ในที่สุดเฉียวโยวโยวก็รู้แล้วว่าทำไมฟู่สีเกอชอบตั้งฉายาให้ผู้คนนั้นเหมือนใคร ……

เธอกลับถูกคุณแม่ของฟู่สีเกอตั้งฉายาว่าโยโย่แบบนี้……

อย่างไรก็ตามฟู่สีเกอไม่ได้รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมตรงไหน

แต่กลับกันหลังจากเขาได้ฟังคำพูดของคุณแม่แล้ว ดวงตาของเขาขยับ และฝ่ามือของเขาก็เอื้อมไปที่ช่องท้องส่วนล่างของเฉียวโยวโยว: “คุณแม่ครับ ลูกชายของคุณแม่น่าทึ่งมากไหมล่ะครับ?!”

“ไม่เลว วันไหนถึงกำหนดคลอดล่ะ?” เมิ่งซินหรุ่ยเกิดรู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกว่าลูกชายของเธอกำลังจะถูกพรากจากไป

เพราะยังไงซะ เสียลูกชายไปคนหนึ่ง แต่ก็ได้หลานกลับมาหนึ่งคน แบบนี้ก็พอรับได้!

ในที่สุดเฉียวโยวโยวก็เข้าใจได้ในทันที เพราะอยู่ต่อหน้าเมิ่งซินหรุ่ย เธอไม่สามารถพูดอะไรได้ เธอทำได้เพียงแต่ยิ้มและบอกเป็นนัย ๆ ให้กับฟู่สีเกอ

“วันที่กำหนดคลอดน่าจะกลางปีหน้าครับ คุณแม่มองดูสิครับ ท้องของเธอเรียบแบนขนาดนี้ และเธอก็พึ่งตั้งครรภ์ไม่นาน” ฟู่สีเกอเพิกเฉยต่อคำใบ้ของเฉียวโยวโยวโดยสิ้นเชิง

เมิ่งซินหรุ่ยพยักหน้าเห็นด้วยแล้วถามว่า: “แล้วพวกลูกวางแผนจะแต่งงานกันเมื่อไหร่?”

ฟู่สีเกอคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาเคยคิดเรื่องแต่งงานมาก่อน แต่เขากับเฉียวโยวโยว เพิ่งจะคบกันได้ไม่นาน แล้วการแต่งงานนั้นมันเป็นเรื่องที่ต้องแบกรับไปตลอดชีวิต ทางที่ดีให้ทุกอย่างมันมั่นคงกว่านี้ค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกทีละกัน

เขาส่ายหัว :“ผมยังไม่ได้คิดเลยครับ ยังไงซะพวกเราก็ยังอายุกันอยู่ รอให้คบกันไปอีกสักระยะก่อนเถอะครับ ……”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฟู่สีเกอก็รู้สึกหน้าผากของเขาสั่นอย่างรุนแรง

เมิ่งซินหรุ่ยมองเขาอย่างโกรธเคือง: “เจ้าเสื่อฤดูร้อนเลว นี่ทำผู้หญิงคนอื่นท้องโตแล้วยังจะไม่รับผิดชอบอีกเหรอ! ฮึ่ม ทำไมฉันถึงมีลูกชายที่สารเลวขนาดนี้ด้วยนะ?! เป็นเพราะว่าได้ยีนสารเลวมาจากคุณพ่อแกแน่เลย?!”

เมื่อฟู่สีเกอเห็นว่าเมิ่งซินหรุ่ยจริงจังมาก เขาก็รีบเกลี้ยกล่อมเธอ: “คุณแม่ครับ ผมไม่ได้บอกว่าจะไม่แต่งงาน แต่คุณแม่ก็ควรจะรอให้ผมขอเธอแต่งงานอย่างเป็นทางการก่อนค่อยวันกันอีกทีสิครับ นอกจากนี้ โยวโยวก็อยู่ข้าง ๆนี้ด้วย เธอก็อายเป็นนะครับ ”

เมิ่งซินหรุ่ยกะพริบตา พูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสารว่า: “วันนั้นแม่ไปดูแลผิวพรรณกับเพื่อนบ้านคุณนายจาง เธอบอกว่าลูกสะใภ้ของเธอตั้งครรภ์ลูกแฝดและได้อัลตราซาวนด์แล้ว เป็นเจ้าหญิงน้อยทั้งสองคนเลย”

ฟู่สีเกอหัวเราะ: “คุณแม่อิจฉาเหรอครับ?”

เมิ่งซินหรุ่ยยังคงทำตัวเหมือนเด็กน้อยแสนอ้อนต่อหน้าลูกชายของเธอ: “เธอเอาแต่คิดว่าในอนาคตเด็กเกิดออกมาแล้วต้องวางแผนอย่างไร และเวลานั้นแม่จึงบอกเธอว่าแค่ลูกสะใภ้ของเธอตั้งครรภ์แฝดแล้วไงกัน ในอนาคตลูกสะใภ้ของฉันต้องตั้งครรภ์แฝดชายหญิงอย่างแน่นอน !”

ฟู่สีเกอกุมขมับ ……

เฉียวโยวโยวพูดไม่ออก……

ทั้งสองรู้สึกกดดันและเครียดมาก

“คุณแม่ครับ การตั้งครรภ์เป็นเรื่องใหญ่……” ฟู่สีเกอกลืนน้ำลายของเขา: “ไม่ใช่ว่าต้องการมีลูกแฝดชายหญิงก็มีได้เลยนะครับ คุณแม่ดูสิครับ ทั้งคุณแม่และคุณพ่อก็ไม่มียีนแบบนั้น ผม…… ”

“โยโย่ ครอบครัวของเธอมียีนแบบนี้หรือเปล่า?” เมิ่งซินหรุ่ยตัดบทพูดของฟู่สีเกอ ดวงตาของเธอจ้องมองไปที่เฉียวโยวโยวด้วยดวงตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส: “ลูกในท้องได้ทำอัลตราซาวนด์แล้วหรือยัง มีหนึ่งคนหรือสองคนล่ะ?”

ฟู่สีเกอรู้สึกว่าเรื่องที่พูดเล่นเมื่อกี้นี้ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ……

เขาลูบหัว: “คุณแม่ครับ ความจริงแล้ว……”

“ถ้าลูกบอกว่าโยโย่ไม่ได้ตั้งครรภ์จริง ๆ แม่จะไม่สนใจแกอีกต่อไปแล้ว” เมิ่งซินหรุ่ยหันกลับไป: “ถ้าแกกล้าโกหกแม่แล้วล่ะก็ เดี๋ยวคุณแม่จะบอกคุณพ่อให้แกไปดูแลบริษัทซะเลย ดูซิว่าแกยังทำเป็นเล่นได้อีกไหม?!”

ฟู่สีเกอตกตะลึงไปชั่วขณะ และรีบกอดแขนเมิ่งซินหรุ่ย: “คุณแม่ครับ อันที่จริงคุณแม่ต้องคิดแบบนี้สิครับ ถ้าผมดูแลบริษัทใหญ่แล้วทำให้ผมเหนื่อยเกินไป พอกลับถึงบ้านผมไม่มีเรี่ยวแรง ผมก็ไม่สามารถมีหลานแฝดชายหญิงให้กับคุณแม่ได้แล้วนะครับ”

เมิ่งซินหรุ่ยมองไปที่เขา: “ดังนั้นการตั้งครรภ์ที่กล่าวถึงเมื่อกี้นี้นั้นเป็นเรื่องหลอก ๆอย่างงั้นเหรอ?”

ฟู่สีเกอพยักหน้า: “คุณแม่อย่าโกรธนะครับ ตอนนี้ไม่มี ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะไม่มีนี่ครับ ……”

เมิ่งซินหรุ่ยไม่ได้โกรธเลยสักนิด: “ไม่ตั้งครรภ์ยิ่งดีกว่า เดี๋ยวแม่ไปค้นหาดูว่าจะให้ตั้งครรภ์ลูกแฝดชายหญิงนั้นต้องทำยังไง!”

ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็ไปจับมือเฉียว โยวโยว : “โยโย่ เธอเป็นแฟนของเสื่อฤดูร้อน แต่กลับไปพักอาศัยอยู่คฤหาสน์ของมูเฉินมันดูไม่เหมาะสม ต่อไปก็ย้ายไปอยู่กับเสื่อฤดูร้อนเลย เดี๋ยวแม่จะจ้างคนศึกษาอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการให้! ในอนาคตต้องคลอดลูกแฝดชายหญิงได้อย่างแน่นอน!”

ฟู่สีเกอรู้สึกเพียงว่า คุณแม่ของตัวเองนั้นเป็นคนที่ความคิดจินตนาการเรื่อยเปื่อยเกินไปมาก แต่คำพูดของวันนี้มันกลับฟังดูลึกซึ้งเหลือเกิน!

เมื่อโอกาสมาถึงเขาก็รีบคว้าไว้ทันที: “ใช่สิ โยโย่ ตอนนี้เสี่ยวถางตั้งครรภ์แล้วก็คงจะไม่สะดวก ดังนั้นต่อไปนี้คุณก็ย้ายมาอยู่กับผม อย่างไรก็ตาม ทั้งสองครอบครัวก็อยู่ไม่ไกลกันมาก หากคุณอยากไปเยี่ยมเสี่ยวถางมันก็สะดวกมากอีกด้วย ”

ภายใต้การหว่านล้อมของเมิ่งซินหรุ่ยและฟู่สีเกอนั้น เฉียวโยวโยวพยักหน้าพร้อมพูดว่า: “ค่ะ……”

ดวงตาของฟู่สีเกอเป็นประกาย: “งั้นย้ายคืนนี้เลย!”

ฮ่าฮ่าฮ่า เขาแค่อยากจะหัวเราะขึ้นไปบนท้องฟ้าดัง ๆ และในที่สุดชีวิตนักบวชก็จบสิ้นแล้ว!

ฟู่สีเกอมองไปที่คุณแม่ของตัวเองและพูดอย่างประจบสอพลอว่า: “คุณแม่ครับ ไหล่ของคุณแม่เจ็บไหมครับ เดี๋ยวลูกชายจะนวดให้คุณแม่ดีไหมครับ?”

เมิ่งซินหรุ่ยทำตาขวาง: “นี่แม่ยังไม่แก่นะ! ปีนี้อายุยังไม่ถึง 50 ปีเลย!”

“ใช่ครับ คุณแม่ยังสาวแถมสวยมาก!” ฟู่สีเกอเห็นด้วยทันที

“เดี๋ยวแม่จะไปทำความสะอาดห้องให้พวกลูก” เมิ่งซินหรุ่ยพูดว่า: “ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวคุณแม่จะพาคุณพ่อกลับคืนนี้เลย จะได้ไม่เป็นก้างขวางคอพวกลูกอย่างแน่นอนจ๊ะ!”

ในขณะที่พูดอยู่นั้น เธอจึงรีบเดินกลับไปอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดลูกชายก็สละโสดเสียที ดูเหมือนเมิ่งซินหรุ่ยจะเห็นลูกแฝดชายหญิงกวักมือเรียกเธอยังไงอย่างงั้นแหละ! เธอต้องเอาชนะคุณนายจางให้ได้!

“สวัสดีค่ะคุณป้า!” เฉียวโยวโยวพูด: “เสื่อฤดูร้อน คุณควรจะไปส่งคุณป้าหน่อยไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่เป็นไรหรอก อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวเอง” ฟู่สีเกอเลิกคิ้วขึ้น: “ลูกสะใภ้ขี้เหร่เจอหน้าแม่ผัวแล้ว ……”

“คุณว่าฉันขี้เหร่เหรอ?!” เฉียวโยวโยวหยิกใบหน้าของฟู่สีเกอ

“ลูกสะใภ้คนสวย แบบนี้โอเคยัง?” ฟู่สีเกอยิ้มและเอนตัวไปกระซิบที่ข้างหูของเฉียวโยวโยว: “มีลูกแฝดให้ผมหน่อยนะ?”

เฉียวโยวโยวรู้สึกเพียงว่าลมหายใจที่เป่ารดหูแล้วเจาะเข้าไปในหัวใจของเธอ ทำให้เธอรู้สึกคันและชาไปทั้งตัว

เธอผลักเขาออก: “นี่เรายังไม่ได้แต่งงานกันเลย คลอดลูกอะไรกัน นี่คุณคิดว่าฉันเป็นแม่หมูเหรอ!”

ฟู่สีเกอใช้โอกาสนี้คว้ามือของเฉียวโยวโยวแนบบนหน้าอกของเขา: “ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้เราก็ไปจดทะเบียนสมรสกันดีไหม?”

เฉียวโยวโยวผงะ แล้วเธอรู้สึกว่าฟู่สีเกอแค่พูดล้อเล่น ดังนั้นเธอจึงตอบกลับว่า: “จดก็จดสิ ใครกลัวกันล่ะ!”

ฟู่สีเกอตกตะลึงเป็นเวลาสองวินาที และพูดอย่างจริงจังว่า: “คุณเห็นด้วยเหรอ ? โอเค คุณแม่ผมอยู่พอดี เดี๋ยวผมถามคุณแม่ก่อนว่าท่านเอาทะเบียนบ้านไว้ที่ไหน พรุ่งนี้เราจะไปจดทะเบียนสมรสที่ว่าการอำเภอแต่เช้ากันเลย ”

เฉียวโยวโยวตกตะลึง: “นี่คุณเอาจริงเหรอ?”

ฟู่สีเกอมองเธอตาขวาง: “หรือคุณอยากจดทะเบียนโดยหลอก ๆล่ะ?”

“คุณบอกว่าคุณจะคบหาดูใจกัน ศึกษาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อให้มั่นใจกว่านี้หน่อยไม่ใช่เหรอ ” เฉียวโยวโยวกล่าว

“จู่ ๆ ผมก็รู้สึกว่าจดทะเบียนสมรสก่อนแล้วค่อยศึกษาดูใจไปด้วยแบบนี้ก็ได้นี่” ฟู่สีเกอพูดอย่างเป็นธรรมชาติ: “แต่ผมรู้สึกว่ามือของคุณนุ่มมาก ไม่จำเป็นต้องศึกษาไปมากกว่านี้แล้วล่ะ”

“คุณ—” เฉียวโยวโยวหยิกเอวของฟู่สีเกอ

“ตกลง โอเค รอจนกว่าผมไปพบคุณแม่และคุณพ่อของคุณก่อนค่อยคุยกันอีกที……” ฟู่สีเกอจับไหล่เฉียวโยวโยว: “ขึ้นไปเก็บข้าวของก่อน แล้วเดี๋ยวย้ายบ้านกันเลย”

ชั้นบน หยานชิงเจ๋อจ้องไปที่หน้าจอและกำลังร้องเพลงอยู่: “ให้ฉันดูคุณอีกครั้ง จากใต้สู่เหนือ เหมือนถูกปิดตาที่ถนนวงแหวนที่ห้า โปรดบอกฉันอีกครั้ง เกี่ยวกับเรื่องในวันนั้น ……”

ทันทีที่ฟู่สีเกอขึ้นมา ฟู่สีเกอก็ได้ยินเพลงที่เขาร้องและอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย: “ชิงเจ๋อ เพลง “สะพานอันเหอ” เพลงนี้ เมื่อสองสามวันก่อนเซวียจือเชียนร้องให้กับอดีตภรรยาของเขา คุณร้องเข้าถึงอารมณ์เพลงขนาดนี้คุณมีความหมายอะไรแอบแฝงไว้หรือเปล่านะ?”

ซูสือจิ่นไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน ยิ่งไม่รู้ความหมายของเพลงนี้เลยสักนิด หลังจากได้ยินคำพูดของฟู่สีเกอ เธอก็หันหน้าไปมองหยานชิงเจ๋อโดยอัตโนมัติ

ในหัวใจเธอเริ่มกระวนกระวายและซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย หรือว่าเขาต้องการหย่ากับเธออย่างนั้นเหรอ? !

มองหยานชิงเจ๋อเพิกเฉยต่อคำถามของฟู่สีเกอ หลังจากที่เขาร้องจนจบเพลง จากนั้นจึงวางไมโครโฟนลงและพูดเบา ๆ ว่า: “มันหมายถึงตามตัวอักษรบนจอนั่นแหละ”

“คุณหมายความว่าอย่างไร อะไรคือความหมายตามตัวอักษรบนจอ?” ฟู่สีเกอรู้สึกสับสนและหยุดคิดเรื่องนี้ทันที และประกาศกับทุกคนว่า: “โยวโยว กำลังจะย้ายบ้านแล้ว!”

“หือ?” หลานเสี่ยวถางทำท่าตกใจ :“โยวโยว เธอจะย้ายบ้านเหรอ?”

เฉียวโยวโยวอายเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะตอบอยู่นั้น ฟู่สีเกอก็ยืนขึ้นแล้วพูดว่า: “คุณแม่ของผมขอให้เธอย้ายไปอยู่กับผม”

“ดังนั้น พวกคุณคบกันแบบจริงจังอย่างงั้นเหรอ?” ตอนนี้แม้แต่สือมูเฉินเองก็ตกใจมาก!

“อาเฉิน ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดเสมอว่าผมจริงจังมาก พวกคุณไม่เชื่อเหรอ!” ฟู่สีเกอทุบหน้าอกของตัวเอง: “ตอนนี้ผู้ปกครองรู้เรื่องแล้ว คุณแม่ของผมดีใจอย่างมาก และกำลังช่วยผมทำความสะอาดบ้านด้วย! ”

หลังจากที่หลานเสี่ยวถางได้สติคืนกลับมา เธอก็คว้าแขนของเฉียวโยวโยวไปที่ห้อง: “โยวโยว เธอจะคบกับฟู่สีเกอจริง ๆเหรอ?”

เฉียวโยวโยวพยักหน้า: “เสี่ยวถาง ความจริงแล้วคบกันมาได้สักระยะหนึ่งแล้วล่ะ แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เล่าให้พวกเธอฟัง ขอโทษนะ……”

“แล้วเขาปฏิบัติต่อเธออย่างไร” หลานเสี่ยวถางคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “เธอต้องคิดให้ดี แม้ว่าหน้าตาของเขาจะหล่อเหลาฐานะทางครอบครัวดีเรื่องอื่น ๆก็ดี แต่เขาก็ดูเหมือนจะเจ้าชู้มากนะ อีกทั้งเขาสามารถดูแลคนอื่นได้ไหม เธอต้องคิดทบทวนดีๆนะ”

“อืม ฉันจะคิดทบทวนดี ๆแล้วล่ะ” เฉียวโยวโยวพยักหน้า เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นในโรงแรมเขาเคยดูแลเธอขณะเมาไม่ได้สติมาก่อน เธอยกยิ้มมุมปากของเธอและอดยิ้มไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้าง: “อันที่จริง เขาก็เป็นคนที่ละเอียดอ่อนมากด้วย”

เมื่อเห็นสีหน้าของเฉียวโยวโยวหลานเสี่ยวถางรู้ว่าเพื่อนรักของตัวเองนั้นหลงรักเขาเข้าแล้วจริง ๆ และเธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม: “ดูเหมือนว่าเธอก็รักเขามากทีเดียว แบบนี้ก็ไม่เลวนะ ในอนาคตถ้าเธอแต่งงานกับเขา ความสัมพันธ์ของพวกเราทั้งสี่คนจะยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้น และในอนาคตอาจเป็นไปได้ว่าลูก ๆของเราก็อาจจะได้หมั้นหมายให้แต่งงานกัน! ”

“เสี่ยวถาง เธอคิดไปไกลแล้ว –” เมื่อเฉียวโยวโยวนึกถึงลูกแฝดชายหญิงที่เมิ่งซินหลุ่ยพูดถึง หูของเธอก็ร้อนจนแดงแล้วพูดขึ้นว่า: “งั้นเธอคิดว่า ถ้าฉันย้ายออกไปแล้ว มันดูเร็วไปหน่อยหรือเปล่า ? มันดูไม่ดีหรือเปล่า?”

“คุณแม่ของเขาขอให้เธอไปอยู่ด้วย ถ้าเช่นนั้นคงไม่มีอะไรต้องกังวลใจหรอก!” หลานเสี่ยวถางกล่าวว่า :“ตอนนี้นิยมการวิวาห์สายฟ้าแลบ นอกจากนี้พวกเธอก็รู้จักกันมานานกว่าครึ่งปีแล้ว มันไม่ถือว่าเร็วเกินไปหรอก ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมาก!”

“เธอพูดเช่นนี้ฉันก็โล่งใจแล้ว” เฉียวโยวโยวกล่าวว่า: “ถ้าเช่นนั้นฉันจะหาโอกาสบอกคุณพ่อและคุณแม่ของฉัน ก่อนหน้าพวกท่านยังคร่ำครวญและบ่นเรื่องเจียนปอมาก่อน และอีกด้านหนึ่งก็กังวลว่าฉันจะหาแฟนไม่ได้……”

“เหอ ๆ รอหาโอกาสพาสีเกอไปด้วย ทำให้พวกเขามีความสุขสักหน่อย!” หลานเสี่ยวถางอุทาน: “เยี่ยมมากเลย ดูเหมือนว่าคุณแม่สีเกอจะเข้าหาได้ง่ายมากเลยนะ”

“เสี่ยวถาง แม้ว่าคุณแม่ของพี่สือจะเป็นแบบนั้น แต่เธออย่าเศร้าไปเลยนะ” เฉียวโยวโยวกล่าวว่า: “คุณพ่อและคุณแม่ของเธอดีมาก และเธอยังมีน้องชายที่หล่อเหลาและเก่งมากเช่นกัน!”

“อืม ฉันรู้สึกมีความสุขมาก!” หลานเสี่ยวถางพยักหน้า

สัมภาระของเฉียวโยวโยวไม่ได้มีอะไรมากมาย เพราะเธอไม่ได้ตั้งใจจะอาศัยอยู่ในบ้านของหลานเสี่ยวถางนานมากนัก ดังนั้นมีสิ่งของอีกหลายอย่างไม่ได้ถูกนำมาด้วย

ดังนั้นหลังจากนั้นไม่นานก็เก็บของเสร็จแล้ว

เมื่อสือมูเฉินเห็นท่าทางตื่นตระหนกของฟู่สีเกอ ก็อดไม่ได้ที่จะล้อเลียนเขา: “คืนนี้ไม่นอนที่คฤหาสน์ของฉันแล้วเหรอ?”

ฟู่สีเกอกล่าวว่า: “ก้างขวางคอเยอะขนาดนี้ นายคิดว่าฉันจะหลับสบายได้ไหมล่ะ?!”

“กลางคืนพักผ่อนเยอะ ๆหน่อยนะ” สือมูเฉินพูดกำชับพร้อมตบที่ไหล่ของฟู่สีเกอเบา ๆ