ในห้องมีเจ้าหญิงหลายองค์ที่กำลังจะแต่งงาน เจ้าหญิงเหวินจิ้ง เจ้าหญิงฉินผิง เจ้าหญิงผิงอัน
ส่วนพระชายาอ๋อง นอกจากพระชายาจี้แล้ว คนอื่นต่างก็มากันครบ
พระชายาซุน พระชายาเว่ย พระชายาอัน ทุกคนต่างแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างวิจิตรสวยงาม ดูหรูหราเหมาะสมกับฐานะของพวกนางเป็นอย่างยิ่ง
พระชายาฉีฉู่หมิงชุ่ยนั่งอยู่ในตำแหน่งตรงกลาง นางสวมชุดสีแดงโบตั๋น ปิ่นปักผมหยกม่วง แต่งหน้าสวยงาม ดูเหมาะสมพอดี
หยวนชิงหลิงดูไม่ออกว่านางมีท่าทีไม่ยินดีอะไร ทุกกิริยาของนางที่แสดงออกมา ล้วนอยู่ในจุดพอดี
ใช่แล้ว เพื่อให้ฉีอ๋องแต่งพระชายารอง เป็นนางที่จัดการเรื่องนี้เองกับมือ
หยวนชิงหลิงเคยได้ยินพระชายาซุนนินทา ว่าอ๋องฉีไม่เห็นด้วยที่จะแต่งพระชายารอง เป็นนางที่ไปขอให้ฮองเฮาช่วยตัดสิน
ฉู่หมิงชุ่ยมองหยวนชิงหลิงเดินเข้ามา เผยรอยยิ้มจางๆ “พระชายาฉู่มาถึงแล้ว เชิญนั่งลงก่อน”
“ขอบพระทัยพระชายาฉี”หยวนชิงหลิงพูด
เพราะเป็นการออกจากบ้านครั้งแรกของคนท้อง หยวนชิงหลิงจึงได้รับการปฏิบัติราวกับเป็นสมบัติของชาติ เหล่าเจ้าหญิงกับพระชายาต่างก็เป็นห่วงเป็นใยนาง หลังจากเชิญนางให้นั่งลงแล้ว น้ำชาและของว่างหลากหลาย เมื่อดูแล้วก็พบว่าให้เพียงแค่นางเท่านั้น
เพราะว่า หากนางเกิดอะไรขึ้นเพียงเล็กน้อย คนที่อยู่ที่นี่ เกรงว่าจะหนีไม่พ้นสักคนเดียว
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่ามีตัวเองอยู่ด้วย ทำให้ทุกคนไม่เป็นตนเอง จึงได้พูดว่า “ทุกท่านนั่งต่อเถอะ ข้าขอตัวออกไปเดินข้างนอกเสียหน่อย”
พระชายาซุนยิ้มและลุกขึ้นยืน “ข้าก็จะออกไปเดินสักหน่อย ใช่แล้ว ข้ายังไม่ได้แสดงความยินดีกับพระชายาฉีเลย”
หยวนชิงหลิงนิ่ง ยินดี พระชายาซุนประชดหรือ คำพูดนี้ไม่เหมาะสมเท่าไหร่
นางมองไปที่พระชายาซุน ใบหน้าของพระชายาซุนไม่มีแววประชดประชันหรือล้อเล่นเลยสักนิด
เพราะช่วงนี้มักจะถูกคนวางกลอุบายบ่อยๆ ฉะนั้น นางต้องระวังตัวเองให้มาก พูดว่า “อีกเดี๋ยวข้าพบอ๋องฉีแล้ว ค่อยยินดีกับเขาก็ได้”
ฉู่หมิงชุ่ยเอ่ยเสียงเรียบๆว่า “คนถึงก็นับว่าให้เกียรติแล้ว ส่วนจะยินดีด้วยหรือไม่ เป็นเรื่องของปาก ไม่ได้ใส่ใจ”
หยวนชิงหลิงยังคงตกตะลึง เป็นพระชายาเอก วันนี้น่าจะเป็นวันที่นางไม่พอใจมากที่สุดวันหนึ่ง ทำไมนางจึงทำราวกับไม่ใส่ใจเลยสักนิด หรือว่านางจะไม่มีความรู้สึกดีๆต่ออ๋องฉีเลยสักนิดเดียว
หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจความรู้สึกที่บิดเบี้ยวนี้ หมุนตัวเดินออกไป
พระชายาซุนเดินตามนางออกไป ในจวน แขกเหรื่อเยอะมาก เดินไปที่ไหน ก็ได้ยินเสียงผู้คน
ลู่หยากับสวีอีเดินอยู่ห่างๆพวกนางสองคน แต่ก็ไม่ได้เข้ามารบกวน
“เหมือนพระชายาฉีจะไม่ใส่ใจเลยสักนิด”หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
พระชายาซุนพูดว่า “นางจะใส่ใจได้หรือ เรื่องนี้ปู่ของนางเป็นคนตัดสินใจ นางต้องให้ความร่วมมือกับปู่ของนางอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้น แม้แต่ตำแหน่งพระชายาเอกก็รักษาไว้ไม่อยู่ เจ้าไม่เห็นหรือว่านางเอาแต่วิ่งเต้นเรื่องนี้ตลอด”
หยวนชิงหลิงได้ยินคำนี้ ก็นิ่งอึ้ง “เช่นนั้นนางก็นับว่าเป็นคนน่าสงสารคนหนึ่ง”
พระชายาซุนมองนางด้วยสายตาไม่พอใจนัก “พอแล้ว มีคนน่าสงสารตั้งมากมายที่ไหนกัน แม้จะน่าสงสารก็จริง ก็ย่อมต้องมีส่วนที่น่าชังอยู่ หากไม่ใช่เพราะนางเองเป็นคนก่อเรื่องที่ซุ้มโจ๊กนอกเมืองกับเรื่องท้องปลอมๆ แล้วจะมีจุดจบอย่างวันนี้ได้อย่างไร อีกอย่าง อ๋องฉีก็ดีกับนางจริงๆ ไม่เห็นหรือทุกครั้งที่อ๋องฉีเห็นนาง ดวงตานั้นก็ราวกับฉาบไปด้วยน้ำผึ้ง แต่นาง เห้อ ช่างเถอะ ไม่พูดแล้ว วันนี้พูดถึงนาง วันหน้าคนอื่นก็พูดถึงข้า ข้าเองสุดท้ายก็ต้องหาพระชายารองให้คนในบ้านข้าเช่นกัน ”
หยวนชิงหลิงช่วงนี้รู้สึกต่อต้านคำว่าพระชายารองมาก
แต่ว่าไม่ว่าจะไปถึงที่ไหน ก็ล้วนต้องได้ยินคำนี้
ในใจรู้สึกอัดอั้นมาก
อ๋องฉีรักฉู่หมิงชุ่ยมาก แต่ทำไมเขาไม่คัดค้านการแต่งพระชายารองเล่า
นางคิดมาตลอดว่า ความรักที่อ๋องฉีมีต่อฉู่หมิงชุ่ย ในเมืองหลวงนี้เกรงว่าจะไม่มีใครเทียบได้ แต่รักขนาดนี้ สุดท้ายยังสามารถรับคนที่สามเข้ามาได้อีก
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว นางพูดกับพระชายาซุนว่า “ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวกลับก่อน ”
“กลับไปเร็วขนาดนี้เชียว”พระชายาซุนอึ้ง มองนาง ก็เดาใจนางออก
“เจ้าคงไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจแทนพระชายาฉีหรอกนะ เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดเช่นนี้ ดูแล้วเหมือนนางจะถูกบังคับ แต่วันนี้นางเองก็ดีใจ เจ้าเชื่อหรือไม่ ”หยวนชิงหลิงมองนาง “ทำไมนางต้องดีใจด้วย”
พระชายาซุนยิ้มเย็น “แม่ทัพหยวนนั้นตั้งตนเป็นกลางอยู่เสมอมา ไม่ได้พึ่งอำนาจของอ๋ององค์ไหนทั้งสิ้น ตอนนี้อ๋องฉีได้แต่งหลานสาวของแม่ทัพหยวน แม่ทัพหยวนก็ไม่สามารถที่จะไม่เลือกข้างอีกต่อไป เมื่อยืนอยู่ข้างอ๋องฉี พระชายาฉีจะไม่ดีใจได้อย่างไร นางรู้ดีว่าอ๋องฉีไม่มีทางเปลี่ยนใจไปจากนางแน่ แต่งพระชายารองเข้ามา ก็แค่ของประดับอีกชิ้น แต่กลับได้รับแรงหนุนที่จะสามารถส่งนางขึ้นเป็นพระชายารัชทายาทได้ วันนี้เจ้าไม่สมควรไม่สบายใจแทนพระชายาฉี แต่ควรไม่สบายใจแทนหยวนหย่งอี้ที่น่าสงสารคนนั้นแทน”
หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงเลยว่าจะเกี่ยวพันไปถึงเรื่องตำแหน่งรัชทายาท สถานที่แห่งนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งซับซ้อน นางยิ่งอยู่ไม่ได้แล้ว
“ข้าไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจแทนใครทั้งนั้น แค่รู้สึกว่าสถานที่นี้บรรยากาศไม่ดี อยากจะกลับแล้ว”หยวนชิงหลิงเรียกลู่หยามา “ให้สวีอีไปเตรียมรถม้า ข้าจะกลับจวนก่อน”
ลู่หยารีบพูดว่า “พระชายารู้สึกไม่สบายหรือ”
“ไม่……”ยังไม่ทันพูดออกจากปาก หยวนชิงหลิงก็เก็บคำพูดกลับไป กุมที่หน้าผากเอาไว้ “ไม่สบายนิดหน่อย แต่ไม่จำเป็นต้องบอกท่านอ๋อง ให้สวีอีไปส่งข้าก่อนก็พอแล้ว”
พระชายาไม่สบาย เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่บอกกับท่านอ๋อง
หยู่เหวินเห้าได้ยินว่าหยวนชิงหลิงไม่ค่อยสบาย ก็รีบดีดตัวลุกขึ้นทันที เกือบจะทำเอาโต๊ะล้มคว่ำ และก็ไม่สนใจสีหน้าของคนที่อยู่รอบข้าง รีบพุ่งตัวออกไป
เพียงชั่วครู่ ก็เห็นเขาประคองหยวนชิงหลิงออกจากจวนอย่างระมัดระวัง หาไม่ใช่เพราะหยวนชิงหลิงยืนกรานจะเดินเอง เขาคงจะอุ้มนางขึ้นมาแล้ว
ขึ้นรถม้าแล้ว เขาคอยลูบหลังคลึงหัวตาสารพัดความเป็นห่วงเป็นใย
หยวนชิงหลิงดึงมือเขาออก พูดว่า “ข้าไม่ได้ไม่สบาย ข้าแค่รู้สึกว่าสถานที่นี้ทำให้ข้าไม่เป็นตัวของตัวเอง ”
“มีคนพูดอะไรไม่เข้าหูเจ้าใช่หรือไม่”หยู่เหวินเห้าถาม
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า มองหยู่เหวินเห้า “ข้าเพียงแค่ไม่เข้าใจ น้องเจ็ดทำไมต้องแต่งพระชายารองด้วย นางรักฉู่หมิงชุ่ยปานนั้น แต่ข้าขอบอกก่อนว่า ข้าไม่ได้ต้องการจะขอความยุติธรรมแทนฉู่หมิงชุ่ยหรอกนะ ข้าแค่รู้สึกว่า ความรักไม่สมควรอยู่ในรูปแบบนี้”
“เจ้าน่ะนะ ”หยู่เหวินเห้าถอนหายใจเบาๆ นวดคลึงฝ่ามือนาง “ท้องแล้วก็คิดมาก เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา พวกเราก็แค่ไปร่วมครื้นเครง อย่าไปไม่พอใจแทนใครเลย”
“ข้าไม่ได้ไม่พอใจแทนใครจริงๆ ข้าแค่ไม่เข้าใจ”หยวนชิงหลิงหยุดไปชั่วครู่ ไม่อยากอธิบายต่อ
บางทีเขาก็พูดถูก ตั้งท้องแล้วคิดมากจริงๆ
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ที่จริง ข้าดีใจแทนเจ้าเจ็ดนะ ข้างกายเขาสมควรมีหญิงที่เป็นหญิงจริงๆอยู่ด้วย และคนคนนี้ ดีที่สุดคือสามารถเป็นคนควบคุมคนเจ้าวางแผนคนนั้นได้”
หยวนชิงหลิงอืมหนึ่งเสียง “ข้ารู้”
“เจ้าอย่าคิดมาก เรื่องนี้ ไม่ได้ง่ายเหมือนที่เราเห็นกันภายนอก รอดูเถอะ อีกสองวัน เจ้าเจ็ดต้องมาหาข้าเพื่อพูดคุยแน่”หยู่เหวินเห้าพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
“หาท่านคุยเรื่องอะไร”
“ทั้งหมด”หยู่เหวินเห้าพูด
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าอาจจะไม่เป็นอย่างนั้น ฉู่หมิงชุ่ยคงไม่ยอมให้เขาได้มาคลุกคลีกับจวนอ๋องฉู่อีกแน่
ถ้าหากทุกสิ่งเป็นไปอย่างที่พระชายาซุนพูด โสวฝู่ฉู่นั้นต้องการจะสนับสนุนให้อ๋องฉีเป็นรัชทายาท เช่นนั้น ฉู่หมิงชุ่ยคงต้องยับยั้งไม่ให้เขาพูดอะไรที่จะทำให้ข่าวสารเกิดการรั่วไหลออกไป
อ๋องฉีนั้นปากไม่มีหูรูด ฉู่หมิงชุ่ยรู้ดี ถ้าได้มาที่จวนอ๋องฉู่แล้ว เกรงว่าจะคายทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจนหมด