยอิงรู้สึกประหลาดใจกับซูอันเช่นกัน นางอาจเกลียดชังเขา แต่นางก็ต้องยอมรับว่าเขาช่างเป็นคนที่มีความกล้า ถ้านางอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ นางคงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังต่อหน้าสัตว์อสูรที่ทรงพลังเช่นนี้ ทว่าซูอันยังคงสามารถรักษาความยียวนของตนเอาไว้ได้ เป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่จะบอกว่าชายคนนี้แสร้งทำเป็นกล้าหาญหรือว่าเขาหน้าหนากันแน่ !
“ยังปากดีทั้ง ๆ ที่ใกล้จะตายอยู่แล้วงั้นเหรอ ? อีกไม่นานเจ้าจะเสียใจที่เกิดมาพร้อมกับปากโสมมนั่น !” ซือคุนตะคอก
“ใครกันที่บังอาจเรียกข้ามา ?”
จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นแทรก มันมาจากเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ซึ่งน่าตกใจมากที่มันพูดภาษามนุษย์ได้ !
“โอ้ ท่านเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ข้าคือผู้สืบสกุลของตระกูลซือ ข้าขอวิงวอนให้ท่านช่วยกำจัดศัตรูของข้าที !” นับตั้งแต่ซูอันชี้ให้เห็นว่าชื่อของเขาและสัตว์ร้ายตัวนี้เป็นคำพ้องเสียงกัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดใจอย่างเหลือเชื่อที่เรียกชื่อสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นี้ออกมา
“ให้ข้าดูสักหน่อยว่าศัตรูของเจ้าแข็งแกร่งเพียงไหน เจ้าถึงเต็มใจใช้โอกาสสุดท้ายเพื่อเรียกข้า !” เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ จ้องมองไปที่ฉู่ชูเหยียนและซูอันด้วยดวงตาสีแดงเลือด จากนั้นมันก็ตะโกนอย่างโกรธจัด “ช่างกล้า ! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงเรียกข้าออกมาแค่ให้จัดการกับผู้บ่มเพาะระดับหกและมดปลวกระดับสาม !”
“ระดับหกงั้นเหรอ ? !” ซือคุนหันไปหาฉู่ชูเหยียนด้วยความตกใจ
นางถึงระดับหกแล้ว ! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง ผู้หญิงคนนี้ซ่อนความสามารถที่แท้จริงของตนไว้อย่างดี ! ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตัวนางเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าคงไม่มีโอกาสสู้กับนางได้เลย !
เฉียวเสวี่ยอิงมึนงงเช่นกัน แม้จะอยู่ข้างฉู่ชูเหยียนมาหลายปีแล้ว แต่นางก็ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ได้ก้าวไปสู่ระดับที่หกแล้ว
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? หรือเมื่อเร็ว ๆ นี้ ?
ซูอันพูดด้วยความตกตะลึง “ที่รัก เจ้าน่าทึ่งมากกว่าที่ข้าคิดไว้อีก !”
ฉู่ชูเหยียนถอนหายใจยาวและพูดว่า “ข้าพัฒนาขึ้นเร็วเกินไปจนกระทบกระเทือนไปถึงรากฐานของตัวเอง ไม่เช่นนั้นการต่อสู้กับอู๋ตี้ คงไม่ทำให้ข้าบอบช้ำถึงขนาดนั้น หากข้ารู้มาก่อนว่าเรื่องราวมันจะกลายเป็นแบบนี้ข้าจะไม่มีทางรีบร้อนเพิ่มระดับการบ่มเพาะแน่นอน”
บอบช้ำ ? น้ำยาศรัทธาสองพี่น้อง รักษาบาดแผลของนางไม่ได้อย่างนั้นเหรอ ?
ซูอันงงงวย แต่เขารู้ดีว่าไม่ควรถามเรื่องนี้ต่อหน้าคนนอก
ซือคุนมองไปที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวมหึมาบนฟ้าและกล่าวว่า “สองคนนั้นอาจไม่ได้มีระดับการบ่มเพาะที่สูง แต่ความพ่ายแพ้ของพวกเขามีความสำคัญสูงสุดสำหรับข้า ข้าขอร้องให้ท่านช่วยคร่ากุมตัวผู้หญิงคนนั้นให้ข้าทีโดยไม่ทำร้ายชีวิตของนาง ส่วนผู้ชายอีกคน ท่านสามารถทำตามที่ท่านปรารถนาได้เลยแต่ได้โปรดเหลือลมหายใจสุดท้ายของเขาเอาไว้ให้ข้าจัดการปิดบัญชีกับเขาเอง”
เขากลัวว่าเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ จะลงมือแรงเกินไปจนคร่าชีวิตของฉู่ชูเหยียน ดังนั้นเขาจึงเตือนมันอย่างระมัดระวัง และตราบใดที่สามารถจัดการกับฉู่ชูเหยียนกับทำให้นางเป็นของเขาได้ มันก็คุ้มค่าที่จะใช้ครั้งสุดท้ายของเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ในเวลานี้
สำหรับซูอันที่มีทักษะการเคลื่อนไหวที่เหนือล้ำและยังมีทักษะที่แปลกประหลาดซุกซ่อนอยู่ ซึ่งทำให้เขารับมือยากมาก ดังนั้นซือคุนจึงต้องการให้เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ทำให้ ซูอันอยู่ในสภาพปางตายเพื่อที่เขาจะได้ทรมานอีกฝ่ายได้อย่างช้า ๆ ในภายหลัง
เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา ส่งผลให้เกิดพายุลูกย่อม ๆ หลายลูกก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า “มนุษย์ล้วนแต่มีความคิดที่เลวทรามต่ำช้ากันทั้งนั้น ฮึ่ม ! แต่ก็ช่างเถอะ ข้าได้ให้คำมั่นสัญญาสามประการแก่บรรพบุรุษของตระกูลซือของเจ้าเอาไว้เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ข้าติดค้างพวกเจ้า และนี่คือความช่วยเหลือสุดท้าย ด้วยสิ่งนี้ จิตวิญญาณของข้าสามารถพักผ่อนได้ในที่สุด”
ในฐานะสัตว์อสูรที่มีชีวิตอยู่มานานจนนับไม่ได้ มันสามารถรู้ความคิดของซือคุนได้ด้วยการชำเลืองมอง
ฉู่ชูเหยียนจ้องไปที่สัตว์ร้ายขนาดใหญ่บนท้องฟ้าอย่างเคร่งเครียด ในที่สุดนางก็พบเหตุผลที่ว่าทำไมกลิ่นอายของสัตว์อสูรตัวนี้มันถึงไม่สมดุลกับความแข็งแกร่งในตอนนี้ของมัน ปรากฏว่ามันเป็นเพียงแค่จิตวิญญาณ ไม่ใช่ร่างกายที่แท้จริง
“อาซู เจ้ารีบหนีไป” ฉู่ชูเหยียนกระซิบด้วยสีหน้าตึงเครียด
ซูอันส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่สามารถปล่อยให้เจ้าอยู่ตามลำพังในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ ถ้าเราต้องตายที่นี่ เราก็จะตายด้วยกัน !”
[1] คุน เป็นสัตว์อสูรคล้ายปลาในตำนานซึ่งเป็นที่รู้จักว่าสามารถพัฒนาร่างเป็นคุนเป๋งได้