บทที่ 290 ชำระเงินประกัน

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่290 ชำระเงินประกัน

“เป็นอะไรของเธอต้องตื่นเต้นกันขนาดนี้?”

เปาหารเห็นเลขาออกท่าทางตื่นเต้นผิดปกติ พูดไปอย่างไม่พอใจ

“ผู้จัดการ ผู้จัดการ…..” เลขาพูดกระหืดกระหอบ รีบวิ่งเข้าไปถึงข้างหน้าเปาหาร พูดเสียงกระซิบว่า “ในบัตรเครดิตธนาคาร หลังเลขสาม มี มีเลขศูนย์สิบสองตัว”

“เลขศูนย์สิบสองตัว?!

ได้ยินคำพูดไม่กี่คำนี้ เปาหารผวาเองขึ้นมาในใจ ในสมองยังตอบสนองไม่ทัน ไอ้ศูนย์สิบสองตัวนี่มันเท่าไหร่กัน เอานิ้วมือขึ้นมาจนหมดสิบนิ้วแล้ว ยังต้องขยับนิ้วตีนอีกสองนิ้ว ถึงกับสะท้านขึ้นมาทั้งตัว นี่แม่ง นี่มันสามแสนล้านอ่า!

เขาเกิดมาในชาตินี้ยังไม่เคยเห็นจำนวนเงินมากขนาดนี้เลย คิดไม่ถึงว่าในบัตรเครดิตธนาคารของเด็กหนุ่มคนนี้ กลับมีเงินขนาดนี้อยู่

บอกแต่แรกว่ามีเงินขนาดนี้ก็จบแล้ว ไอ้ชิบ คนยิ่งใหญ่ขนาดนี้ น่ากลัวจะมีแบล็กกราวด์ยิ่งกว่าผู้ใหญ่คนที่จะมาจากเยียนจิงนั่นเสียอีก

ถึงเวลานี้ ความข้องใจที่มู่เซิ่งบอกเขาว่าท่านหลงเป็นลูกน้อง สลายหายไปหมดในฉับพลัน

“คุณชายท่านนี้ ต้องกราบขออภัยเป็นอย่างสูง สร้างความวุ่นวายใจให้กับคุณไปมากมาย หวังว่าคุณคงไม่ถือสาใส่ใจนะครับ” ตอนนี้เปาหารก็ได้ลุกยืนขึ้น โค้งคำนับต่อมู่เซิ่งด้วยความเคารพอย่างสูง

“เรื่องเล็กน้อย กลับให้เห็นว่าการทำงานของบริษัทคุณนี่ละเอียดสุขุมดีมากเลย ผมยังเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก ถ้าเปลี่ยนเป็นที่อื่น ต้องหาว่าผมขี้โอ่คุยโม้ ไล่ตะเพิดผมออกไปตั้งแต่แรกแล้ว” มู่เซิ่งพูดไปหัวเราะไป

“จะกล้าได้ยังไง บริษัทเรามีหรือจะกล้าไล่ผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่านออกไปได้” เปาหารผงกหัวแล้วผงกหัวอีก เหงื่อแตกไหลเป็นฝนร่วง

ในวินาทีก่อนหน้านี้ เขายังคิดไว้อยู่ว่าพอมู่เซิ่งได้ยินถึงเงื่อนไขในการใช้ห้องพิเศษได้ จะขอรอดูสีหน้าจะแสดงออกมาตื่นตระหนกตกใจขนาดไหน ผลออกมาตอนนี้ เขาได้ยินตัวเลขคงเหลือที่อยู่ในบัตรเครดิตธนาคารของมู่เซิ่ง กลับตกใจช็อกเซ่อไปแล้ว

รูปการณ์ตอนนี้ กลับตาลปัตรไปอย่างสิ้นเชิง

“งั้นผมมีคุณสมบัติพอจะนั่งในห้องพิเศษในระดับสูงสุดของพวกคุณนั้นมั้ย?” มู่เซิ่งพูด

“ได้แน่นอน ได้แน่นอนครับ” เปาหารตอนนี้ เอาแต่ผงกหัวแล้ว

ทำตลกไป ถ้าขนาดมู่เซิ่งยังไม่มีสิทธิ์แล้ว ทั่วทั้งเกาะนี้ น่ากลัวก็คงไม่มีใครมีคุณสมบัติพอที่จะสามารถเข้าไปนั่งในห้องพิเศษแล้ว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมไปก่อนละ”

มู่เซิ่งพูดจบก็ลุกขึ้นเดินจากไป เปาหารก็เดินตามโค้งคำนับส่งไปตลอดทาง จนส่งมู่เซิ่งถึงหน้าประตู ยืนรอส่งจนลับตา จึงค่อยเดินกลับเข้าไปในบริษัท

“ผู้จัดการเปา คนหนุ่มคนนี้ มีเงินมากจังเลยนะ” เลขาที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างสำนักงานบริษัท มองตามเงาหลังมู่เซิ่ง สีหน้าอิ่มเอิบด้วยความชื่นชม

“ใช่สิ เฉพาะเงินในการ์ดนั่น ซื้อบริษัทอย่างพวกเราได้ถึงสิบบริษัท แล้วยังมีเหลืออีกเหลือเฟือ คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเขาเป็นคุณชายลูกหลานตระกูลไหนกัน” เปาหารพูดด้วยความประทับในอารมณ์ใจ

คนประเภทนี้ เบื้องหลังนั้นเป็นไปได้อย่างมากว่า ต้องมีตระกูลอิทธิพลในเยียนจิงยืนค้ำอยู่

พอคิดถึงที่เคยจะให้เขาพิสูจน์ยืนยันเบื้องหลังตัวเอง เปาหารถึงกับเหงื่อซึมจนหนาวเยือกที่แผ่นหลัง นี่ดีนะว่ามู่เซิ่งอารมณ์ดี ไม่งั้นเขาคงตายแน่ แม้แต่คนที่อยู่เบื้องหลังตัวเขาก็ช่วยเขาไม่ได้

เลขามองเงาหลังมู่เซิ่ง ตาเยิ้มจนเริ่มเลื่อนลอย “ไม่รู้จริง ๆ เลย เขาชอบผู้หญิงแบบไหนกันหนอ”

“เสี่ยวหวางเอ๊ย ไม่ใช่ว่าผมจะดูถูกเธอนะ ผู้ชายระดับนี้ เธอไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปในสายตาเขาหรอก คิดยังไม่ต้องไปคิดเลย” เปาหารหัวเราะหึ ๆ แล้วตอบไป

เลขาก็รู้แน่นอนอยู่แล้วว่าที่เปาหารพูดนั้นคือเรื่องจริง ถอนหายใจอย่างน่าเสียดาย ไม่มีอะไรจะพูดต่อไป

ขณะนั้น ก็ได้มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา หวงอวี่นั่นเอง หลังจากที่เขาได้ยินว่ามู่เซิ่งจะมาร่วมงานประมูลในครั้งนี้ จึงรีบพาเจิ้นซินซินเข้ามา

“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณมีธุระอะไรหรือครับ?” พอเห็นหวงอวี่แล้ว เปาหารก็รีบทักถาม

“ผมจะมาเข้าร่วมงานประมูล ช่วยจัดหาจุดตำแหน่งดี ๆ ให้หน่อย” หวงอวี่ตรงเข้านั่งลงบนโซฟา วางมาดเชิดแล้วพูด

เห็นการวางตัวติดดินของมู่เซิ่ง แล้วมองกลับมาดูหวงอวี่ เปาหารก็รู้สึกอคติขึ้นมาในใจทันที ไอ้หมอนี่ ดูปุ๊บก็รู้ว่าไม่ได้เรื่อง ยังทำแกล้งวางตัวเป็นพวกมีเงินแบบรวยระเบิด ในชีวิตของเขามองไม่ขึ้นเลยก็คือคนประเภทนี้

แต่เขาก็ยังคงพูดไปว่า “คุณผู้ชายท่านนี้ ถ้าคุณจะเข้าร่วมละก็ จะต้องทำการพิสูจน์ตรวจสอบทรัพย์สินและยืนยันภูมิหลัง”

“ไม่มีปัญหา ในบัตรเครดิตนี้ มีอยู่ห้าสิบล้าน คุณพ่อผมก็คือหวงเปียวแห่งซานเซี่ยง เปิดบริษัทหงอวิ้น คุณโทรศัพท์ตรงไปให้ยืนยันได้เลย” หวงอวี่พูดในเชิงคุยอวด

ห้าลิบกว่าล้าน สำหรับคนทั่วไปแล้ว แทบจะว่าหากันมาหลายชั่วอายุคนแล้วก็ยังไม่ได้เลย แต่สำหรับเปาหารแล้ว ไม่ใช่เรื่องต้องให้คิดมาก เขามีรายได้ในแต่ละปีก็หลายล้านแล้ว ยิ่งกว่านั้น เขายังเพิ่งเห็นจำนวนเงินถึงสามแสนล้านในบัตรธนาคารของมู่เซิ่ง ลองเทียบกันแล้ว เงินของหวงอวี่นี้พูดได้ว่าเล็กน้อยอย่างน่าสงสารเอาเลย

“เงินจำนวนเท่านี้ คุณก็เข้าไปได้ในชั้นธรรมดาที่สุดทั่วไป” เปาหารพูดเรียบ ๆ

“ชั้นธรรมดาที่สุดทั่วไป?แกถือดียังไงมาให้ข้าไปอยู่ชั้นธรรมดาที่สุดทั่วไป?” หวงอวี่ได้ยินเข้า ร้อนรนขึ้นมาทันที

มู่เซิ่งเข้ามา คาดว่าก็คงอยู่ในชั้นธรรมดาที่สุดนี้ ถึงเวลานั้นถ้าเจอกัน แล้วให้คิดว่าเขาไม่มีเงินที่จะนั่งในชั้นคนมีเงินได้ยังไง?

“เสียใจด้วยครับ บริษัทจัดระเบียบไว้แบบนี้นะครับ ต้องมีทรัพย์สินมากกว่าห้าล้านขึ้นไป จึงเข้าในงานได้ แต่ก็มีเพียงชั้นธรรมดาที่สุดกับชั้นสุดยอด เพียงแต่ต้องมีการรับรองทรัพย์สิน ชั้นที่เหลือนอกจากนี้ จะต้องชำระเงินประกันตามกำหนด เพื่อรับประกันสินค้าที่ประมูลได้ถึงจะได้” เปาหารชี้แจงเพิ่มเติมไป

“งั้นชั้นสุดยอดนั้นมีเงื่อนไขยังไง?” หวงอวี่เอ่ยปากถาม

เปาหารบอกไปว่า “ต้องมีการรับรองทรัพย์สินตั้งแต่ห้าพันล้านขึ้นไป”

ได้ยินมาแบบนี้ หวงอวี่เลิกถามในทันที บ้านเขาก็จัดว่ามีเงิน แต่ขายออกไปทั้งหมดบ้านอย่างมากก็หลายร้อยล้าน จะเอาทรัพย์สินถึงห้าพันล้าน?เขาก็หมดปัญญาเอาออกมาได้

แต่ใจก็ยังไม่ยอมจะนั่งชั้นธรรมดาที่สุดทั่วไป ทำท่าฮึดฮัดพูดไปว่า “ผู้จัดการเปา ไม่งั้นเอางี้ ผมให้เงินคุณต่างหาก คุณจัดให้ผมไปอยู่ในจุดที่ดีกว่าหน่อยได้หรือเปล่า?”

“นอกจากว่าคุณจะจ่ายค่ามัดจำ ไม่งั้น พวกเราก็หมดปัญญา ทำอะไรไม่ได้” เปาหารส่ายหน้าพูดไป

จุดตำแหน่งธรรมดาที่สุดนี้ แท้จริงก็มีไว้สำหรับให้พวกคนมีเงินมานั่งดูหาความสนุกเท่านั้น พวกเขาไม่มีเงินมากพอ ก็นั่งออกไปห่างหน่อยก็ได้ เพราะฉะนั้นจึงยังมีอีกสามจุดตำแหน่งก็ไว้ดูจากเงินมัดจำที่คุณจะยอมจ่าย เพื่อประกันเผื่อจะมีคุณสมบัติจะประมูลไหม

แน่นอนที่สุด ห้องพิเศษชั้นสูงสุดนั้นมีแต่ระดับเงินหนามาก ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องขอเก็บเงินประกัน ก็สามารถเข้าไปในงานได้

คำพูดนี้ทำเอาหวงอวี่ลังเล จ่ายเงินประกัน จะต้องประมูลของให้ได้หนึ่งชิ้นถึงเอาเงินกลับได้ ถ้าไม่ประมูลเลย เงินประกันนี้ก็เอาคืนไม่ได้ ถึงเวลานั้นก็ต้องขาดทุนไปไม่ใช่น้อย

“ถ้าหากคุณหวงไม่เอาด้วย ผมก็ต้องจัดที่ชั้นธรรมดาที่สุดทั่วไปให้ละ” เปาหารพูด

พอฟังมาถึงนี่เจิ้นซินซินหงุดหงิดไม่พอใจขึ้นมาในทันที “หวงอวี่ ยังมัวลังเลอะไรอยู่อีก ถ้าพวกเราไปนั่งอยู่ร่วมกับไอ้ขยะนั่นในชั้นธรรมดาที่สุดทั่วไป คุณยังจะทำให้ฉันได้หน้าคืนมายังไง?”

ที่ร้านชุดวิวาห์หล่อนก็เสียหน้าไปครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ยังต้องเสียหน้าอีก จะให้หล่อนบ้าตายไปเลยมั้ง

“ก็ได้ ผมตกลง อย่างมากก็ประมูลส่งเอาอะไรก็ได้สักชิ้น มันจะไปยากอะไร” สีหน้าหวงอวี่แสดงออกอย่างบอกไม่ถูก เอ่ยปากขึ้นมา ตอบรับไปในทันที

สำหรับพวกผู้ชายมีกรรมประเภทให้ตายก็ต้องเอาหน้าไว้นี้ เปาหารได้แต่ทอดถอนใจอย่างสมเพช ในใจเขารู้ดี ถึงจะเตือนห้ามไป ก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา

“ถ้าหากคุณตัดสินแน่ใจแล้ว ก็ขอเชิญตามผมไปเพื่อชำระเงินประกันสองล้าน ถ้าไม่ได้ประมูลซื้ออะไรเลย เงินค่าประกันนี้ไม่มีการคืนนะครับ” เปาหารพูดตอกย้ำ

“ไม่คืนก็ไม่ต้องคืนสิ ข้ามันจะขาดเงินด้วยเงินแค่นี้หรือ?” หวงอวี่ทำปากแข็งพูดไป

“ได้ครับ ในเมื่อเอาอย่างนี้ เชิญท่านตามผมมา…..” เปาหารพูด

หวงอวี่ผงกหัว กำลังเตรียมจะเดินตามไป เวลานั้นเอง จู่ ๆ เขาก็ได้รับโทรศัพท์ที่โทร.เข้ามาสายหนึ่ง ความรู้สึกบนใบหน้าของเขา ยิ้มออกหน้าบานขึ้นมาในทันใดนั้น