บทที่ 277 ทำลายในกระบวนท่าเดียว
“ตายด้วยกันแล้วจะมีประโยชน์อะไร ?” ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้ว “ถ้าเจ้ามีชีวิตอยู่อย่างน้อยเจ้าก็สามารถแจ้งพ่อของข้าและให้เขาล้างแค้นตระกูลซือในนามของข้าได้ !”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ควรเป็นฝ่ายจากไป ข้าจะช่วยรั้งมันไว้เอง !” ซูอัน ตอบกลับด้วยสีหน้าแน่วแน่
เขาไม่สามารถปล่อยให้ภรรยาของตัวเองเผชิญกับสถานการณ์ที่ร้ายแรงคนเดียวได้
“เจ้าจะรั้งพวกมันไว้ที่นี่ได้อย่างไร ?” ฉู่ชูเหยียนกำลังขัดใจกับความดื้อรั้นของซูอัน นางไม่ต้องการเสียเวลากับเขาที่นี่ นางจึงผลักเขาเบา ๆ และ ซูอันถูก ‘โยน’ ออกไปหลายลี้*[1] ในทันที
ซือคุนและคนอื่น ๆ ประหลาดใจกับการกระทำของนาง พวกเขาพยายามไล่ตามซูอันทันที แต่จู่ ๆ กำแพงน้ำแข็งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าขวางทางพวกเขาไว้…
“ท่านเทพอสูรคุน !” ซือคุนเงยหน้าขึ้นและตะโกนลั่น
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ขนาดมหึมาบนท้องฟ้าขยับร่างของมันทันที แม้จะมีรูปร่างที่เทอะทะ แต่ก็สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ ก่อนที่ใครจะมองเห็น หางของมันก็ฟาดเข้ากับกำแพงน้ำแข็งซะแล้ว !
‘ปราการสีคราม’ ที่สามารถทนต่อการโจมตีจากใบมีดลมของซือคุนได้ก่อนหน้านี้ มันแตกสลายในทันทีภายใต้การโจมตีของเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ และหายไปภายในพริบตา
อั่ก !
ฉู่ชูเหยียนกระอักเลือดออกมาชุดใหญ่พร้อมกับร่างของนางก็กระเด็นลอยละลิ่วไปในอากาศอย่างควบคุมไม่ได้
“ท่านเทพอสูรคุน โปรดอย่าทำร้ายนาง !” ซือคุนตะโกนขอร้องทันที หาก ฉู่ชูเหยียนตายหรือสูญเสียแขนขาที่นี่ ความพยายามทั้งหมดที่เขาทำมาจะไร้ผล
หัวอันมหึมาของเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ หันมาหาซือคุนในขณะที่แสงจ้าอันดุร้ายส่องประกายผ่านดวงตาสีแดงของมัน “เจ้ากำลังสั่งข้างั้นเหรอ ? !”
“ข้าน้อยไม่กล้า !” ซือคุนก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็วในขณะที่ถอยห่างออกไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเขาจะเป็นคนอัญเชิญสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะโจมตีเขาหรือไม่ ถ้าหากไปทำให้มันไม่พอใจ…
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะคร่ากุมนางเอาไว้และปล่อยให้เจ้าจัดการนางทีหลัง” เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ กล่าว “แม้ว่าสายพันธุ์ของเราจะแตกต่างกัน แต่ข้าก็ขอยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้มีรูปลักษณ์ที่งดงาม ถ้าไม่ใช่เพราะว่าข้าเสียร่างกายไปแล้ว ข้าคงจะไม่เต็มใจทิ้งนางไว้กับเจ้า”
ซือคุนแทบพูดไม่ออก แล้วถ้าเจ้ามีร่างกายที่แท้จริงล่ะ ? แม้แต่ผมเส้นเดียวจากเจ้าก็ยังกว้างกว่าเอวของฉู่ชูเหยียน เจ้าจะสามารถทำอะไรกับนางได้ ?
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็จำได้ว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บางตัวจะสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้เมื่อมีระดับการบ่มเพาะที่สูงพอ ความคิดที่ว่า เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ พัวพันกับฉู่ชูเหยียนได้ทำลายอารมณ์ของเขาทันที…
ให้ตายเถอะ ข้าเริ่มรู้สึกรำคาญมันซะแล้ว ทำไมมันต้องเป็นสัตว์ที่วิปริตแบบนี้ด้วย ?
ในขณะเดียวกัน ฉู่ชูเหยียนก็สามารถกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง นางเช็ดคราบเลือดออกจากปากของนางและพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าอาจจะพ่ายแพ้ แต่ข้าจะไม่ยอมถูกทำให้อับอาย พวกเจ้าอย่าได้บังคับข้าให้มันมากนัก !”
บนท้องฟ้า เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ หัวเราะเสียงดังลั่น “แล้วถ้าข้าบังคับเจ้าล่ะ ? สาวน้อย ความแข็งแกร่งของเจ้าเทียบไม่ได้กับข้า ต่อให้เจ้าดิ้นรนไปมันก็ไร้ประโยชน์ จงยอมจำนนแต่โดยดี ! ข้ามั่นใจว่าไอ้หนูตระกูลซือนั่นจะให้ความสำคัญกับเจ้าอย่างแน่นอน”
“ฮึ่ม !” ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนเปลี่ยนเป็นมืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับร่างของนางค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนอากาศ
ซือคุนและคนอื่น ๆ เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ
ผู้บ่มเพาะจะมีความสามารถในการกระโดดไกลได้เมื่อไปถึงระดับที่สี่ แต่มีเพียงผู้บ่มเพาะระดับเก้าเท่านั้นที่มีความสามารถในการบินบนอากาศอย่างแท้จริง นี่คือเรื่องที่ผู้บ่มเพาะทุกคนต่างรู้ !
แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้คืออะไร ? ฉู่ชูเหยียนไม่ใช่ผู้บ่มเพาะระดับเก้าอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้นางลอยขึ้นไปบนอากาศในลักษณะเช่นนี้ได้อย่างไร ?
“หืม ?” เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ตกตะลึงเช่นกัน มันมองประเมินฉู่ชูเหยียน อยากดูว่านางจะทำอะไรต่อไปกันแน่ ?
ผมและชุดของฉู่ชูเหยียนพริ้วไหวอย่างอิสระในอากาศ ส่งผลให้รูปร่างที่เพรียวบางของนางถูกเปิดเผยให้เห็นได้ชัดยิ่งขึ้น ความงดงามที่ดูสูงส่งของนางสะกดทุกสายตา จนแม้แต่ลูกน้องของซือคุนก็เริ่มจ้องมองที่นางอย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่สนใจที่จะซ่อนสายตาจากซือคุน
มีเพียงเฉียวเสวี่ยอิงเท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงอันตรายที่นี่ ทั้ง ๆ ที่พวกของนางกำลังได้เปรียบในตอนนี้ นางไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมนางถึงรู้สึกไม่สบายใจ
“เยือกแข็งหมื่นลี้ !” เสียงของฉู่ชูเหยียนดังขึ้น
แสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากร่างกายของนาง ทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดลงอย่างรวดเร็ว หิมะเริ่มโปรยลงมาปกคลุมพื้นดินจนเป็นสีขาวโพลน แม้แต่ท้องฟ้าก็กลายเป็นสีฟ้าซึ่งดูน่าขนลุก
เมื่อจับคู่กับความงามของฉู่ชูเหยียน ภาพดังกล่าวยิ่งดูน่ามหัศจรรย์มากขึ้นหลายเท่าตัวจนบรรดาลูกน้องของซือคุนต่างยืนมองอย่างโง่งม ส่วนทางด้านของซือคุนเองก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงเช่นกัน
ผู้หญิงที่งดงามคนนี้จะอยู่ในอ้อมกอดของข้าในไม่ช้า มีความสุขอะไรอย่างนี้ !
เฉียวเสวี่ยอิงเป็นคนเดียวที่สงบสติของนางได้ นางรีบคว้าเสื้อคลุมของ ซือคุนแล้วดึงเขาออกไปทันที และนั่นทำให้ผู้บ่มเพาะระดับสี่อีกสองคนสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสถานการณ์และรีบถอยออกไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้บ่มเพาะระดับสามที่เหลือซึ่งมีปฏิกิริยาช้ากว่าคนอื่น ๆ นั้น เพียงไม่นานร่างกายของพวกเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของพวกเขาช้าลงและช้าลงเรื่อย ๆ ก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งในที่สุด
แรงเฉื่อยจากการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาที่ถูกทำให้เยือกแข็งล้มลง ก่อนที่ร่างของแต่ละคนจะแตกเป็นชิ้นน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วน และสิ่งที่ทำให้มันน่าขนลุกยิ่งกว่าเดิมก็คือร่างกายของพวกเขาถูกแช่แข็งอย่างทั่วถึงจนไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว !
เมื่อมองดูลูกน้องที่แตกสลายของเขา ซือคุนก็ได้แต่กลืนน้ำลายด้วยความสยดสยอง “น…น…น…นี่… !”
ความแข็งแกร่งของฉู่ชูเหยียนนั้นผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด นี่เป็นสิ่งที่เกินความสามารถของคนที่มีระดับการบ่มเพาะระดับหกอย่างนางแน่นอน
“แค่กลอุบาย !” เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ เยาะเย้ยด้วยสีหน้ารังเกียจ มันเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนพื้นดินแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อมันเลย มดที่อ่อนแอเหล่านี้จะสามารถทำอะไรมันได้อย่างไรจริงไหม ?
เมื่อคิดว่าการโจมตีของฉู่ชูเหยียนไม่มีค่าพอให้หลบหลีก ดังนั้นมันจึงลอยนิ่งอยู่ที่จุดเดิม มันไม่เชื่อว่าหญิงสาวจะสามารถแช่แข็งร่างกายยาว 90 จั้งของมันได้
ไอ้ลมหนาวนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าลมพัดธรรมดา ๆ สำหรับข้า !
อย่างไรก็ตาม ความประมาทของมันก็ส่งผลต่อมันในไม่ช้า ดวงตาของมันก็เบิกกว้างเมื่อรู้ว่าร่างกายของมันรู้สึกเย็นยะเยือกจริง ๆ จากนั้นมันอุทานลั่นด้วยเสียงที่บ่งบอกถึงความกลัว “ไม่ ! นี่ไม่ถูกต้อง นี่คือ… ความเย็นระดับศูนย์สมบูรณ์ !”
มันม้วนตัวกลับทันทีและพยายามหลบหนีจากอาณาเขตเยือกแข็งของ ฉู่ชูเหยียน แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว ร่างกายที่ใหญ่โตของมันปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง และเปลวเพลิงแห่งชีวิตก็เริ่มดับลง…
“นี่เป็นไปไม่ได้ ! ผู้บ่มเพาะที่อ่อนแออย่างเจ้ารู้วิชาต้องห้ามที่ลึกล้ำขนาดนี้ได้อย่างไร ? !” เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ตะโกนร้องด้วยความเหลือเชื่อขณะที่มันพยายามหลบหนี แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของดวงวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีพลังอันยิ่งใหญ่เหมือนที่เคยมีอีกต่อไป มันไม่สามารถหยุดความหนาวเหน็บที่กำลังกลืนกินมันได้…
“หยุด ! คนระดับอย่างเจ้าไม่มีทางใช้วิชาต้องห้ามระดับนี้ได้นาน ! เจ้าจะตาย ! หรือต่อให้เจ้าจะรอดโดยบังเอิญ เส้นลมปราณและจุดตันเถียนของเจ้าจะแตกสลายทั้งหมด ! หยุดเดี๋ยวนี้ !”
เสียงในตอนแรกกลายเป็นเสียงสยองขวัญและโกรธจัด ก่อนจะอ่อนกำลังลงเป็นคำอ้อนวอนที่สิ้นหวัง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีคำพูดใดที่ทำให้ฉู่ชูเหยียนล้มเลิกการตัดสินใจของนางได้เลย นางยังคงใช้วิชาต้องห้ามต่อไปด้วยใบหน้าที่เย็นชา
เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ค่อย ๆ ตัวเล็กลงเรื่อย ๆ ซึ่งบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ามันกำลังสูญเสียความแข็งแกร่ง จนท้ายที่สุดดวงตาสีแดงเลือดของมันก็ถูกเคลือบด้วยน้ำแข็งสีฟ้า ร่างกายที่ใหญ่โตของมันสูญเสียความสามารถในการลอยอยู่บนอากาศและมันเริ่มร่วงลงสู่พื้น
เมื่อมีวัตถุขนาดใหญ่ตกลงมาที่พื้นจากความสูงที่มากเช่นนี้ คลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นย่อมไม่ธรรมดา ในทันทีที่ร่างของเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ หล่นลงกระทบพื้น ร่างของมันก็แตกสลายในทันที และคลื่นกระแทกก็แพร่กระจายออกไปเป็นบริเวณกว้างจนต้นไม้ในป่าบริเวณใกล้เคียงล้มระเนระนาด ส่วนตรงจุดศูนย์กลางการกระแทกก็เกิดเมฆรูปเห็ดบนอากาศ
โชคดีที่ร่างของเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ตัวนี้ถูกสร้างขึ้นจากเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของมันเอง ไม่เช่นนั้น ถ้านี่คือร่างจริงของมันและยังตกลงมาแบบนี้ ผลกระทบจะเหมือนกับว่ามิติลับทั้งหมดโดนดาวหางถล่ม
“ในที่สุดก็จบลง…” รอยยิ้มที่เหนื่อยล้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉู่ชูเหยียน ขณะที่ร่างกายของนางไม่สามารถบินต่อไปได้อีกและเริ่มตกลงจากท้องฟ้า
ข้าเดาว่ามันคงไม่แย่เกินไปที่จะตายแบบนี้เหมือนกัน น่าเสียดายที่ซือคุนวิ่งเร็วเกินไป ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถฆ่าเขาได้ทัน ข้าสงสัยว่าอาซู จะสามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของคนเหล่านี้ได้หรือไม่… ?
ตอนนั้นเองที่เสียงอันประหม่าแต่ฟังดูคุ้นเคยอย่างเหลือเชื่อสำหรับนางก็ดังขึ้นที่ด้านล่างตรงจุดที่นางกำลังจะตกลงไป “ที่รัก !”
จากนั้นนางก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น นางลืมตาขึ้นและ มองเห็นซูอัน แต่การปรากฏตัวของเขาไม่ได้ทำให้นางโล่งใจเลยแม้แต่น้อย “ทำไมเจ้ายังไม่หนีไปอีก !”
—
ท่านยั่วยุฉู่ชูเหยียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 520 !
—
ตอนนี้นางเป็นคนพิการแล้ว แต่ภัยคุกคามยังไม่จบ นางล้มเหลวในการจัดการกับซือคุนและลูกน้องของเขา เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกฝ่ายจะต้องหันกลับมาล่านางกับซูอันแน่เมื่อรู้ตัวว่านางใช้พลังหมดจนกลายเป็นคนพิการไปแล้ว !
[1] 1 ลี้ = 0.5 กิโลเมตร