บทที่ 280 มุ่งสู่สถานที่ ๆ อันตรายยิ่งกว่า

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 280 มุ่งสู่สถานที่ ๆ อันตรายยิ่งกว่า

ถึงแม้ว่าฉู่ชูเหยียนจะไม่รู้ว่าวิชาลับแบบใดที่ซูอันใช้เพื่อเพิ่มความเร็วของเขา แต่ซือคุนเป็นผู้บ่มเพาะธาตุลมระดับห้า ความแตกต่างของความเร็วระหว่างพวกเขาชัดเจนราวกับกลางวันและกลางคืน มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นว่าซูอันจะถูกจับได้เมื่อใด

“เราจะไปยังที่แห่งหนึ่ง มีความหวังอยู่ที่นั่นนิดหน่อย” ซูอันกล่าวขณะที่เขาจ้องมองไปที่เนินเขาเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจนเกินไป

เขาไม่ได้แค่วิ่งหนีอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าและฝากชีวิตไว้กับความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เขากำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองสามารถทำได้ แต่ทักษะและไพ่ตายของเขาไม่ได้ผลเลย ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนว่ากำลังเสริมจากจี้เสี่ยวซีคงฝากความหวังไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นการต่อสู้ครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้คงจะดึงดูดใครบางคนเข้ามาแล้ว เขาคิดว่าอาจเป็นเพราะการปรากฏตัวที่น่าสะพรึงกลัวของเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ทำให้ทุกคนเลือกที่จะอยู่ให้ไกลจากมันไว้ก่อน

ดังนั้นจึงมีทางออกเดียวเท่านั้น เขาต้องเข้าไปในสถานที่ ๆ อันตรายยิ่งกว่า !

เขาได้เห็นผีดิบที่น่าสะพรึงกลัวเดินเข้าไปในเนินเขาด้วยตาของตัวเอง แต่กลุ่มของซือคุนไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าล่อคนเหล่านี้ไปที่นั่น ชายหนุ่มอาจจะสามารถยืมมือผีดิบให้รอดพ้นจากปัญหานี้ได้

แน่นอนว่าเขาเข้าใจดีว่ากองทัพผีดิบน่ากลัวเพียงใด และมีความเป็นไปได้ว่าเขากับฉู่ชูเหยียนอาจจะตายด้วยน้ำมือของพวกมันด้วย แต่การไม่ทำอะไรเลยก็มีแต่รอความตายเช่นกัน อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ยังคงมีความหวังกับพวกทหารผีดิบ นอกจากนี้…ดูเหมือนว่ามันจะไม่เลวร้ายนักหากชายหนุ่มจะลากศัตรูลงหลุมศพไปพร้อมกับเขาได้

ข้าคิดว่ามีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้มนุษย์ซื้อลอตเตอรี่ หากพวกเขาโชคดี ทุกอย่างก็จะราบรื่น ดังนั้นคนเราก็ไม่ควรอยู่โดยปราศจากความหวังจริงไหม ?

ในเวลานี้ ผู้ไล่ตามที่อยู่ข้างหลังก็ปิดระยะเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงของซือคุนอย่างชัดเจน “เอาเลย ! วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้ ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะวิ่งไปได้ไกลถึงไหน ! พลังชี่ของเจ้าหมดเมื่อไหร่ ก็ถึงเวลาตายของเจ้า !”

เขาคอยตรวจสอบที่อยู่ของบรรดาอาจารย์ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับซูอันและฉู่ชูเหยียน ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าทุกคนอยู่ห่างไกลและคงไม่สามารถมาที่นี่ได้ในเร็ว ๆ นี้ ตอนนี้เขาต้องการอีกเพียงห้านาทีเพื่อไล่ตามซูอันให้ทัน !

“เสวี่ยอิง…หยุดเขา !” เมื่อเห็นว่ามีป่าอยู่ข้างหน้า ซือคุนก็ตะโกน

เฉียวเสวี่ยอิงลังเล แต่ในท้ายที่สุดนางก็ยังคงโบกมือ ต้นไม้ในป่าดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาทันที เถาวัลย์ทุกประเภทเริ่มพุ่งไปที่ขาของซูอัน เพื่อพยายามจะรั้งเขาเอาไว้…

ซูอันเคยตกหลุมพรางแบบนี้และเรียนรู้จากบทเรียนครั้งนั้นไปเรียบร้อย เขาใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันจนถึงขีดจำกัดทันที และหลบหลีกทุกอย่างที่ขวางหน้า

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ชายหนุ่มมองเห็นเถาวัลย์พวกนี้มีช่องโหว่มากกว่าครั้งก่อน…

ใบหน้าของซือคุนมืดมนลง แน่นอนว่าผู้บ่มเพาะระดับเขาสามารถมองมันออกได้อย่างชัดเจนว่า เฉียวเสวี่ยอิงจงใจทำตามคำสั่งของเขาอย่างส่ง ๆ แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

ย่างก้าวเทพสายลม !

ซือคุนเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นภาพเบลอ ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทักษะนี้สิ้นเปลืองพลังงานชี่เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงหลีกเลี่ยงที่จะใช้มันเว้นแต่สถานการณ์จะจำเป็น

เมื่อได้ยินเสียง ‘หวือ’ ข้างหลัง ซูอันรู้ได้ทันทีว่าซือคุนกำลังพยายามทำอะไรบางอย่าง ดังนั้นจึงหลบเลี่ยงการโจมตี แต่ก็สายเกินไปแล้ว กระบี่ของซือคุนแทงเข้ามาที่หลังของเขา !

“หืม ?”

ซือคุนคาดว่ากระบี่จะพุ่งทะลุหน้าอกของซูอัน แต่เขากลับรู้สึกว่ามีแรงต้านมหาศาลผลักปลายกระบี่ของเขากลับมา ตอนนั้นเองที่เขาตระหนักว่าซูอันสวมชุดเกราะอยู่ข้างใต้ !

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจ้าคนน่าสงสารคนนี้จะมีชุดเกราะที่ทรงพลัง ส่งผลให้การโจมตีของเขาจมลงไปไม่ถึงนิ้ว ! เมื่อถึงเวลาที่เขาพยายามส่งแรงแทงเพิ่ม ซูอันก็วิ่งหนีไปแล้ว

ซือคุนบ่นอย่างเย็นชา ข้าตามทันเจ้าแล้ว เจ้าคิดว่าจะหนีไปไหนได้อีก ?

ภายใต้ทักษะย่างก้าวเทพสายลม ทำให้เขาเร็วกว่าซูอันอย่างน้อยสองส่วน ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังอุ้มฉู่ชูเหยียนไว้ในอ้อมแขนจึงไม่สามารถถือกระบี่ได้ ถ้าเขาไม่สามารถจัดการกับซูอันได้ด้วยข้อได้เปรียบที่ท่วมท้นเช่นนี้ได้ เขาก็คงจะไร้ความสามารถจริง ๆ !

ซือคุนเล็งกระบี่ไปที่ขาของซูอัน คิดว่าปัญหานี้จะจบง่ายยิ่งขึ้นหากเขาตัดเส้นเอ็นและทำให้มันพิการ !

อย่างไรก็ตาม ซูอันก็เหวี่ยงแขนเสื้อไปข้างหลังอย่างกะทันหัน และทันใดนั้นเงาก็พุ่งออกมาจากบริเวณข้อมือของเขา

ซือคุนสามารถบอกได้ทันทีว่ามันเป็นหน้าไม้ที่ซ่อนอยู่ เขาจำได้ว่าลูกน้องคนหนึ่งของตนมีอาวุธแบบนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คิดอะไรมากเพราะหน้าไม้ดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่อผู้บ่มเพาะระดับต่ำเท่านั้น สำหรับผู้บ่มเพาะระดับสูงเช่นเขา ลูกธนูไม่สามารถเจาะเกราะพลังชี่ของเขาได้

ดังนั้นเขายังคงเสียดแทงกระบี่ไปข้างหน้าโดยไม่สนใจลูกธนูที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่กระบี่ของเขากำลังจะแทงเข้าที่ขาของซูอัน ร่างกายของเขาก็กระตุกขึ้นมาในทันใด ด้วยความงุนงง ลูกธนูได้เจาะเกราะพลังชี่และจมลงไปที่ไหล่ของเขา ถึงแม้ว่าชุดเกราะอ่อนที่เขาสวมนั้นจะดูดซับแรงกระแทกส่วนใหญ่ไป แต่เขากลับรู้สึกว่าอาการบาดเจ็บของเขามันไม่ธรรมดา มีความเย็นที่แปลกประหลาดซึมเข้าไปในบาดแผลและแผ่ไปทั่วร่างกายของเขา ทำให้เขาตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

“นี่คืออะไร ? ลูกธนูพิษเหรอ ?” ซือคุนตกใจมาก เขารีบโคจรพลังชี่ของเขาเพื่อขับไล่ความหนาวเย็น

ในเวลาเดียวกัน ซูอันก็หันกลับมาโจมตีซือคุนด้วยมีดสั้นสีดำสนิทที่อยู่ในกำมือของเขา

“นายน้อย ระวัง !” เฉียวเสวี่ยอิงที่เคยมีประสบการณ์กับมีดสั้นนี้ด้วยตัวนางเอง ดังนั้นนางจึงตะโกนเตือนทันที

ซือคุนที่ได้รับบาดเจ็บจากความประมาทของตัวเองไปแล้ว ดังนั้นเมื่อเผชิญกับการโจมตีอีกครั้งของซูอัน เขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะตัดสินอย่างชาญฉลาดโดยการทิ้งกระบี่และสร้างใบมีดลม 3-4 เล่มเพื่อยับยั้งการโจมตีของซูอันแทน

ใบมีดลมที่ปล่อยออกมาแบบรีบเร่งปะทะเข้ากับร่างของซูอันอย่างจังจนทำให้เขากระอักเลือดออกมาคำโต แต่การโจมตีที่รีบเร่งของซือคุนก็ได้เผยช่องโหว่จนชายหนุ่มสามารถหาช่องว่างหลบหลีกใบมีดลมที่เหลือและถอยออกมาได้

ซูอันถอนหายใจด้วยความเสียดาย หน้าไม้เป็นอาวุธที่เขาได้รับจากกลุ่มของเจียเจิ้งจิ่ง แต่เขาเปลี่ยนลูกศรธรรมดาที่ใส่ไว้ข้างในเป็นลูกธนูเจาะเกราะที่เขาเก็บมาจากกองทัพผีดิบทหาร

โชคดีที่กลไกของหน้าไม้ที่ซ่อนอยู่นั้นค่อนข้างง่าย ทั้งหมดที่ซูอันต้องทำคือตัดความยาวของลูกธนูเจาะเกราะและใช้มันแทนลูกศรของหน้าไม้เพื่อให้มันทำงาน ต้องขอบคุณที่มันทำให้เขาสามารถโจมตีซือคุนอย่างไม่ทันตั้งตัวได้ครั้งหนึ่ง

แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถฆ่าซือคุนได้

ซูอันสังเกตเห็นว่าเฉียวเสวี่ยอิงและผู้บ่มเพาะระดับสี่อีก 2 คนกำลังจะตามทัน ดังนั้นเขาจึงรีบหันหลังและหนีต่อไป

ในขณะเดียวกัน ซือคุนหยุดชั่วขณะเพื่อกินยาฟื้นฟูและขับไอเย็นที่ซึมเข้าไปในร่างกายด้วยพลังชี่ของเขา จากนั้นเขาก็ดึงลูกธนูออกจากไหล่และตรวจสอบมันอย่างละเอียดด้วยคิ้วที่ขมวดกันแน่น “นี่มันลูกธนูแบบไหนกัน ? ทำไมมันถึงทรงพลังขนาดนี้ ?”

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เวลาสำหรับเขาที่จะครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มากเกินไป ซูอันได้วิ่งหนีห่างไปอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบสั่งให้ลูกน้องไล่ตามต่อไป

ในที่สุดซูอันก็มาถึงหน้าประตูหินที่เนินเขาลึกลับในที่สุด เมื่อเห็นว่าซือคุนและคนอื่น ๆ ยังคงตามติดไม่ปล่อย เขาพลันกัดฟันและพุ่งไปที่ประตูหิน

ฉู่ชูเหยียนอยู่ในอ้อมกอดของเขาตลอดการไล่ล่า จากที่ที่นางอยู่ นางสามารถเห็นเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของเขาได้อย่างชัดเจน และได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวและการหายใจที่เหนื่อยหอบของเขา ดวงตาของนางที่เคยมืดมัวด้วยความสิ้นหวังค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอื่น…

การเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม นางมักจะเป็นคนที่คอยปกป้องผู้อื่นภายใต้ปีกของนาง แต่ทว่าชะตากรรมกลับพลิกผัน ตอนนี้กลายเป็นว่านางเป็นฝ่ายอยู่ในอ้อมแขนของชายผู้พยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยนางอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาคงสามารถวิ่งหนีไปคนเดียวได้ แต่เขาเลือกปฏิเสธที่จะปล่อยนางที่เป็นเหมือนภาระทิ้งไป

“คนโง่…”

ฉู่ชูเหยียนพึมพำอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะหลับตาลงช้า ๆ

ซูอันลืมความคิดเกี่ยวกับสาวงามที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา เขาวิ่งไปที่ประตูหินอย่างกังวลใจ กลัวว่าเขาจะไม่สามารถเปิดมันได้ อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะผลของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะได้เพิ่มความแข็งแกร่งของเขา คราวนี้เขาสามารถเปิดประตูออกได้เล็กน้อยเพียงพอให้เขาและฉู่ชูเหยียนลอดเข้าไปได้

ถ้ำสีดำสนิทที่อยู่เบื้องหน้าเขาดูเต็มไปด้วยอันตรายนับไม่ถ้วน ซูอันกำหมัดแน่นก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าไปสู่ความมืดมิด

ไม่นานต่อมาซือคุนและคนอื่น ๆ ก็มาถึงหน้าประตูหินเช่นกัน พวกเขาสัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นยะเยือกที่ออกมาจากประตูหินที่ยังคงแง้มอยู่ ดวงตาของพวกเขาสั่นไหวด้วยความลังเลและกังวลใจ “ที่นี่คือที่ไหน ?”

“ฮึ่ม ! ถ้าแม้แต่ซูอันยังกล้าเข้าไปข้างใน มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่กล้า ? ตามเข้าไป !” ซือคุนโบกมือและพุ่งเข้าไปทันที

วันนี้เขาสูญเสียมากเกินไปจนไม่สามารถยอมแพ้ได้อีกแล้ว !