บทที่ 279 อุบายที่แยบยล
เมื่อคิดว่าซูอันจะทำตามที่ซือคุนหว่านล้อมจริง ๆ ดวงตาของฉู่ชูเหยียน ก็เต็มไปด้วยความกลัว นางพึมพำเบา ๆ “ย…อย่าส่งข้าให้เขา…”
แม้ว่านางจะไม่ชอบนิสัยโอ้อวดและความกวนประสาทของซูอัน แต่ในตอนนี้นางรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่เคียงข้างเขา นางกลัวว่าตัวเขาจะถูกหว่านล้อมและมอบนางให้กับซือคุน
ซูอันยิ้มให้นางและพูดว่า “ที่รัก เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ? ข้าจะส่งเจ้าให้ผู้ชายคนอื่นได้อย่างไร ? ข้าแค่กำลังคิดถึงปัญหาอื่น ?”
ใบหน้าของซือคุนมืดมนลง “ซูอัน…เจ้าตั้งใจที่จะทำลายอนาคตของฉู่ชูเหยียนเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของเจ้าเองงั้นเหรอ !”
ซูอันกลอกตา “ข้าเคยเห็นตัวเอกโง่ ๆ ที่ตกหลุมพรางแบบนี้ในทีวีมาตั้งเยอะตั้งแยะ เจ้าคิดว่าเจ้าหลอกข้าแบบนี้แล้วข้าจะเชื่อเหรอ ? เจ้ากำลังพยายามทำตัวมีศีลธรรมเพื่อโน้มน้าวข้า แต่จริง ๆ แล้วเจ้ากำลังซ่อนความคิดที่เลวทรามไว้ในใจ นี่ในสายตาของเจ้าข้าดูโง่เง่าขนาดไหนกันเจ้าถึงได้ใช้มุกนี้กับข้า ? ข้าจะรับผิดชอบชีวิตภรรยาของข้าเอง คนนอกอย่างเจ้าไม่ต้องมายุ่ง !”
ใบหน้าของซือคุนมืดลงอย่างสมบูรณ์ “หยิ่งจองหอง ! เจ้าไม่สามารถปกป้องนางได้ดีและเจ้ายังฝันที่จะดูแลนาง ? ฉู่ชูเหยียน เจ้าอาจจะตำหนิข้าในตอนนี้ แต่ข้ามั่นใจว่าต่อไปเจ้าจะเข้าใจความตั้งใจของข้า !”
หลังจากพูดจบ ซือคุนก็โบกมือสั่งให้ลูกน้องของเขาฆ่าซูอันทันที เขายังคงมีความทรงจำที่เลวร้ายกับทักษะ ‘สายตา เจ็บ-จน-ทรุด’ ซึ่งความเจ็บปวดที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะสัมผัสอีกเป็นครั้งที่สอง ดังนั้นเขาจึงไม่เต็มใจที่จะเสี่ยง ดังนั้นจึงสั่งให้ลูกน้องจัดการแทน
แต่ในขณะเดียวกัน เขาจะอดทนรอโอกาสที่จะจบชีวิตของซูอันด้วยมือของเขาเอง !
“ร…รอเดี๋ยวก่อน” ฉู่ชูเหยียนพูดขึ้นอย่างอ่อนแรง
ใบหน้าของซือคุนสว่างไสวด้วยความสุข เขายกมือขึ้นเพื่อหยุดลูกน้องและถามว่า “ฉู่ชูเหยียน…เจ้าตกลงแล้วใช่ไหม ? ข้าจะดูแลเจ้าเอง ข้าสัญญา !”
ฉู่ชูเหยียนไม่สนใจเขา นางหันไปหาซูอันและกล่าวว่า “ฆ่าข้าซะ”
“? ? ?” ซูอันถึงกับตกตะลึงกับคำขอของนาง
มันกะทันหันมากจนเขาไม่ทันตั้งตัว
อย่างไรก็ตาม ฉู่ชูเหยียนยิ่งกังวลมากขึ้นเมื่อเห็นว่าซูอันไม่ตอบสนอง นางเสริมอย่างรวดเร็วว่า “ตอนนี้ข้าเป็นคนพิการแล้ว และเจ้าไม่อาจเอาชนะพวกเขาได้ เจ้าตั้งใจจะดูตอนที่ข้าโดนผู้ชายคนอื่นล่วงเกินงั้นเหรอ ? เจ้าควรหนีไปหลังจากที่ฆ่าข้าและแจ้งพ่อแม่ของข้าเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ จากนั้นนำพวกเขาไปล้างแค้นแทนข้า นั่นคือทั้งหมดที่เจ้าสามารถทำเพื่อข้าได้ในตอนนี้”
ซูอันหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นเขาค่อย ๆ ยกกระบี่ขึ้น
ฉู่ชูเหยียนหลับตา รอยยิ้มอันเงียบสงบปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางขณะที่นางเฝ้ารอความตาย
“ซูอัน เจ้ากล้าเหรอ ! !” ซือคุนตะโกน
แม้ว่าฉู่ชูเหยียนจะพูดเบา ๆ แต่เขาก็ยังได้ยินทุกอย่างชัดเจน ซือคุนอยากจะรีบพุ่งตัวไปคว้าฉู่ชูเหยียนมา แต่เขากลัวว่าการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันจะทำให้ซูอันสะดุ้งตกใจจนเป็นอันตรายต่อฉู่ชูเหยียน
ซูอันไม่สนใจอีกฝ่าย ชายหนุ่มเพียงวาดกระบี่เข้าหาตัวเองบริเวณหน้าอกแทน
ซือคุนและเฉียวเสวี่ยอิงตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าซูอันจะทำร้ายตัวเอง ไอ้บ้านี่กำลังทำอะไรอยู่ ? !
เฉียวเสวี่ยอิงยังสงสัยว่าซูอันพยายามฆ่าตัวตายเพื่อไปอยู่กับฉู่ชูเหยียนในยมโลกหรือไม่ ? แม้ว่านางจะเกลียดชังเขา แต่นางไม่คิดว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อคุณหนูจะลึกล้ำขนาดนี้ !
ซือคุนตกตะลึง ซูอันฆ่าตัวตายเพราะไม่สามารถชนะเขาได้งั้นเหรอ ?
ผู้บ่มเพาะระดับสี่สองคนของซือคุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พูดตามตรง พวกเขาไม่อยากเผชิญหน้ากับซูอันหากพวกเขามีทางเลือกเช่นกัน แม้ว่าซูอันจะเป็นผู้บ่มเพาะระดับสาม แต่พวกเขากลับรับมือได้ยากมากและยิ่งไม่ต้องพูดถึงทักษะที่แปลกประหลาดอื่น ๆ ที่อีกฝ่ายมี
ในอ้อมกอดของซูอัน ฉู่ชูเหยียนมองดูเลือดของซูอันที่หยดลงบนร่างกายของนางด้วยแววตาตกตะลึง นางพึมพำด้วยความไม่เชื่อในภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของนาง “เจ้ากำลังทำอะไร ?”
ทำไมเขาถึงพยายามฆ่าตัวตาย ? เพราะเขาช่วยข้าไม่ได้เหรอ ?
หรือว่าบางทีอาจเป็นเพราะเขาผูกพันกับข้า เฉกเช่นเดียวกับที่ข้ารู้สึกกับเฉียวเสวี่ยอิง(เสี่ยวเอ๋อร์)
แววตาที่อ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ซีดเซียวของฉู่ชูเหยียนขณะที่นางเอ่ยว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เราไม่ได้…”
ก่อนที่นางจะพูดจบ ซูอันก็พูดแทรกขึ้นมาแล้ว “ไว้เราค่อยกระซิบอะไรหวาน ๆ กันทีหลัง ส่วนตอนนี้ ให้ข้าฆ่าพวกที่น่ารังเกียจนี่ก่อน !”
ด้วยมือข้างหนึ่ง ซูอันจับร่างของฉู่ชูเหยียนเพื่อให้ร่างกายของนางแนบติดกับลำตัวของเขาก่อนที่เขาจะกวัดแกว่งกระบี่ในมืออีกข้างและตะโกนอย่างดุดัน “ลองลิ้มรสวิชาต้องห้ามของข้าบ้างเป็นไง ! ?”
ทุกคนที่ยังคงพยายามทำความเข้าใจกับพฤติกรรมแปลกประหลาดของซูอัน แต่แล้วเมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มตะโกนออกมาเสียงดัง ฝ่ายของซือคุนต่างก็ถอยกลับด้วยความกลัว พวกเขาเพิ่งเผชิญกับวิชาต้องห้ามของฉู่ชูเหยียนที่ทำลายเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ดังนั้นพวกเขาจึงอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อคำว่า ‘วิชาต้องห้าม’ !
เมื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมที่แปลกประหลาดก่อนหน้านี้ของซูอันและท่าทางที่ดูมั่นอกมั่นใจ แม้แต่ซือคุนเองก็ยังตัดสินใจถอยกลับเพื่อประเมินสถานการณ์ก่อนตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไป
ในขณะที่ทุกคนกำลังตั้งท่าป้องกัน ซูอันกลับโยนกระบี่ของเขาทิ้งไปด้านข้างและหันหลังกลับจากนั้นก็อุ้มฉู่ชูเหยียนวิ่งหนีไปอย่างเต็มฝีเท้า !
“? ? ?” ซือคุน
“? ? ?” เฉียวเสวี่ยอิง
“? ? ?” ลูกน้องระดับสี่ทั้งสองคนของซือคุน
ทุกคนต่างพากันตกตะลึงชั่วครู่ก่อนที่จะรู้ตัวว่าพวกเขาหลงกลอุบายของซูอัน ที่พยายามข่มขู่พวกเขาและซื้อเวลาหลบหนี ! เมื่อรู้ว่าพวกเขาหลงกลลูกไม้ตื้น ๆ พวกเขาก็โกรธจนตัวสั่น
—
ท่านยั่วยุซือคุนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666 !
—
—
ท่านยั่วยุลูกสมุนระดับสี่ A สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233 !
—
—
ท่านยั่วยุลูกสมุนระดับสี่ B สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233 !
—
เฉียวเสวี่ยอิงมองไปที่ซูอันที่กำลังหลบหนีด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน นางไม่สามารถตำหนิชายหนุ่มได้ที่เลือกการหลบหนีเป็นทางแก้ปัญหา แต่นางก็อดกังวลเรื่องฉู่ชูเหยียนไม่ได้ ในอีกด้านหนึ่ง นางก็โล่งใจที่คุณหนูสามารถหนีไปได้ แต่ก็เป็นกังวลว่าซูอันจะดูแลคุณหนูของนางไม่ได้ เรื่องนี้ทำให้นางตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ตามพวกมันไป !”
ซือคุนที่โกรธจัดสั่งก่อนที่จะพุ่งไปข้างหน้าอย่างว่องไว ในฐานะผู้บ่มเพาะธาตุลม ความเร็วของเขาเร็วกว่าคนอื่น ๆ เป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับคนรอบข้าง และด้วยความแตกต่างด้านระดับการบ่มเพาะของเขา และซูอันที่อุ้มฉู่ชูเหยียนอยู่ตลอดเวลา เขาควรจะสามารถไล่ตามซูอันได้ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ทว่าในความเป็นจริงกลับไม่ใช่แบบนั้น เขาทำได้เพียงลดระยะห่างเล็กน้อยแม้จะไล่ตามไปสักพักแล้ว
ฉู่ชูเหยียนในตอนแรกรู้สึกงุนงงกับการทำร้ายตัวเองของซูอัน แต่เมื่อเขาหนีมาพร้อมกับอุ้มนางมาด้วย นางก็เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น สักครู่หนึ่ง นางพบว่าตัวเองชื่นชมสติปัญญาอันเฉียบแหลมของเขา แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าชายหนุ่มจะมีแผนการที่ชาญฉลาดแค่ไหน แต่ความแตกต่างของระดับการบ่มเพาะจะทำให้ท้ายที่สุดเขาจะถูกซือคุนไล่ทันอยู่ดี
“ปล่อยข้าลงเถอะ แล้วเจ้าก็หนีไป เจ้าอาจจะรอดถ้าไม่มีข้า !”
“หุบปาก ! ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ได้อย่างไร ! ?” ซูอันตอบกลับอย่างเคร่งขรึม
ภายใต้ผลของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ หากเขาได้รับความเสียหายในระดับหนึ่ง พลังชี่ของเขาจะเข้าสู่โหมดบ้าระห่ำ ส่งผลให้ความแข็งแกร่งและความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ไพ่เด็ดนี้คือวิธีเดียวกับที่เขาใช้จัดการกับเพ่ยเหมียนหมานและเฉียวเสวี่ยอิง ซึ่งในเวลานั้นหญิงสาวทั้งสองคนถูกสถานการณ์บังคับให้ใช้ได้แต่พละกำลังในการสู้กับเขาเพราะหากพวกนางใช้พลังธาตุ ทหารยามของตระกูลฉู่จะต้องแห่กันมาแน่นอน
อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาอยู่ในมิติลับ ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลใดที่ ซือคุนและเฉียวเสวี่ยอิงจะยอมใช้แค่พละกำลังของร่างกายในการสู้กับเขา ต่อให้เขาจะอยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งขึ้นจากผลของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ แต่การถูกผู้บ่มระดับห้า 2 คนใช้พลังธาตุรุมโจมตี เขาคงรอดยากแน่นอน
เขาเลือกที่จะทำร้ายตัวเองและกระตุ้นผลของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ ไม่ใช่เพื่อเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ แต่เพื่อเพิ่มความเร็วในการหลบหนี นั่นเป็นสาเหตุที่ซือคุนไม่สามารถไล่ตามเขาทันได้จนถึงตอนนี้
“เราหนีไม่พ้นหรอก” ฉู่ชูเหยียนกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ