บทที่ 293 การยกเลิกสัญญา
บทที่ 293 การยกเลิกสัญญา
การเลือกเพลงประเมินเสร็จสิ้นแล้ว เหล่าหัวหน้าทีมต่างพาสมาชิกไปที่ห้องซ้อมเต้นของตน
ผู้กำกับปิดกล้องเตรียมนัดอาจารย์แต่ละทีม
“อาจารย์ทุกท่านมีทีมที่อยากดูแลไหม?”
อาจารย์ชายทั้งสองคนมีความคิดของตัวเอง แต่พวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือพวกเขาไม่ต้องการอยู่กลุ่มไป๋เหิงที่ความสามารถโดยรวมแย่ที่สุด
ส่วนอวี๋ชิงจ้าวครุ่นคิด “ฉันจะดูแลทีมไป๋เหิงค่ะ”
ยกเว้นซูโย่วอี๋ ทุกคนต่างตกตะลึงไปครู่หนึ่ง พวกเขาไม่เข้าใจว่าทีมระดับล่างยังมีอาจารย์แย่งชิงอยู่อีกเหรอ?
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผู้กำกับก็กล่าวว่า “อาจารย์อวี๋ หลักสำคัญของการประเมินในสัปดาห์นี้คือการเต้น คุณควรเลือกทีมที่แข็งแกร่งกว่านี้ เพื่อที่เด็กฝึกจะได้คะแนนมากขึ้น และคุณก็จะแนะนำได้ง่ายขึ้นด้วย”
เขาแทบจะเขียนคำว่า ‘กดดัน’ ไว้บนหน้า
“ไม่ค่ะ ฉันจะดูแลทีมไป๋เหิง”
ผู้กำกับเริ่มรู้สึกเสียใจ เขาไม่ควรให้ตัดสินใจเลือกกันเองเลย กำหนดเองก็หมดเรื่อง
“อาจารย์อวี๋ มีเด็กฝึกทั้งหมดหกทีม อาจารย์บางคนต้องเป็นอาจารย์ในชั้นเรียนพิเศษ คุณช่วยสอนอีกหนึ่งชั้นเรียนได้ไหมครับ?”
ครั้งนี้อวี๋ชิงจ้าวไม่ปฏิเสธ “ได้ค่ะ”
ผู้กำกับหัวเราะ “เอาล่ะ งั้นเป็นกลุ่มของหลินหลิน เธอพูดหลายครั้งแล้วว่าอยากเรียนเต้นกับคุณ”
“ค่ะ”
ในสี่ทีมที่เหลือ ซูโย่วอี๋ได้รับมอบหมายให้ดูแลคลาสที่มีความสามารถปานกลาง
เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปในห้องซ้อมเต้นก็มีเสียงเชียร์ทันที “ว้าว อาจารย์ของเราคืออาจารย์โย่วโย่ว”
หลังจากตื่นเต้นเสร็จแล้ว พวกเธอยืนเป็นแถวอย่างเชื่อฟังเพื่อรอคำแนะนำจากอาจารย์
ซูโย่วอี๋เดินเข้าไป “อย่ากังวล ซ้อมต่อไปเถอะ”
หัวหน้าทีมมองไปที่สมาชิกในทีม “ค่ะ อาจารย์โย่วโย่วคะ ตอนนี้เรากำลังเลือกเซ็นเตอร์กัน เราวางแผนให้คนที่ต้องการแข่งขันแสดงความสามารถกันคนละรอบ แล้วให้ทุกคนโหวตค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มกันเลยค่ะ”
ซูโย่วอี๋มองดูสักพัก ก่อนพบว่าหัวหน้าทีมนั้นมีทักษะความเป็นผู้นำสูงทีเดียว และสมาชิกในทีมก็เต็มใจที่จะเชื่อฟังเธอ
กระบวนการฝึกทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น
“ฝึกกันไปก่อนนะ ฉันจะคอยตรวจสอบความคืบหน้าของพวกเธอทุกวัน หากมีปัญหาเรื่องการเต้น พวกเธอมาบอกฉันได้เลย”
“ค่ะ ขอบคุณอาจารย์โย่วโย่ว”
หัวหน้าทีมนำสมาชิกในทีมไปส่งซูโย่วอี๋
หลังจากที่ประตูปิดลง พวกเธอก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แม้ว่าอาจารย์โย่วโย่วจะเป็นกันเอง แต่เธอก็เป็นอาจารย์อยู่ดี
เมื่อมีคนอื่นคอยมองก็ชวนให้เครียดได้
“ยิ่งได้เห็นอาจารย์โย่วโย่วใกล้ ๆ ก็ยิ่งสวย”
“ฉันเป็นแฟนคลับของอาจารย์โย่วโย่วตั้งแต่รายการ ‘22 วันปั้นดาว’ แล้ว”
“ฉันตกหลุมรักหลังจากได้เห็นฮั่วเสวียน”
“ฮ่า ๆ ถ้างั้นพวกเธอลองไปตามรายการวาไรตี้ของอาจารย์โย่วโย่วสิ พวกเธอจะต้องตกใจแน่ ๆ”
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
“ตอนที่อาจารย์เข้าร่วมการแข่งขัน อาจารย์โย่วโย่วยังเป็นคนอ้วนอยู่เลย แต่ดูครั้งแรกก็รู้ว่าโครงหน้าของเธอสวยมาก แต่ถึงยังไงมันก็แตกต่างจากตอนนี้ ดูเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง! อาจารย์โย่วโย่วลดน้ำหนักตัวลงจนเหมือนในปัจจุบันแค่ภายในหนึ่งเดือนเองนะ!”
“เธอสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเราจริง ๆ”
“พูดตามตรง ฉันติดตามห้องถ่ายทอดสดของเธอทุกคืนเพื่อลดน้ำหนัก”
เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังคุยกันอย่างมีความสุข หัวหน้าทีมจึงดึงความสนใจกลับมาอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ เรามาซ้อมเต้นกันก่อน แล้วค่อยมาเม้ามอยกันหลังจากซ้อมเสร็จ”
สมาชิกในทีมหยุดพูดและยืนขึ้น “นี่ จู่ ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ การเต้นของอาจารย์โย่วโย่ว… มันก็ดูธรรมดาไม่ใช่เหรอ?”
“ดูเหมือนจะใช่แฮะ”
“ใครจำที่เธอแยกขาแล้วลุกขึ้นไม่ได้บ้าง?”
“ฮ่า ๆ ๆ ฉันยังจำได้อยู่เลย”
“เฮ้ เรื่องนี้จะโทษอาจารย์โย่วโย่วไม่ได้ เธอสวย ร้องเพลงเก่ง แถมยังแสดงได้อีก ความสามารถแค่นี้ก็สูงติดเพดานแล้ว จะให้เต้นได้อีกมันก็เกินไปหน่อย ถูกไหม?”
“ใช่”
หัวหน้าทีมยิ้มอย่างจนใจ “ถ้าอย่างนั้นเรามาทำงานหนักและชนะที่หนึ่งด้วยความพยายามของเราเองกันดีไหม?”
“ได้! เราจะทำให้อาจารย์โย่วโย่วอับอายไม่ได้เด็ดขาด”
คนกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวไปซ้อมเต้นอย่างรวดเร็วราวกับถูกสูบฉีด
ซูโย่วอี๋คิดว่างานในสัปดาห์หน้าจะง่าย แต่เธอไม่คาดคิดว่าจะถูกขัดจังหวะด้วยโทรศัพท์จากสุ่ยเวย
“[โย่วอี๋ ตั้งแต่สัปดาห์หน้า การประกาศรางวัลภาพยนตร์และละครโทรทัศน์กับรางวัลเพลงจะเริ่มขึ้น รักในฝันได้รับคัดเลือกเข้าชิงรางวัลอินทรีทอง รางวัลแมกโนเลีย รางวัลเฟยเทียน และรางวัลลูกโลกทองคำประจำชาติ]”
“[นอกจากผลงานภาพยนตร์และโทรทัศน์แล้ว เธอเองก็เป็นตัวเต็งในรางวัลมากมาย เรากำลังถูกจับตามองบนพรมแดงแล้วล่ะ]”
ภาพการเดินบนพรมแดงแวบเข้ามาในความคิดของซูโย่วอี๋ เธอรู้สึกว่าหน้าอกของเธออุ่นวาบขึ้น “ตกลงค่ะ”
“[ฉันจะคุยรายละเอียดกับเหมยเหมย เธอแค่ให้ความร่วมมือก็พอ]”
หลังจากวางสายแล้ว ซูโย่วอี๋ก็วางแผนที่จะไปหาผู้กำกับเพื่อคุยเกี่ยวกับตารางงาน แน่นอนว่าเธอไม่สามารถอยู่ในกองถ่ายตลอด 24 ชั่วโมงได้
เธอพาเหมยเหมยไปที่ห้องทำงานของผู้กำกับ แต่ประตูปิดอยู่
ซูโย่วอี๋คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่อยู่ ขณะที่เธอกำลังจะออกไป เธอได้ยินเสียงสนทนาจากข้างในเสียก่อน
“คุณลุงคะ เรามากำจัดไป๋เหิงในการประเมินนี้กันเถอะ ฉันไม่ชอบเธอเลยจริง ๆ”
น้ำเสียงของกัวหลินหลินฟังดูโกรธเกรี้ยว
“คุณลุงก็รู้ว่าเธอเป็นคนตบฉัน เรื่องนี้ฉันยอมไม่ได้เด็ดขาด”
เสียงของผู้กำกับดังขึ้น “คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ? เธอเป็นคนทำให้ไป๋เหิงกระดูกหักใช่ไหม?”
กัวหลินหลินไม่ได้พูดอะไร
ผู้กำกับถอนหายใจ “หลินหลิน ในรายการมีคนมากมาย ความสัมพันธ์ก็ค่อนข้างซับซ้อน และฉันไม่ใช่คนเดียวที่มีสิทธิ์มีเสียง เธออย่าเอาแต่ใจเกินไปเลย”
หากไม่ใช่เพื่อระงับเหตุการณ์กลั่นแกล้งในรายการ เขาคงไม่ให้เหม่ยโจวถอนตัวไป
เพื่อให้คนวงในรู้ว่ามีคนชดใช้เรื่องนี้ไปแล้วเท่านั้น
เหม่ยโจวเป็นเพียงแพะรับบาป
“คุณลุงคะ คุณลุงเห็นฉันตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วคุณลุงจะดูฉันทนทุกข์อย่างนี้เหรอคะ? ฉันไม่เคยถูกทุบตีรุนแรงขนาดนี้มาก่อนเลยนะ”
เสียงของกัวหลินหลินเต็มไปด้วยความโกรธ
“ฉันรู้ว่าอาจารย์โย่วโย่วชอบไป๋เหิง แต่เราสามารถมองข้ามเธอไปได้นี่ ทีมงานรายการแค่ต้องเปลี่ยนกฎเรื่องการกำจัดสิทธิ์ของอาจารย์ก็พอนี่คะ?”
“แค่มอบสิทธิ์ให้กับผู้ชมก็ได้แล้ว ตราบใดที่อาจารย์โย่วโย่วและอาจารย์อวี๋ไม่เข้ามาแทรกแซง เราก็มีหนทางมากมายให้จัดการ”
ผู้กำกับจนใจ “เธอเป็นคนฉลาด แต่เธอกลับไม่ชอบใช้มันในเรื่องที่จริงจังเลยนะ”
กัวหลินหลินพูดอย่างเอาแต่ใจ “ไม่จริง ฉันเก่งแค่ร้องเพลงกับเต้นเท่านั้น”
เมื่อได้ฟัง ซูโย่วอี๋ก็เข้าใจว่าผู้กำกับคงเห็นด้วยกับกัวหลินหลิน
เธอก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วเคาะประตูห้องทำงาน
บทสนทนาด้านในหยุดชะงัก
เหมยเหมยกระสับกระส่าย เธอกลัวว่าซูโย่วอี๋จะทำอะไรกับตัวเอง
“ใครน่ะ?”
“ฉันเองค่ะ ซูโย่วอี๋”
ผู้กำกับและกัวหลินหลินสบตากัน ก่อนจะรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู
“อาจารย์โย่วโย่ว มาหาคุณลุงเหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นก็เชิญคุยกันเถอะค่ะ ฉันจะกลับไปที่ห้องซ้อมก่อน”
ก้าวออกไปเพียงสองก้าว ซูโย่วอี๋ก็เรียกเธอไว้ “ฉันมีอะไรจะบอกเธอด้วย”
กัวหลินหลินชำเลืองมองผู้กำกับอย่างไม่มั่นใจ ในไม่ช้าก็เผยยิ้มอย่างไร้เดียงสาบนใบหน้าอีกครั้ง “มีเรื่องอะไรงั้นเหรอคะ? อาจารย์โย่วโย่ว งั้นเราเข้าไปนั่งคุยกันเถอะค่ะ”
หลังจากเข้าไปในห้อง กัวหลินหลินก็ออกตัวรินชาร้อนให้ซูโย่วอี๋
“อาจารย์โย่วโย่ว นี่คือชาชั้นดีของลุงของฉันค่ะ ฉันแอบเอาออกมาชงให้คุณ”
ผู้กำกับตำหนิว่า “เด็กคนนี้นี่ ฉันยังไม่กล้าดื่มชาพวกนี้เลยนะ”
“ฮิ ๆ” กัวหลินหลินยิ้มซุกซน
พวกเขาดูสนิทกันราวกับเป็นพ่อลูก
ซูโย่วอี๋ก้มศีรษะลงจิบชา “อร่อยดีค่ะ”
“ผู้กำกับคะ ช่วงนี้ฉันต้องไปทำกิจกรรมหลายอย่าง บางครั้งฉันอาจไม่ได้มาถ่ายทำ”
เหมยเหมยอธิบายสองสามคำทันที และพูดคุยเกี่ยวกับแผนการเดินทางครั้งต่อไปของซูโย่วอี๋
ผู้กำกับไม่คัดค้าน “เป็นที่เข้าใจได้ว่างานคุณจะยุ่งในช่วงปีใหม่ แต่ในโอกาสสำคัญอย่างวันประเมิน ผมยังคงหวังว่าคุณซูจะเข้าร่วมให้ได้มากที่สุดนะครับ”
“ได้ค่ะ ฉันจะพยายาม”
ซูโย่วอี๋ไม่มีอะไรจะพูดต่อ แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจะจากไปเช่นกัน
“คุณซู มีอะไรอีกไหมครับ?” ผู้กำกับถาม
“มีค่ะ”
“เรื่องยกเลิกสัญญา” น้ำเสียงของซูโย่วอี๋ดูราบเรียบ