ตอนที่ 493 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สาม (4)
ในบรรดาขวดยาจำนวนมากที่ถูกโยนมาให้นั้น มีทั้งยาสำหรับใช้ภายในและยาที่มีไว้สำหรับใส่บาดแผลภายนอก หรงเหิงและศิษย์ของยอดเขาเทียมเมฆาอีกสองคนรีบจ่ายยาและทายาให้ทหารกองทัพรุ่ยหลินตามคำแนะนำของหลงฉี หัวใจของพวกเขาเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง
หรงเหิงไม่กล้าพูดอะไรเป็นเวลานาน แต่ความตกใจในดวงตาของเขานั้นกลับฉายชัดไม่อาจลบให้เลือนหายไปได้เลย
ศิษย์อีกสองคนของยอดเขาเทียมเมฆาอาจไม่สังเกตเห็น แต่เขาเห็นได้ชัดเจนมาก เด็กหนุ่มคนนั้นที่ขี่อยู่บนหลังของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำ ไม่ใช่จวินเสียที่ปรากฏตัวในสำนักชิงอวิ๋นในตอนนั้นหรอกหรือ!
ในวันนั้นที่สำนักชิงอวิ๋นถูกทำลายและมู่เฉินประกาศทิ้งเทือกเขาเมฆา หอบเอาศิษย์ของยอดเขาเทียมเมฆาที่เหลือออกเดินทางไปยังจวนหลินอ๋องในรัฐชี เพราะหรงเหิงและศิษย์คนอื่นๆ เชื่อมั่นและเคารพ ไว้วางใจในตัวมู่เฉินมาก จึงไม่เคยถามอะไรเลยสักคำ พวกเขารู้เพียงแต่ว่าในวันนั้นมีเหตุการณ์ที่เลวร้ายมากเกิดขึ้นบนเทือกเขาเมฆา และศิษย์ทั้งหมดยกเว้นศิษย์ของยอดเขาเทียมเมฆาทุกคนล้วนถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น!
ในเวลานั้นหรงเหิงยังมองหาร่างของจวินเสียจากทุกที่ เขากลัวว่าศิษย์ตัวน้อยที่ทั้งเย็นชาแต่ก็อบอุ่นจะประสบกับเคราะห์กรรมครั้งนี้ด้วย แต่โชคดีที่เขาไม่พบร่างของจวินเสียในเทือกเขาเมฆา จึงเดินทางออกจากเทือกเขาเมฆาติดตามมู่เฉินไปอย่างวางใจ และภาวนาขอให้จวินเสียออกจากเทือกเขาเมฆาที่มีอันตรายซุกซ่อนอยู่ทุกหนแห่งได้อย่างราบรื่น
อย่างไรก็ตาม หรงเหิงไม่คิดฝันเลยว่าเขาจะได้มาเจอจวินอู๋เสียอีกครั้งในป่าประลองวิญญาณแห่งนี้!
และสิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือหลงฉีและคนอื่นๆ ซึ่งเป็นคนของกองทัพรุยหลิน ได้คุกเข่าลงต่อหน้าจวินอู๋เสีย และเขายังได้ยินชัดเจนว่าพวกเขาเรียกจวินอู๋เสียว่าคุณหนูใหญ่!
คุณหนูใหญ่…
หลังจากติดตามมู่เฉินมารับใช้จวนหลินอ๋องชั่วคราว หรงเหิงก็รู้ได้โดยปริยายว่ากองทัพรุ่ยหลินจะรับคำสั่งเฉพาะจากผู้ที่มีสายเลือดสกุลจวินเท่านั้น ซึ่งก็ได้แก่จวินเสี่ยน จวินชิง และคนอีกผู้หนึ่งซึ่งไม่เคยปรากฏตัวให้พวกเขาเห็นเลยก่อนหน้านี้ นั่นก็คือคุณหนูใหญ่นามจวินอู๋เสีย
แต่เมื่อสักครู่นี้หลงฉีและคนอื่นๆ เรียกจวินเสียว่าเป็นคุณหนูใหญ่…
จวินเสีย…จวินอู๋เสีย…
เป็นไปได้หรือไม่ว่าทั้งคู่…คือคนเดียวกัน!
ข้อสงสัยมากมายที่วนเวียนอยู่ในหัวของหรงเหิงคล้ายจะกระจ่างขึ้นมาในบัดดล แต่เขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาถามคำถามเหล่านี้
สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติยังคงยืนอยู่ตรงหน้าเขา และพวกเขาต้องรีบฟื้นฟูพลังวิญญาณให้กองทัพรุ่ยหลินในเวลาอันสั้นที่สุดเพื่อที่พวกเขาได้เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งต่อไป!
อย่างไรก็ตาม เมื่อหรงเหิงกลับมารู้สึกตัวและก้มสังเกตเม็ดยาที่อยู่ในมือของเขาอย่างละเอียด เขาก็ต้องตกใจอีกครั้ง!
ในฐานะอดีตศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋น เขาย่อมมีความรู้เกี่ยวกับเม็ดยาในระดับหนึ่ง เม็ดยาที่นอนอยู่ในมือของเขาตอนนี้ เรียกได้ว่าเหนือล้ำกว่าเม็ดยาทุกชนิดที่เขาเคยเห็นมา หรงเหิงเก็บความตกใจเอาไว้ ควานหาเม็ดยาชนิดอื่นๆ ต่อ และเมื่อเขาพบว่ายาที่จวินอู๋เสียโยนให้พวกทหารอย่างส่งๆ ไม่ใส่ใจนั้น ล้วนเทียบได้กับสมบัติล้ำค่า วิญญาณของเขาก็เกือบถูกกระชากออกจากร่างทั้งเป็น!
บาดแผลที่ลึกจนสามารถมองเห็นกระดูก เพียงปาดขี้ผึ้งเย็นๆ นั้นลงไป โลหิตก็หยุดไหลและแผลกว้างก็สมานตัวอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วชนิดที่สามารถเรียกได้ว่ามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
นางไปเอายาที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้มาจากที่ไหนกัน
ขนาดในสำนักชิงอวิ๋นยาใดๆ ที่ถูกยกยอว่ามีสรรพคุณวิเศษเลิศเลอ ก็ยังไม่มีผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ใจเทียบเท่ากับยาที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้!
ขณะที่ใช้ยากับหลงฉีและคนอื่นๆ หรงเหิงก็มือไม้สั่น เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการระงับความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นในใจ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าเขานี้ มันก็ช่างยากที่จะทำใจเหลือเกิน
แต่ละอย่างช่างทำให้ผู้คนตกตะลึงจนพูดไม่ออก
อย่างไรก็ตาม หรงเหิงไม่ใช่คนเดียวที่ตกตะลึง
กลุ่มของหนิงซินที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิดและกำลังรอคอยให้การต่อสู้จบลงอย่างอดทน ถูกภาพที่พวกเขาเห็นตรงหน้าทำเอาตกใจอย่างถึงที่สุด!
เดิมทีเมื่อเห็นว่าหลงฉีและคนอื่นๆ พ่ายแพ้และกำลังจะถูกสัตว์อสูรระดับภัยพิบัติฆ่า หนิงซินก็ลอบหัวเราะเยาะในใจ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางในขณะนั้นเย่อหยิ่งเป็นอย่างมาก แต่ในตอนหลัง เมื่อนางได้เห็นว่าหลงฉีและคนของเขาถูกช่วยไว้โดยเงาสีดำทั้งสองที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ความฝันของหนิงซินก็ถูกดับลงอย่างสมบูรณ์!
รอยยิ้มบนใบหน้าของนางจางหายไปในทันทีและถูกแทนที่ด้วยความตกตะลึงไม่รู้จบ!
หลงฉีและคนของเขาถูกคนช่วยเอาไว้จริงๆ!
ตอนที่ 494 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สาม (5)
หากไม่ได้เห็นด้วยตาของพวกเขาเอง เกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อว่ามีคนที่สามารถช่วยชีวิตคนอื่นจากการโจมตีของสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติได้
แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อดังกล่าวก็ได้เกิดขึ้นตรงหน้าหนิงซินและกลุ่มของนางแล้ว!
เมื่อเงาร่างสีดำทั้งสองปรากฏตัวขึ้น หนิงซินและคนอื่นๆ ไม่เคยคิดเลยว่าผลลัพธ์มันจะออกมาในรูปแบบนี้
สัตว์ร้ายสีดำได้ช่วยเหลือทหารของกองทัพรุ่ยหลินทีละคนๆ และบุรุษผู้หยิ่งผยองที่หักหน้าหนิงซินกับลู่เว่ยเจี๋ยอย่างน่าเกลียดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ยังคุกเข่าลงต่อหน้าใครสักคนที่พวกเขามองเห็นหน้าไม่ชัด!
ฉากนี้ทำให้หนิงซินไม่อยากจะเชื่อ!
แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้นและได้เห็นใบหน้าของคนผู้นั้นชัดๆ ร่างของนางก็ถึงกับแข็งทื่อไปนาน!
ร่างเล็กๆ นั่น ไม่ใช่จวินเสียที่มีไว้เพื่อใช้เป็นหมากคอยเล่นงานฟ่านจิ่นทางอ้อมหรอกหรือ!
“เป็นเขาไปได้อย่างไร…” หนิงซินแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่นางได้เห็น แต่ฉากที่เกิดขึ้นต่อมาก็ทำให้ใบหน้าของนางซีดขาวราวกับศพ!
จวินอู๋เสียช่วยชีวิตหลงฉีและคนอื่นๆ จากเงื้อมมือของสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติออกมาได้จนหมด แต่เมื่อหนิงซินเห็นจวินอู๋เสียพุ่งเข้าไปหาสัตว์วิญญาณตัวนั้นอีกครั้ง นางก็แอบหัวเราะเยาะให้กับการไม่เจียมตัวของคนร่างเล็ก ทว่าทันใดนั้นเอง เงาร่างอีกมากมายก็กระโดดออกมาจากป่าทึบ เข้าไปร่วมวงต่อสู้เพิ่มทีละคนๆ!
จวบจนลำแสงสีม่วงเหล่านั้นพวยพุ่งออกมาจากร่างของชายกลุ่มหนุ่มที่เข้ามาสมทบ วงแหวนภูติวิญญาณแสนทรงพลังที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ทำให้วิญญาณของผู้ที่เฝ้ามองอยู่ในมุมมืดคล้ายหลุดลอยออกจากร่างไป
“เป็นไปได้อย่างไร…เป็นไปได้อย่างไร…” หนิงซินจ้องไปที่สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติที่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหวโดยฝีมือของจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ นางก็ตวาดออกมาอย่างโมโหว่า
“ไม่ใช่เจ้าที่บอกข้าเองหรือว่าวงแหวนภูติวิญญาณของจวินเสียเป็นเพียงแมวดำตัวเล็กธรรมดาๆ เท่านั้น! แล้วสัตว์ร้ายสีดำขนาดใหญ่ที่ข้าเห็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไร! ไหนจะยังผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงพวกนั้นอีก พวกเขาโผล่ออกมาจากที่ไหนกัน!”
อิ่นเหยียนใบหน้าซีดเผือด เขาเองก็ตกใจกับฉากที่ได้เห็นตรงหน้าไม่แพ้กัน ทว่าเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของหนิงซิน เขาก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ตัวสั่นไปหมด และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักว่า “ข้า…ข้าไม่รู้ขอรับ…ข้าเห็นจริงๆ นะว่า…วงแหวนภูติวิญญาณของเขาเป็น…เป็นแค่แมวดำตัวเล็กเท่านั้น…สัตว์…สัตว์ร้ายสีดำตัวนั้น…ข้าไม่เคย…เห็นมันมาก่อนเลย…ผู้…ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงพวกนั้นก็ด้วย…ข้าไม่เคยรู้เลย…ไม่รู้มาก่อนจริงๆ ขอรับ…”
อิ่นเหยียนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เขาจะไปรู้ได้อย่างไรเล่าว่าจวินอู๋เสียจู่ๆ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสะเทือนเลื่อนลั่นแบบนี้
ที่น่ากลัวกว่านั้นคือเขายังมีขุมพลังที่เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงยืนอยู่เคียงข้างกับเขาอีกสี่คน!
ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงสี่คน นี่มันนิยามแบบไหนกัน!
ต้องรู้ก่อนว่าเกือบศตวรรษที่ผ่านมา แผ่นดินนี้ไม่เคยให้กำเนิดผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงออกมาเลยแม้แต่คนเดียว หรือต่อให้มี คนผู้นั้นก็น่าจะเป็นฤๅษีที่บําเพ็ญเพียรเก็บตัวมีอายุมากกว่าร้อยปีแล้ว ไม่ใช่กลุ่มชายหนุ่มรุ่นเยาว์อายุสิบเจ็ดสิบแปดปีแบบนี้
แต่ไม่ว่าข้อเท็จจริงมันจะน่าเหลือเชื่อสักเพียงใด สิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขากลับตบหน้าพวกเขาอย่างหนักจนไม่อาจปฏิเสธได้
ทั้งหมดนี้เป็นความจริง!
“บัดซบ!” หนิงซินกัดเล็บของนางอย่างประหม่า แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่อาจตำหนิอิ่นเหยียนทั้งหมดได้ แม้แต่คนที่นางส่งไปเพื่อตรวจสอบของจวินอู๋เสีย พวกเขาก็ยังได้ข้อสรุปเช่นเดียวกัน
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่พวกเขารู้มา ไม่มีสิ่งใดใกล้เคียงกับความจริงเลย!
เด็กหนุ่มคนนั้นที่ดูธรรมดา ไม่มีจุดใดให้สะดุดตาสักอย่าง กลับลึกลับไม่ธรรมดาเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการไว้
ไม่ต้องพูดถึงว่าสัตว์ร้ายสีดำของนางนั้นแข็งแกร่งเพียงใด เอาแค่ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงสี่คนที่อยู่รอบกายนาง ก็เพียงพอจะทำให้ทั้งโลกเกิดความโกลาหลได้แล้ว!
หนิงซินคิดกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายตลบ นึกย้อนกลับไปถึงตอนอยู่ในสำนักศึกษาเฟิงหัวว่านางเคยเผชิญหน้ากับจวินอู๋เสียตรงๆ หรือไม่ หลังจากได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจวินอู๋เสีย ต่อให้มอบความกล้าให้นางมากกว่านี้อีกสักร้อยเท่า นางก็ไม่กล้าชักสีหน้าใส่จวินอู๋เสียตรงๆ หรอก
หญิงสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อพิจารณาแล้วว่าตัวเองไม่เคยแสดงการเป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าจวินอู๋เสียเลยสักครั้ง แผนการทั้งหมดที่นางทำ ล้วนถูกดำเนินการผ่านมือของอิ่นเหยียนทั้งสิ้น
ยังมีโอกาส…นางยังมีโอกาสดึงตัวอีกฝ่ายให้มาเป็นพวกได้อยู่!