บทที่ 287 หากเธอท้องก่อนแต่ง คุณแม่คิดว่ามันน่าตื่นเต้นกว่าไหมล่ะครับ

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

หยานชิงเจ๋อไปห้องเก็บหนังสือคนเดียว แต่ว่ากลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศในห้องรับแขกที่แสนครึกครื้น

เป็นเพราะทุกคนต่างก็ดื่ม ดังนั้นเมื่อมูเฉินบอกว่าที่บ้านมีชุดเครื่องเสียงสามารถร้องเพลงได้ ฟู่สีเกอเลยรีบพูดขึ้นก่อนว่าเขาจะร้องเป็นคนแรก

สุดท้ายเขากลับร้องเพลงที่เกี่ยวกับความรักเกือบทุกเพลง สือมูเฉินทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงเตะเขาออกไปและปล่อยให้ลั่วฝานหวาร้องเป็นคนต่อไป

ลั่วฝานหวาร้องเพลงภาษาอังกฤษชื่อเพลง “she”

ต้องบอกว่าถึงแม้เขาจะไม่ค่อยชำนาญในการร้องเพลง แต่เสียงของเขานั้นไพเราะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในน้ำเสียงนั้น ซึ่งทำให้คนฟังรู้สึกสบายหูและทำให้เข้าถึงอารมณ์เพลงได้ง่าย

หลังจากที่เขาร้องเพลงจบแล้ว เขาก็พูดกับซูสือจิ่นว่า: “สือจิ่น เพลงเมื่อสักครู่นี้มอบให้เธอนะ!”

“ว้าว!” เฉียวโยวโยวตาลุกวาว: “โรแมนติกจังเลย!”

ฟู่สีเกอบีบหน้าของเฉียวโยวโยว: “นี่ เจ้าโยวเด็กโง่ เมื่อกี้นี้ผมร้องเพลงให้คุณไปตั้งหลายเพลง คุณไม่รู้สึกว่ามันจะโรแมนติกบ้างเลยเหรอ?!”

เฉียวโยวโยวจงใจยกริมฝีปากของเธอ: “คุณร้องได้ไม่เพราะเท่าคนอื่นนี่นา!”

ฟู่สีเกอกดเธอลงบนโซฟาและจั๊กจี้เธอพร้อมถามว่า: “ใครร้องดีกว่ากัน?”

เฉียวโยวโยวหน้าแดงก่ำและยืนกรานว่า: “ฝานหวาร้องได้ดีกว่า!”

“หือ?” ฟู่สีเกอยิ่งจั๊กจี้เธอแรงมากขึ้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า……อ่า จั๊กจี้จะตายแล้ว……” เฉียวโยวโยวกลิ้งตัวไปมาบนโซฟา: “เลิกจั๊กจี้ได้แล้ว คุณร้องเพลงได้ดีที่สุดในโลกเลย……อุ้ย……”

“ผมเป็นใคร?” ฟู่สีเกอยิ่งได้ใจขยับเข้าไปใกล้เฉียวโยวโยวอีก

“เสื่อฤดูร้อนที่มีกลิ่นเหม็น!” เฉียวโยวโยวกล่าวว่า: “ฮ่าฮ่า……โอ้ ไม่ มันเป็นเสื่อฤดูร้อนที่หล่อเหลาต่างหาก……”

“ครั้งนี้ถือว่ารอดตัวไป” ในขณะที่ฟู่สีเกอพูดอยู่นั้น เขากัดที่ริมฝีปากของเฉียวโยวโยวแล้วปล่อยเธอไป

เฉียวโยวโยวลุกขึ้นนั่ง เพราะว่าโดนจั๊กจี้หัวเราะมากเกินไปจนทำให้หน้าแดงก่ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ราวกับว่าเธอถูกรังแกจนหมดสภาพยังไงยังงั้นแหละ……

“มานี่มา เจ้าโยวเด็กโง่ เดี๋ยวผมจะทำทรงผมให้คุณ” ฟู่สีเกอเป็นผู้หวังดีที่ประสงค์ร้าย

ในขณะนั้น จู่ ๆ ประตูห้องเก็บหนังสือก็เปิดออก และหยานชิงเจ๋อก็เดินออกมา เขาแย่งไมโครโฟนจากมือของลั่วฝานหวา จากนั้นเขาก็กดเลือกเพลงโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“ชิงเจ๋อ?” ฟู่สีเกอกำลังช่วยเฉียวโยวโยวจัดระเบียบผมของเธอ และเมื่อเห็นหยานชิงเจ๋อเดินออกมา เขาก็พูดกับหยานชิงเจ๋อว่า: “ทำไมต้องทำท่าทางไม่พอใจอย่างนั้นล่ะ? ระยะนี้เก็บกดมากไม่ได้ปลดปล่อยใช่ไหม?”

“ทำไมคุณถึงคิดแต่เรื่องอย่างว่าตลอดเลย?” เฉียวโยวโยวมองฟู่สีเกอตาขวาง: “คุณไม่เห็นหรอกเหรอว่าชิงเจ๋อเท่มากขนาดนั้น?”

ฟู่สีเกอหรี่ตาของเขา: “ดูเหมือนว่าวันนี้ไม่ว่าคุณจะดูใครก็หล่อเหลาไปหมดอย่างนั้นเหรอ?หืม?”

เฉียวโยวโยวเดินก้าวถอยหลัง: “คุณจะทำอะไร?”

ฟู่สีเกอคว้าข้อมือของเฉียวโยวโยวพร้อมพูดกับคนในห้องรับแขกว่า: “เราจะออกไปสูดอากาศข้างนอกกันหน่อย!”

“นี่ ใครบอกว่าจะไปสูดอากาศข้างนอกกันเล่า?!” เฉียวโยวโยวถูกฟู่สีเกอลากออกไป เธอรู้สึกกังวลฉายออกมาทีละน้อย

“สีเกอ คุณห้ามรังแกโยวโยวของฉันนะ!” หลานเสี่ยวถางตะโกนตามหลัง: “ถ้าหาคุณกล้ารังแกโยวโยวแล้วล่ะก็ เดี๋ยวฉันจะสั่งให้มูเฉินจัดการคุณแน่ ๆ!”

เมื่อสือมูเฉินได้ยินแบบนี้ เขาก็เม้มริมฝีปาก แต่ก็ยังคงคล้อยตามเออออคำพูดของภรรยาสุดที่รักและพูดกับฟู่สีเกอว่า: “เสี่ยวถางพูดถูก สีเกอ ทำอะไรต้องมีขอบเขตนิดนึงนะ!”

เฉียวโยวโยวถูกฟู่สีเกอดึงออกมาจากคฤหาสน์

เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว เธอดันสวมแค่เสื้อสเวตเตอร์บางๆทำให้รู้สึกหนาวขึ้นมา

เธอผลักฟู่สีเกอ: “นี่ คุณต้องการจะทำอะไรกันแน่?!”

ฟู่สีเกอกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา พิงกับผนังของคฤหาสน์ จากนั้นก้มศีรษะลงจูบเธอ

เป็นเพราะเขาโอบกอดเธอไว้ จู่ ๆเธอก็ทำให้ความหนาวในร่างกายไปทันที

ในขณะนั้น แสงไฟสีส้มสลัวเหนือศีรษะของเขาส่องลงมา แสงไฟเข้าปกคลุมตัวฟู่สีเกอ

การเต้นของหัวใจเฉียวโยวโยวเต้นแรงถี่ขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อฟู่สีเกอเริ่มจูบเธอ เธอก็หลับตาลง

ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มที่ผนังคฤหาสน์ จึงไม่รู้ว่าเลยมีคนกำลังเดินมาทางที่พวกเขาทั้งสองยืนอยู่

เมิ่งซินหรุ่ยมองเห็นจากไกล ๆหน้าคฤหาสน์ของสือมูเฉินเหมือนมีคนยืนอยู่

เธอระแวดระวังเล็กน้อย และมองที่ประตูคฤหาสน์ซึ่งปิดอยู่

จากนั้นเธอก็มองไปที่คนๆนั้นอีกครั้ง

เพราะระยะทางไกล เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนตัวสูงโปร่งเท่านั้น แต่เธอไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมีสองคนยืนกอดกันอยู่

เธอประหม่าเล็กน้อย และรู้สึกโชคดีมากที่ก่อนออกมาเมื่อครู่นี้ เธอแสร้งทำเป็นไปเยี่ยมบ้านของสือมูเฉินและถือกระเป๋าถือติดมือมาด้วย

เธอหยิบสเปรย์พริกไทยออกจากกระเป๋าถือของเธอ จากนั้นถือไว้ในมือแล้วเดินต่อไป

เธอเดินเข้าไปใกล้อย่างช้าๆและระมัดระวังตัว เวลานี้เธอพึ่งรู้ว่ามีอยู่สองคน อีกทั้งคนสูงโปร่งคนนั้นดูคุ้นๆมาก

ดูเหมือนว่าเป็นลูกชายของเธอ!

เมิ่งซินหรุ่ยรู้สึกหัวใจกระตุบวูบ

ลูกชายคนนี้กลางค่ำกลางคืน แอบพาใครไม่รู้มาจูบกันนอกคฤหาสน์คนอื่นแบบนี้เนี่ยนะ เป็นไปได้ไหมว่าเขาจูบผู้ชาย? ! มิฉะนั้นจะหลบซ่อนทำไม? !

เมิ่งซินหลุ่ยสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็กลั้นหายใจและก้าวไปข้างหน้า

หลังจากเดินเข้าไปใกล้แล้ว เธอรู้สึกโล่งใจอย่างมาก

โชคดีที่เธอเป็นผู้หญิง และมีอวัยวะครบสามสิบสอง

ทั้งสองคนในจูบตอบกันเร่าร้อน และไม่ทันสังเกตการเข้าใกล้ของเธอเลยสักนิด

ทำให้เมิ่งซินหรุ่ยขยับเข้าไปใกล้อีก โดยต้องการดูว่าทักษะการจูบของลูกชายของเธอเป็นอย่างไร อีกทั้งดูว่าใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร

ในขณะนี้เฉียวโยวโยวกำลังต่อสู้กับฟู่สีเกอ ทว่าแรงปรารถนาแห่งความใคร่อันไร้ขีดจำกัด เขาต้องการครอบครองเธอ แต่เธอไม่ยอมและต้องการเอาคืนเขา

ทั้งสองต่างจูบอย่างไม่ยอมกัน อากาศในปอดเริ่มสั้นลง และเฉียวโยวโยวรู้สึกเพียงว่าสมองขาดอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ

เธอต้องการหายใจ แต่ฟู่สีเกอกอดเธอไว้แน่น หน้าอกของเขากดการหายใจทั้งหมดของเธอ ทำให้เธอแทบจะเป็นลมในอ้อมแขนของเขา

ฟู่สีเกอรู้สึกว่าพลังของเฉียวโยวโยวอ่อนแอลง ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเป็นการจูบที่นุ่มนวล

ความแข็งแกร่งแรกเริ่มนั้นค่อยๆ อ่อนโยนลง ราวกับสายลมและละอองฝนที่แผ่วเบา ซึ่งทำให้เฉียวโยวโยวที่ค่อนข้างมึนงงอยู่นั้นกลับมาได้สติอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เลือดไหลเวียนเร็วกว่าปกติ และร่างกายเริ่มร้อนขึ้นทั้งที่เป็นช่วงฤดูหนาว แต่เธอกลับมีเหงื่อซึมออกมานิดหน่อย

แถมยังมีความรู้สึกโหวง ๆ ในร่างกาย และเธออยากอยู่ใกล้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ……

เธอตกใจกับความคิดของตัวเอง เมื่อใดกันที่เธอมีตัณหาถึงขนาดนี้ เธอถูกเขาจูบแล้วเธอก็อยากจะได้มากกว่านี้.……

ฟู่สีเกอสังเกตเห็นว่าเฉียวโยวโยวดูเหมือนกำลังดิ้นรนอะไรอยู่ เขาจึงค่อย ๆ ปล่อยเธอ และปลายจมูกของเขาแนบกับเธอและริมฝีปากของเขาดูเหมือนจะกวาดไปทั่วใบหน้าเธอ จูบนั้นทำให้หายใจไม่ออก

อีกด้านหนึ่ง เมิ่งซินหรุ่ยที่เฝ้าดูอย่างตั้งใจ ทักษะการจูบของลูกชายของเธอช่างน่าทึ่งจริง ๆ! ดีกว่าพ่อของเขาในสมัยวัยรุ่นเสียอีก คลื่นลูกใหม่ มักจะแรงกว่าคลื่นลูกเก่าจริง ๆ!

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นฟู่สีเกอจูบกับผู้หญิงแบบนี้ เมิ่งซินหรุ่ยก็รู้สึกผิดหวังอีกครั้ง

เธอเลี้ยงดูฟู่สีเกออย่างทะนุถนอมมาขนาดนี้ และตอนนี้กำลังจะถูกคนอื่นแย่งไป เธอรู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก

ลูกชายของเธอกำลังจะถูกผู้หญิงอื่นแย่งไปแล้ว โอ้ เธอช่างน่าสงสารจริง ๆ!

ในขณะนี้ นิ้วของฟู่สีเกอสอดผ่านเส้นผมของเฉียวโยวโยว เขาจับใบหน้าของเธอและกำลังจะพูด——

ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่ง!

เขากระโดดอย่างกะทันหัน เขาโอบเฉียวโยวโยวกลับเข้าไปในอ้อมแขนของเขา แล้วพูดกับร่างนั้นว่า: “ใคร?!”

เมิ่งซินหรุ่ยกำลังรู้สึกเศร้าเสียใจอยู่ขณะนั้น เธอไม่ทันระวังถูกเสียงคำรามของฟู่สีเกอจนเธอถึงกับตกใจผงะ: “อ่า!”

เธอถือสเปรย์พริกไทยไว้ในมือแล้วกดใส่ไปที่ฟู่สีเกอโดยตามสัญชาตญาณ!

“อา?!” ฟู่สีเกอเพียงรู้สึกได้ถึงกลิ่นที่ทำให้หายใจไม่ออกแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้า ดวงตาของเขารู้สึกเจ็บแสบ และในขณะนั้นเขาไม่สามารถลืมตาดูได้เลย

“เสื่อฤดูร้อน เกิดอะไรขึ้น?” เฉียวโยวโยวรีบออกจากอ้อมแขนของเขา และเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ใต้แสงไฟสลัวซึ่งดูไม่เหมือนวัยรุ่นเลย

ฟู่สีเกอได้รับบาดเจ็บจากบางสิ่งในมือของเธอ!

ในขณะนี้เมิ่งซินหรุ่ยรู้สึกผิดอย่างมาก พอเธอรู้สึกตื่นตระหนกตกใจ เธอจึงใช้สเปรย์พริกไทยฉีดไปที่ฟู่สีเกอทันที? !

เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และไปดูว่าฟู่สีเกอเป็นอย่างไรบ้าง

เฉียวโยวโยวก้าวไปข้างหน้าและยืนอยู่ข้างหน้าฟู่สีเกอ และพูดกับเมิ่งซินหรุ่ยอย่างดุเดือด: “คุณเป็นใคร ทำไมถึงทำร้ายแฟนของฉันด้วย! คุณอย่าคิดว่าจะหนีไปไหนได้ เราจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!”

“โยวโยว ระวัง ในมือของเธอ……” ฟู่สีเกอปิดตาในขณะที่พูด

เมื่อเมิ่งซินหรุ่ยเห็นว่าเพื่อฟู่สีเกอและเฉียวโยวโยวดุใส่เธอ ด้านหนึ่งเธอก็รู้สึกโล่งใจและอีกด้านหนึ่งเธอก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมา: “เขาเป็นลูกชายของฉัน ฉันจะสั่งสอนเขาหน่อยจะเป็นไรไปล่ะ?!”

“หือ?!” เฉียวโยวโยวสับสน

เมื่อฟู่สีเกอได้ยินน้ำเสียงนั้น เขาก็จำเสียงที่คุ้นเคยและรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เขาหรี่ตาพร้อมพูดว่า: “แม่?”

“เสื่อฤดูร้อนตัวน้อย ตาของลูกยังโอเคไหม?” เมิ่งซินหรุ่ยเดินก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างรวดเร็ว: “ไหนแม่ดูหน่อยสิ?”

“คุณแม่ครับ ทำไมคุณแม่ถึงโหดร้ายทำกับลูกชายของคุณแม่ได้ขนาดนี้ล่ะครับ!” ฟู่สีเกอพูดอะไรไม่ออก : “โชคดีที่เมื่อกี้นี้ผมหลบทัน ตอนนี้เลยแสบตานิดหน่อย อีกสักพักคงจะดีขึ้นแล้ว”

“น้ำเสียงตะโกนเมื่อกี้นี้ทำให้แม่ตกใจแทบแย่ –” เมื่อเมิ่งซินหรุ่ยพูดแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกผิดอย่างมาก

ฟู่สีเกอทำอะไรไม่ถูก: “เอาล่ะ มันเป็นความผิดของผมทั้งหมดเองครับ”

เมื่อเห็นว่าดวงตาของฟู่สีเกอดีขึ้นมาก เมิ่งซินหรุ่ยก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น เธอหันไปมองทางเฉียวโยวโยว อยากถามเฉียวโยวโยวมากแต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ถามอะไร

ทำไมฟู่สีเกอถึงจะไม่รู้ว่าแม่ของตัวเองนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงคว้าไหล่เฉียวโยวโยวไว้: “โยวโยว นี่คือคุณแม่ของผม คุณแม่ครับ เธอเป็นแฟนของผมครับ เธอชื่อเฉียวโยวโยว”

“สวัสดีคุณป้า!” เฉียวโยวโยวสับสนวุ่นวายอยู่ในใจของเธอ เพราะเรื่องของหลานเสี่ยวถาง เมื่อเธอนึกถึงคำว่า‘แม่ผัวไฮโซ’แล้วเธอก็รู้สึกกลัวตามสัญชาตญาณ

“เฉียวโยวโยว?” เมิ่งซินหรุ่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “ถ้าอย่างนั้นฉันเรียกคุณว่าโยวโยวได้ไหม?”

เฉียวโยวโยวรู้สึกมึนงงเล็กน้อย คุณแม่ของฟู่สีเกอใจดีขนาดนั้นเลยเหรอ?

เธอพยักหน้าอย่างรวดเร็ว: “ได้ค่ะ คุณป้า”

เมิ่งซินหรุ่ยกล่าวว่า: “โยวโยว แล้วชื่อภาษาอังกฤษของเธอคือ YOYO ใช่ไหมจ๊ะ?”

เฉียวโยวโยวไม่เข้าใจความคิดของเธอ แต่เธอยังคงตอบอย่างเชื่อฟังว่า: “ใช่ค่ะ คุณป้า”

“YO-YO ในภาษาอังกฤษหมายถึงโยโย่ใช่ไหม” เมิ่งซินหรุ่ยกล่าวต่อ: “ตอนเด็ก ๆนั้นเสื่อฤดูร้อนชอบเล่นโยโย่มากเลย เมื่อโตขึ้น ก็ไปหาคุณ……”

ฟู่สีเกอกุมขมับ: “คุณแม่ครับ คุณแม่พูดอะไรที่มันมีสาระกว่านี้หน่อยดีไหมครับ?” คุณแม่อย่าคิดนอกเรื่องได้ไหมครับเนี่ย? !

“แม่กำลังคิดถึงเรื่องชะตาลิขิต ทำไมลูกถึงพูดว่าไม่มีสาระล่ะ?!” เมิ่งซินหรุ่ยเคาะที่หน้าผากของฟู่สีเกอ: “ลูกนั่นแหละ อากาศหนาวเย็นขนาดนี้ลูกไม่จูบกันในคฤหาสน์แต่กลับมาจูบกันนอกคฤหาสน์แบบนี้เนี่ยนะ?! นี่พวกลูกกำลังพลอดรักกันหลบ ๆซ่อน ๆกันแบบนี้นะหรือ?”

เฉียวโยวโยวตกใจกับคำพูดของเมิ่งซินหรุ่ย แต่ฟู่สีเกอพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า: “ใช่สินะ ไม่คิดว่าแบบนี้มันจะดูน่าตื่นเต้นกว่าปกติเหรอ?!”

ในขณะที่เขาพูดอยู่นั้น เขาขยับเดินเข้าไปใกล้เมิ่งซินหรุ่ยพร้อมกระซิบว่า: “คุณแม่ครับ ถ้าหากเธอท้องแล้วล่ะ หากเธอท้องก่อนแต่ง คุณแม่คิดว่ามันน่าตื่นเต้นกว่าไหมล่ะครับ? !”

เมื่อเมิ่งซินหรุ่ยไม่ได้ยินคำว่า ‘ถ้าหาก’ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นทันใด หัวใจของเธอเต้นเร็วถี่ขึ้นเรื่อย ๆแล้วมองไปที่โยวโยว: “โยโย่ นี่เธอท้องแล้วเหรอ?!”