บทที่ 259 ไล่เหมียวเอ้อร์ออก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 259 ไล่เหมียวเอ้อร์ออก

บทที่ 259 ไล่เหมียวเอ้อร์ออก

เหมียวเอ้อร์หยิบสมุดบัญชีที่ตกอยู่แทบเท้าขึ้นมา ตั้งแต่หน้าปกจนถึงหน้าสุดท้ายทุกข้อมูลในนั้นล้วนถูกเขียนมาจากมือเขา

เหมียวเอ้อร์ไม่สามารถปฏิเสธได้ หากแต่เขามีข้อสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับหลี่ฝาน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เหมียวเอ้อร์ก็ทำตัวราวกับหมูตายที่ไม่กลัวน้ำเดือด*[1] และกล่าวว่า “เถ้าแก่หลี่ เราทำงานร่วมกันมาหลายปีแล้ว ข้าเหมียวเอ้อร์เป็นคนเช่นไร ท่านไม่รู้อย่างนั้นหรือ?”

หลี่ฝานส่ายหัวโดยไม่สนใจสิ่งที่เหมียวเอ้อร์กล่าว “ข้ารู้ แต่เงินรู้ดีกว่าข้า”

ระยะทางพิสูจน์ม้า การเวลาพิสูจน์คน สิ่งที่มองทะลุหัวใจของคนไม่ใช่สายตา แต่กลับเป็นเงิน

เงินสามารถมองทะลุผ่านหัวใจของคนได้

หากไม่มีการควบคุมดูแลเงินทอง ด้วยสิ่งล่อตาล่อใจ ในที่สุดเหมียวเอ้อร์ก็ล้ำเส้นและทำรังไหมผูกมัดตนเอง*[2]

“เถ้าแก่ อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระจากคนอื่น ถ้าท่านไม่เชื่อข้า ข้าจะอธิบายให้ท่านฟัง” ครั้นเห็นว่าหลี่ฝานแสดงท่าทีเฉยเมย สีหน้าของเขาราบเรียบระคนตื่นตระหนก หรือหลี่ฝานผู้นี้จะหาผู้เชี่ยวชาญมาจริง ๆ?

เมื่อเห็นว่าในที่สุดท่าทางเย่อหยิ่งของเหมียวเอ้อร์ก็ลดลง หลี่ฝานจึงรู้ได้ทันทีว่าเหมียวเอ้อร์กระทำความผิดจริง และเขาก็คร้านเกินกว่าจะปฏิบัติตนสุภาพกับคนผู้นี้ และกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมาเจ้ายักยอกเงินจากร้านอาหารไปเป็นจำนวนเงินสองพันสามร้อยสี่สิบห้าตำลึงเงิน ถ้าเจ้าคืนเงินทั้งหมด ข้าจะไม่รายงานเรื่องนี้ต่อทางการ!”

ทันทีที่หลี่ฝานกล่าวจบ เหมียวเอ้อร์พลันตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึม คนผู้นี้เป็นใครกัน เหตุใดถึงคำนวณออกมาได้ชัดเจนเช่นนี้ เงินสองพันสามร้อยสี่สิบห้าตำลึงเงิน ภายในสี่เดือนเขาแอบดึงออกมาทีละเล็กทีละน้อยในทุกวัน หากวันไหนร้านขายดีเขาก็จะหยิบเพิ่มอีกหน่อย แต่ถ้าวันไหนขายไม่ดีเขาก็จะหยิบน้อยลงหน่อย หลังจากสี่เดือนเงินทั้งหมดรวมแล้วราว ๆ สองพันสามร้อยสี่สิบห้าตำลึงเงินนั้น เขาย่อมรู้ดี

เดิมทีคิดว่าตนเองได้จัดการบัญชีเสร็จเรียบร้อยแล้ว และก็อธิบายให้หลี่ฝานฟังอย่างแยบยล จะมีใครรู้ดีไปกว่าเขาได้อย่างไร ทั้งหมดนี้เป็นบัญชีปลอม มันจะคำนวณออกมาได้อย่างไร?

เหมียวเอ้อร์ประหวั่นพรั่นพรึง เมื่อสักครู่ที่หลี่ฝานกล่าวถึงการรายงานต่อทางการ แล้วเขาจะรายงานต่อทางการได้อย่างไร? แม้ว่าตนเองจะคุ้นเคยกับคนพวกนั้น ทว่าพวกเขาคงไม่ทำให้เจ้าของร้านจิ่นฝูขุ่นเคืองใจเพราะเรื่องทุจริตหรอกนะ?

เหมียวเอ้อร์ตื่นตระหนก เขาลอบมองใบหน้าที่มืดมนของหลี่ฝาน เมื่อรู้ว่าคราวนี้หลี่ฝานเอาจริง และต้องการให้เขาคืนเงินทั้งหมด

เหมียวเอ้อร์ลังเลที่จะยอมแพ้ หากแต่ไร้ซึ่งทางเลือก เพราะหลี่ฝานได้เตือนตนเองแล้วว่าจะส่งตัวเขาให้ทางการถ้าไม่คืนเงินมา ถ้าเขาไปหาเจ้าหน้าที่ เรื่องทั้งหมดก็จะถูกเปิดเผย และจากนั้นเรื่องความโลภของเขาก็จะแพร่งพรายไปทั่ว

อนาคตยังต้องพึ่งสายงานนี้หากิน ถ้าทุกคนรู้จะทำอย่างไร?

ในอนาคตใครจะกล้าจ้างเขา?

เหมียวเอ้อร์ไม่กล้าที่จะไม่ฟังคำพูดของหลี่ฝาน และนี่คือจุดที่หลี่ฝานใช้บีบบังคับเหมียวเอ้อร์

“จะคืนหรือไม่คืน?” หลี่ฝานรู้สึกรำคาญเล็กน้อย และเมื่อเห็นเหมียวเอ้อร์เงียบจึงเอ่ยขึ้น “ถ้าคุณชายเหมียวยืนกรานที่จะไม่จ่ายคืน อย่างนั้นคุณชายเหมียวก็รอที่นี่สักครู่ แล้วข้าจะส่งคนไปพาคนของทางการมาที่นี่”

หลี่ฝานไม่ได้กล่าวด้วยแรงโทสะและไม่ได้พยายามขู่เหมียวเอ้อร์ จากสี่เดือนที่ผ่านมาเขารู้ว่าคุณธรรมของเหมียวเอ้อร์นั้นบกพร่อง จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับกู้เสี่ยวหวานจะเห็นได้ว่าเหมียวเอ้อร์นี้เป็นคนใจแคบ คนประเภทนี้นอกจากเพื่อผลประโยชน์ของตนเองแล้ว เขาไม่คำนึงถึงผลกำไรของกิจการ คนผู้นี้ไม่สามารถอยู่ในร้านจิ่นฝูได้อีกต่อไป

เมื่อเหมียวเอ้อร์เห็นว่าหลี่ฝานเอาจริง จึงอ้อนวอนความเมตตาทันที “เถ้าแก่ ข้าขอร้อง เห็นแก่ที่ข้าติดตามท่านมาหลายปี ท่านอย่ารายงานต่อทางการเลย ถ้าทำเช่นนั้นชีวิตของข้าต้องพังพินาศแน่”

หลี่ฝานจ้องเหมียวเอ้อร์เขม็ง “ถ้าข้ารู้ว่าจะเสียใจเช่นนี้ ข้าได้แต่ถามตัวเองว่าข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดีอย่างนั้นหรือ ข้าเชื่อใจเจ้าในการจัดการทรัพย์สินขนาดใหญ่เช่นร้านจิ่นฝูนี้ แต่เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมากเกินไป”

หลี่ฝานสะบัดแขนเสื้อ หมุนกายกลับ และไม่มองเหมียวเอ้อร์อีกต่อไป “เจ้ารีบไปเถอะ เก็บข้าวของให้เรียบร้อย แล้วข้าจะให้เสี่ยวเซิ่งจื่อตามไปเอาเงินที่บ้านเจ้า”

เมื่อเหมียวเอ้อร์เห็นว่าหลี่ฝานตั้งใจจะไล่เขาออก จึงรู้สึกขุ่นเคืองและเกลียดชังต่อคนคำนวณบัญชีผู้นั้น ถ้าเขาเจอคนผู้นี้ เขาไม่ปล่อยมันไว้แน่!

เมื่อเห็นเหมียวเอ้อร์กำลังจะพูด แต่หลี่ฝานไม่ต้องการพัวพันกับคนผู้นี้อีกต่อไป เขาโบกมืออย่างรวดเร็ว และกล่าวด้วยความรังเกียจว่า “รีบไป รีบไปเถอะ”

เหมียวเอ้อร์ที่เพิ่งมาที่นี่อย่างสง่างาม ดังนั้นเขาจึงจากไปอย่างเยือกเย็น เขามาที่ห้องโถง วางแผนที่จะเก็บของและจากไป

แต่ไม่รู้ว่าจะมีคนมายุ่งมากขนาดนี้

เหมียวเอ้อร์เก็บข้าวของพลางเตะขาโต๊ะอย่างแรง และเห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างใน เมื่อชายผู้นั้นเห็นใบหน้าที่มืดมนของเหมียวเอ้อร์และถือของหนักอึ้งอยู่ในมือ จึงงุนงงเล็กน้อย รีบรุดขึ้นหน้าเพื่อไขข้อสงสัย “คุณชายเหมียวท่านจะไปที่ไหนกัน?”

ทันทีที่เหมียวเอ้อร์เห็นเด็กชายผู้นั้น พลางคิดว่าในวันธรรมดาเขามักจะตามหลังตนเองอยู่เสมอ เลียแข้งเลียขาประจบสอพลอ จึงถามขึ้นว่า “วันนี้มีผู้ใดมาที่ร้านอาหารบ้าง?”

ชายผู้นั้นรู้โดยธรรมชาติว่าคงไม่ใช่แขกธรรมดา ดังนั้นจึงเอียงศีรษะและคิดเกี่ยวกับมัน จากนั้นตบที่ต้นขาของเขาแล้วกล่าวว่า “เป็นคนพิเศษมาก เสี่ยวเซิ่งจื่อพาไปที่ห้องรับรองของเถ้าแก่โดยตรง”

ต้องเป็นคนผู้นั้นไม่ผิดแน่

เหมียวเอ้อร์กัดฟันกรอด หากเขาไปพบกับคนผู้นี้ เขาจะทุบร่างของมันให้แตกเป็นพันชิ้น “คนผู้นั้นเป็นใคร?”

“ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ยังเด็กมาก ดูเหมือนอายุแปดหรือเก้าขวบ มีใบหน้างดงาม” ชายผู้นั้นคิดอย่างรอบคอบแล้วกล่าวต่อว่า “ได้ยินเสี่ยวเซิ่งจื่อเรียกหญิงสาวผู้นั้นว่าแม่นางกู้”

ทันทีที่เหมียวเอ้อร์ได้ยิน เขาก็นึกถึงคนที่ล้อเลียนเขาครั้งที่แล้ว กู้เสี่ยวหวาน

ทันทีที่เขาคิดว่าเขาจะต้องคายเงินที่ทุจริตทั้งหมดออกมา ทั้งยังต้องออกจากร้านจิ่นฝู และอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียชื่อเสียงได้ตลอดเวลา เหมียวเอ้อร์ก็แทบจะกินเลือดกินเนื้อ

กู้เสี่ยวหวาน!

เหมียวเอ้อร์จ้องเขม็งไปที่สิ่งที่อยู่ในมือของเขา ตอนนี้เขาอยู่ในภาวะตกต่ำ ทั้งหมดเป็นเพราะคนผู้นั้น

เหมียวเอ้อร์ต้องการฆ่ากู้เสี่ยวหวานในทันทีเพื่อบรรเทาความเกลียดชังของเขา

*[1] ไม่หวาดกลัวหรือหวั่นเกรงอะไร

*[2] ทำให้สิ่งต่าง ๆ ยากสำหรับตนเอง