บทที่ 258 การเผชิญหน้ากันของทั้งสอง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 258 การเผชิญหน้ากันของทั้งสอง

บทที่ 258 การเผชิญหน้ากันของทั้งสอง

“เถ้าแก่ คุณชายเหมียวมาแล้ว” เด็กชายผู้นั้นกล่าว ทันใดก็ได้ยินหลี่ฝานกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไปรินชาให้มาให้คุณชายเหมียว”

เด็กชายผู้นั้นตอบรับ จากนั้นจึงลงไปด้วย และเมื่อยกชาเสร็จ ก็ปิดประลงและจากไป

ทั้งห้องเหลืองเพียงแค่หลี่ฝานและเหมียวเอ้อร์อยู่สองคน

มีความผิดปกติบางอย่างในบรรยากาศ และเต็มไปด้วยความตึงเครียด

วันนี้หลี่ฝานสวมชุดผ้าสีอ่อน เมื่อเห็นเหมียวเอ้อร์เข้ามา เขาก็ไม่กล่าวอะไร เพียงแค่สั่งให้เด็กรับใช้ไปเทชามาสักแก้ว จากนั้นจึงมองไปที่เหมียวเอ้อร์เป็นครั้งเป็นคราวและมองดูสมุดบัญชีในมือด้วยท่าทางสงบนิ่ง ไม่มีใครสามารถเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

เหมียวเอ้อร์ที่สวมชุดยาวมีท่าทางนิ่งสงบ เมื่อเห็นว่าหลี่ฝานไม่ได้กล่าวอะไร เขาก็นั่งไขว่ห้าง และจิบชาจากถ้วยในมือ สายตาของเขามองไปรอบ ๆ ตลอดเวลา แต่เขาไม่ได้มองไปที่เถ้าแก่ที่อยู่ด้านหลังโต๊ะเลย

เหมียวเอ้อร์มีท่าทีที่ผ่อนคลายและสงบนิ่ง และในบางครั้ง เขาใช้ฝาครอบถ้วยน้ำชาและค่อย ๆ กวาดใบชาที่ลอยอยู่ในถ้วยน้ำชา ท่าทางที่ผ่อนคลายและสบายตาเช่นนี้ หากใครไม่เข้าใจ เห็นจะทำให้คนคิดว่าท่านนี้เป็นเจ้านาย เขากำลังจิบชาอย่างพึงพอใจ ท่าทางของเขาเหมือนเจ้านายยิ่งนัก

บนเก้าอี้ตัวอื่นที่อยู่ด้านหลังโต๊ะ หลี่ฝานเปลี่ยนจากความโกรธในตอนแรกไปสู่ความสงบในภายหลัง เขามองเหมียวเอ้อร์ด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าชายผู้นี้วางแผนอย่างลึกซึ้ง ทำให้ผู้อื่นคาดเดาไม่ได้

คนผู้นี้ทำงานในร้านจิ่นฝูมาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่ร้านเปิด คนผู้นี้ก็ได้ทำงานในร้านจิ่นฝูของเขา หลี่ฝานรู้สึกเสมอว่าแม้ว่าคนผู้นี้จะเย่อหยิ่งเล็กน้อย เมื่อตนเองได้เตือนเขาสองสามคำ แต่เขาก็ยังไปตามทางของตัวเอง เพราะเขายังมีสายสัมพันธ์บางอย่างในเมืองนี้ เขาจึงมีการติดต่อกับคนในทางการบ้าง นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าบุคคลนี้จะมีทัศนคติที่หยิ่งผยอง แต่ทักษะด้านการบัญชีของเขานั้นดีมาก และเขาไม่เคยทำผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว

แต่พอมาคิดอีกที คนผู้นี้รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ!

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลี่ฝานไม่เคยออกจากร้านจิ่นฝูมาก่อน และอยู่ในร้านจิ่นฝูมาตลอด ดังนั้นเหมียวเอ้อร์จึงไม่กล้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คราวนี้ เขาอยู่ที่รุ่ยเสียนมาสี่เดือนแล้ว และคนผู้นี้จึงมีความกล้า และคิดหาวิธีเอาเงินจากร้านไปถึงสองพันกว่าตำลึงเงิน!

ต่อมาหลี่ฝานคำนวณใหม่อีกครั้งโดยใช้วิธีง่าย ๆ ที่กู้เสี่ยวหวานสอน แต่หลังจากคำนวณเล่มแรก ปอดของหลี่ฝานก็เหมือนจะกำลังระเบิด

สูญเสียเงินไปกว่าพันตำลึงเงิน และนี่ก็ยังเป็นแค่เดือนเดียว และเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ยินจากคนในร้านอาหารว่ากิจการในร้านอาหารนี้ก็ใช้ได้ แต่นี่กลับสูญเสียเงินมากกว่าห้าร้อยตำลึงเงินในทุกเดือน ในเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองหลิวเจียนี้ รายได้ห้าร้อยตำลึงเงินต่อเดือนนั้น ถือเป็นจำนวนมหาศาล

หึ ๆ ความโลภของคนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ!

หลังจากสูญเสียเงินไปมากมาย คนผู้นี้ก็ยังดูสบายใจ หรือเขาคิดว่าตนเองคงจะดูไม่ออกอย่างนั้นสินะ? หลี่ฝานหัวเราะเยาะในใจ เหลือบมองที่เหมียวเอ้อร์ที่ดูไม่แยแสและเอ่ยถาม

“ช่วงนี้ข้ายุ่งกับกิจการในอีกเมืองมากจึงไม่สนใจเรื่องของเมืองนี้เลย ในช่วงเวลานี้ คุณชายเหมียวทำงานเป็นผู้คิดเงินและดูแลกิจการร้านอาหาร มันคงลำบากเจ้าแล้ว” หลี่ฝานยิ้ม แต่รอยยิ้มไปไม่ถึงดวงตาของเขา มันเต็มไปด้วยความเย็นชา

“คุณชายเหมียว เจ้ารู้ไหมว่าข้าเรียกเจ้ามาทำไม?” หลี่ฝานหยุดพูด ปิดสมุดบัญชี แล้วถามตรงประเด็น “ข้าได้ยินมาว่าในช่วงเวลานี้ตอนที่ข้าไม่อยู่กิจการร้านไม่ค่อยดี”

“ใช่แล้ว กิจการไม่ได้ดีเลยจริง ๆ!” เหมียวเอ้อร์รอจนหลี่ฝานเอ่ยปากพูด เมื่อหลี่ฝานเอ่ยปากก็ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในร้านอาหาร และเหมียวเอ้อร์ก็ยินดีที่จะตอบโดยธรรมชาติ

เมื่อกล่าวว่ากิจการในร้านอาหารไม่ดี เหมียวเอ้อร์ก็ทำหน้าขมขื่นทันที และกล่าวอย่างเศร้าสร้อย “ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาร้านอาหารใหญ่ ๆ รอบตัวเรา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เกิดการแข่งขันเพื่อเรียนรู้สูตรอาหารจานใหม่ของพวกเรา ถึงแม้สองจานของเราจะเป็นอาหารแนะนำ แต่ก็ห้ามร้านอื่นไม่ได้ นอกจากนี้ราคายังต่ำกว่าครึ่งของเรา ลูกค้าส่วนมากจึงไปทานอาหารในร้านที่ถูกกว่า”

หลี่ฝานแสร้งทำเป็นเห็นด้วยและพยักหน้า “อย่างนี้นี่เอง” เมื่อเห็นว่าเหมียวเอ้อร์รู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย เขาจึงเอ่ยถามอย่างไม่คาดคิดว่า “คุณชายเหมียว ข้าไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง เพราะบัญชีเหล่านี้คุณชายเหมียวคำนวณมาอย่างยากลำบาก หลายปีที่ผ่านมาข้าชื่นชมเจ้าเสมอ เจ้าจัดการทุกอย่างในร้าน ข้าก็วางใจมาก แต่ทันทีที่ข้าจากไป กิจการร้านอาหารแห่งนี้ก็ซบเซาลงมาก เกรงว่ามันไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยหรือ?”

หัวใจของเหมียวเอ้อร์เต้นผิดจังหวะ หลี่ฝานที่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่เขาจะพบอะไรบางอย่าง?

เหมียวเอ้อร์รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เพื่อไม่ให้แสดงข้อบกพร่องต่อหน้าหลี่ฝาน เมื่อเห็นหลี่ฝานตั้งคำถามกับตนเองเช่นนี้ เขาจึงกล่าวอย่างไม่พอใจ “เถ้าแก่ เจ้าเพิ่งบอกว่าข้าทำงานหนักในร้านจิ่นฝูมาหลายปีแล้ว กิจการร้านอาหารของเราไม่ดีเท่าร้านอื่น และข้าเป็นเพียงคนทำบัญชี และข้าไม่มีทางเลือก”

หลี่ฝานแสร้งทำเป็นเห็นด้วยและพยักหน้า “คุณชายเหมียว อย่าโกรธเลย วันนี้ข้าบังเอิญเจอคุณชายท่านหนึ่งที่สามารถคำนวณบัญชีได้ เขาคำนวณบัญชีของเจ้าแล้ว เจ้าคิดว่าเขาเจออะไร?”

เมื่อเหมียวเอ้อร์ได้ยินสิ่งนี้ เขาตัวสั่นด้วยความกลัว และเพื่อไม่ให้หลี่ฝานสงสัย เขารีบกล่าวอย่างไม่พอใจ “เถ้าแก่ ท่านหมายความว่าอย่างไร หาคนทำบัญชีเพื่อคำนวณบัญชีของข้าใหม่ ท่านไม่เชื่อใจข้าอย่างนั้นหรือ”

เมื่อเห็นเหมียวเอ้อร์ดูร้อนรนมาก หลี่ฝานก็นึกถึงสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานบอกกับเขาก่อนจะจากไป การรับมือกับคนอย่างเหมียวเอ้อร์นั้นต้องหนากว่าใบหน้าของเขา เพียงแค่ใช้คำพูดจี้ใจโดยตรงเพื่อที่เขาจะได้ปลดอาวุธและยอมจำนน หรือไม่ก็ใช้เวลาร่วมกับเขา แต่ไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงปีลิงเดือนม้า*[1]หรือไม่

“ใช่แล้ว คุณชายเหมียว เจ้าพูดถูกจริง ๆ ข้าไม่สามารถไว้ใจเจ้าได้!” หลี่ฝานกล่าวอย่างไม่เกรงใจ และไม่สนใจหน้าที่เปลี่ยนสีของเหมียวเอ้อร์เลย เขายืนขึ้นทันทีและกระแทกสมุดบัญชีลงที่โต๊ะจนมันกระเด็นลงไปที่ข้างเท้าของเหมียวเอ้อร์ และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คุณชายเหมียว ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริง ๆ เจ้าทำบัญชีได้ดีจริง แต่บัญชีปลอมนี้ก็ไม่เลว!”

*[1] วันที่ไม่มีอยู่จริง ไม่รู้เมื่อไร

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คนโลภมากแบบนี้เก็บเอาไว้ใกล้ตัวเอาไว้ไม่ได้แล้วเถ้าแก่หลี่

ไหหม่า(海馬)