ตอนที่ 323 เธอมีความทะเยอทะยาน
วันอังคาร มู่เถาเยากับเหลียงจีทำอาหารเย็นที่เรือนอุ่นรัก
เมื่อใกล้ถึงเวลา หลี่อวี้เสวี่ยกับกู่ย่าก็กลับมาพร้อมสตรีที่บุคลิกงามสง่า อายุประมาณห้าสิบปี
“อาจารย์หลี่ ยินดีต้อนรับมาเป็นแขกที่บ้านค่ะ”
“เสี่ยวเยาเยา นับตั้งแต่การแข่งขันดนตรีพื้นบ้านครั้งนั้น ฉันก็คิดถึงหนูกับอาของหนูมาตลอดเลยนะ!”
ฝีมือด้านเครื่องดนตรีโบราณของสองอาหลานคู่นี้ แม้แต่เธอที่อีกไม่กี่ปีจะถึงวัยเกษียณก็ยังต้องขอนับถือ!
มู่เถาเยากระแอม ไหลไปตามคำพูดของอาจารย์หลี่ “คุณอาไม่ค่อยมาเย่ว์ตูค่ะ อาจารย์หลี่เลิกคิดถึงดีกว่าค่ะ”
“หึหึ…ฉันอยากคิดถึงก็คงไม่ได้เจอแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะไปจากเหยียนหวงแล้วจ้ะ” อาจารย์หลี่แอบเศร้าเล็กน้อย
ไม่ว่าเหยียนหวงจะดีหรือไม่ดี เธอก็รักดินแดนมาตุภูมิ
หลายคนอยากย้ายไปอยู่ประเทศที่สวยสุด เจริญก้าวหน้าที่สุด แต่เธอไม่อยาก ก็แค่บางครั้งทำตามใจไม่ได้
ลูกชายเพียงคนเดียวอยู่ต่างประเทศ เขาเองก็ไม่วางใจที่จะทิ้งแม่ไว้ที่บ้านคนเดียว
ถ้าคู่ชีวิตยังอยู่ก็พอไหว อย่างน้อยช่วยดูแลกันและกันได้ แต่สามีของเธอจากไปแล้ว เธออยู่คนเดียวมาสิบกว่าปี…ไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
มู่เถาเยายิ้มบาง “อาจารย์หลี่คะ ต้องเชื่อมั่นนะคะว่ามีวาสนาย่อมได้เจอกันอีก”
“ก็คงเป็นอย่างนั้นจ้ะ เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ หัวหน้าบอกว่าน้องสาวสามีของหัวหน้าอยากซื้อบ้านหลังนี้ ฉันไม่เคยเจอ แต่เชื่อใจพวกเธอนะ อีกเดี๋ยวกินข้าวเสร็จไปดูกัน ถ้าชอบก็จองไว้ก่อนได้”
“อาจารย์หลี่คะ เดิมทีนัดไว้ว่าจะดูตอนเดือนกันยา แต่หนูมีธุระเลยกลับมาก่อน แถมยังพักอยู่ใกล้กัน เลยอยากดูไว้ก่อน วางใจได้ค่ะ อาจารย์สามกับศิษย์น้องของหนูเป็นคนรักสะอาดมาก พวกเราเข้าใจเงื่อนไขของอาจารย์หลี่ค่ะ มั่นใจว่าทำได้ถึงได้ขอให้อาสะใภ้กับพี่สะใภ้ช่วยพูดให้หน่อยค่ะ”
“จ้ะ บ้านของฉันขนาดพอๆ กับบ้านหลังนี้ของหนู ตกแต่งก็คล้ายกัน แต่มีกลิ่นอายแบบโบราณมากกว่า ก็ไม่รู้ว่าอาจารย์กับศิษย์น้องของหนูชอบสไตล์ไหน พวกเครื่องเรือนในบ้านฉันตั้งใจจัดหามาตกแต่งทีละนิดเป็นเวลานาน ตัดใจทิ้งไม่ลงจริงๆ แต่จะเอาไปด้วยก็ไม่ได้…”
“อาจารย์หลี่คะ หนูเข้าใจความผูกพันของอาจารย์ค่ะ อาจารย์สามก็ชอบสไตล์โบราณ พวกศาสตร์ศิลป์การจิบชาต่างๆ ก็มีศึกษามาบ้างค่ะ”
เธอไม่ได้คุยโว แต่อาจารย์เก่งทุกอย่างจริงๆ!
ถึงแม้เมื่อชาติที่แล้วจะไม่ใช่ผู้โด่งดังอะไร แต่ฝีมือการรักษาของอาจารย์ก็อยู่เหนือกว่าคนเก่งๆ มากมาย!
เสด็จแม่ของเธอจากไปเร็ว อาจารย์จึงเป็นคนสั่งสอนเธอทั้งด้านการแพทย์ การต่อสู้ และพวกศิลปะแขนงต่างๆ ยกเว้นการศึกษาพื้นฐานแรกเริ่ม แน่นอนว่าก็ยังมีอาจารย์คนอื่นอีก เพียงแต่สิ่งที่อาจารย์เหล่านั้นสอนรวมกันก็ยังน้อยกว่าอาจารย์ของเธอ
เด็กสองคนที่สูญเสียแม่ ครอบครัวยายก็เข้ามาในวังบ่อยไม่ได้ คนที่พวกเขาพึ่งได้ก็มีเพียงอาจารย์ที่ไว้ใจได้มากที่สุด
พอได้รู้ว่าคนที่จะมาเป็นเจ้าของใหม่บ้านหลังนี้มีสไตล์ความชอบร่วมกัน อาจารย์หลี่ก็ดีใจจนจับมือมู่เถาเยาพลางพูด “ฉันคิดว่าคนเป็นหมอจะชอบศิลปะสมัยใหม่มากกว่าเสียอีก”
กู่ย่ากับหลี่อวี้เสวี่ยก็ค่อนข้างประหลาดใจ
พวกเธอไม่รู้ความสามารถอื่นๆ ของลู่จือฉินจริงๆ ยกเว้นเรื่องการรักษาคน
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งมน “อาจารย์สามของหนูอาจเป็นกรณียกเว้นก็ได้ค่ะ”
“ไม่ว่ายังไงฉันก็ดีใจหมดจ้ะ อยากเจอหน้าจริงๆ”
“ตอนนี้อาจารย์สามอยู่ที่บ้านเกิดของหนูค่ะ พอหนูเปิดเทอมอาจารย์ก็จะมาด้วยกัน ถึงตอนนี้ต้องมีโอกาสได้เจอแน่ค่ะ”
“จ้ะ”
ทั้งหมดคุยกันอย่างออกอรรถรส
หลังจากกินอาหารเย็นที่แสนอร่อยเสร็จ ทุกคนก็ช่วยเก็บห้องกินข้าวและห้องครัว ทำความสะอาดเสร็จถึงไปยังด้านหลัง
บ้านของอาจารย์หลี่อยู่หลังตึกที่มู่เถาเยาอาศัยอยู่
มู่เถาเยายิ้มบาง “อาจเพราะหนูไม่ค่อยได้อยู่ที่นี่ถึงไม่เคยเจออาจารย์หลี่แม้แต่ครั้งเดียว แต่เคยได้ยินเสียงดนตรีค่ะ”
“ฉันก็ไม่เคยเจอหนูเลย ไม่เคยเจอหมอเทวดาหยวนด้วย”
“สิบแปดปีมานี้อาจารย์ใหญ่ของหนูไม่ค่อยกลับมาเมืองเย่ว์ตูค่ะ อาจารย์หลี่ไม่เจอก็ไม่แปลกค่ะ”
“งั้นตอนนี้หมอเทวดาหยวน?”
“ใช้ชีวิตเกษียณอยู่ที่เมืองกังตูบ้านเกิดของหนูค่ะ”
อาจารย์หลี่ถามด้วยความสงสัย “เมืองกังตูเหรอ ที่นั่นมีแดนสวรรค์ของชีวิตเกษียณด้วยเหรอจ๊ะ”
“เป็นแค่หมู่บ้านกลางเขาธรรมดาๆ ที่อยู่ค่อนข้างไกลค่ะ สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของอาจารย์หนูก็คือป่าเซียนโหยวที่อยู่หลังหมู่บ้านค่ะ”
“อ้อ เข้าใจแล้วจ้ะ ที่นั่นต้องมีสมุนไพรเยอะแน่! ป่าดงดิบที่ใหญ่สุดในโลกเลยนะ!”
ทุกคนต่างยิ้ม
อาจารย์หลี่เปิดประตูเปิดไฟ
“เข้ามาเลยจ้ะ ไม่ต้องถอดรองเท้าหรอก บ้านนี้ฉันอยู่คนเดียว ไม่ค่อยชอบเชิญแขกมาบ้าน เลยไม่ได้เตรียมรองเท้าแบบใช้ครั้งเดียวไว้”
ทุกคนเข้าใจ
“อาจารย์หลี่คะ ดูท่าทางอาจารย์จะทุ่มเทการตกแต่งที่นี่ไปไม่น้อยเลยนะคะ” มู่เถาเยาสังเกตเครื่องเรือนที่ทำจากไม้ราคาแพง
“ใช่จ้ะ วัสดุไม้พวกนี้ลูกชายเป็นคนหามา ฉันออกแบบ ทั้งยังคอยกำกับช่างให้ทำตามอย่างเคร่งครัดด้วย” อาจารย์หลี่ลูบโซฟาที่ทำจากไม้เนื้อทองพลางพูด
“ก็ไม่แปลกที่อาจารย์หลี่จะมีเงื่อนไขสูงสำหรับคนที่จะมาซื้อนะคะ” เครื่องเรือนทั้งหลังนี้มูลค่ารวมกันเกือบเท่าราคาบ้านแล้ว
อาจารย์หลี่พยักหน้า ยิ้มพูด “ฉันจะพาทุกคนไปชมรอบบ้านนะ”
หลังจากเดินครบหนึ่งรอบก็ไปหยุดที่ห้องเครื่องดนตรี
“นี่เป็นห้องที่ฉันชอบมาอยู่มากที่สุด พิณและซอ”
“อาจารย์หลี่เล่นพิณโบราณเป็นด้วยเหรอคะ” หลี่อวี้เสวี่ยตะลึง
ตอนอยู่ในคณะอาจารย์หลี่ไม่เคยแตะต้องพิณเลย
“แค่รู้พื้นฐานนิดหน่อยจ้ะ ไม่ถึงกับชำนาญ พิณตัวนี้สามีของฉันได้มาโดยบังเอิญ ช่วงปีแรกๆ ที่เขาจากไป ฉันผ่านมาได้เพราะมัน ก็เลยเรียนเองจนเล่นเป็นนิดหน่อย”
ดวงตาของมู่เถาเยาเปื้อนยิ้ม “อาจารย์หลี่ดูแลเครื่องดนตรีได้ดีมากเลยค่ะ”
“ฉันต้องลูบมันทุกวัน เสี่ยวเยาเยาเล่นพิณเป็นไหมจ๊ะ”
“ได้นิดหน่อยค่ะ เคยเรียนตอนเด็ก”
เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาเกินไป ตอนเด็กเธอไปเรียนโดยอ้างเหตุผลว่า ‘ชอบ’
อาจารย์ใหญ่กับอาจารย์รองไม่เคยถามเหตุผล และไม่สนด้วยว่าจะเป็นเพียงความชอบแค่ฉาบฉวยหรือไม่ ตราบใดที่เธอบอกว่าชอบ พวกเขาก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถหามาให้เธอ
“งั้นเล่นสักเพลงไหม จะได้ลองพิณตัวนี้พอดีด้วย มันยังไม่ถือว่าเคยถูกประเดิมเลยนะ”
“ได้ค่ะ”
มู่เถาเยานั่งลงหน้าพิณเจ็ดสาย คิดอยู่หลายวินาทีแล้วมือก็ขยับบราวนี่ออนไลน์
“ฉันมีแขก รับฟังเสียงพิณ…”
ทุกคนแทบกลั้นหายใจ กลัวเสียงหายใจของตัวเองจะไปรบกวนเสียงดนตรีอันไพเราะเข้า
บทเพลงจบลง ทุกคนนิ่งไปนานไม่ได้สติกลับมา
มู่เถาเยายิ้มบาง มือไล่ไปตามสายพิณ
เสียงเป่าเขาวัว ธงรบโบกสะบัด ม้าศึกหาญกล้า ฮึกเหิมเกรียงไกร
แม้ผลงานมากหากแต่ดุจฝุ่นธุลี เส้นทางแปดพันลี้เมฆากับจันทรา
ทุกคนตั้งใจฟัง บางช่วงรู้สึกฮึกเหิม บางช่วงรู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัว
ความรู้สึกขึ้นลงไปตามเสียงพิณ สุดท้ายแต่ละคนน้ำตานองหน้า
มู่เถาเยาเคยผ่านสงครามกรำศึก รู้ว่ามีผู้ชายตั้งเท่าไรที่ตายในสนามรถ วิญญาณไม่ได้กลับบ้านเกิด…
ตอนนี้พอนึกถึงก็ชวนให้เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก
ยิ่งเคียดแค้นคนเลวพวกนั้นที่ริเริ่มสงคราม ไม่เห็นชีวิตคนมีค่า
ใช่ ตอนแรกที่เธอเป็นจักรพรรดินีแค่เพียงเพื่อให้ครอบครัวเธอและครอบครัวยายอยู่รอดได้ ต่อมาเห็นราษฎรข้างนอกต้องทุกข์ยากถึงขั้นขายลูกกิน เธอก็ลืมความตั้งใจแรก และอยากทำให้บ้านเมืองสงบสุข
คนแก่ได้ตายอย่างสงบ คนฉกรรจ์ได้สร้างประโยชน์ เด็กมีอนาคต คนพิการเจ็บป่วยได้รับการดูแล
บุรุษมีหน้าที่ สตรีมีบ้านให้กลับ
ผู้คนไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีเพื่อทรัพย์สินอันมีค่า พยายามทำเพื่อส่วนรวมไม่ใช่ส่วนตน ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะลักขโมย ทำร้ายผู้อื่น ก็จะไม่เกิดขึ้น นี่คือโลกในอุดมคติ
ต้องการโลกที่เป็นแบบนี้
ความคิดก่อเกิดไม่หยุด ไม่นานเธอก็เกิดความทะเยอทะยาน ยอมทำทุกอย่างเพื่อสิ่งนี้
—————————–