หลี่ฉางโซ่วล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน
เป็นวันก่อนที่หอไป่ฝานได้แจ้งเหล่าศิษย์สามสิบหกอันดับแรกของการแข่งขันในสำนักรวมถึงผู้ที่ได้รับการแนะนำจากผู้อาวุโสทั้งสิบสองคนให้ไปที่หอไป่ฝานเพื่อเข้าร่วมการประชุม
หลี่ฉางโซ่วจับจังหวะเวลาได้อย่างแม่นยำ
ความจริงแล้ว หลี่ฉางโซ่วได้รับข่าวที่ถูกต้องเมื่อเขาใช้เวทวายุวัจน์เพื่อสังเกตสำนัก และรู้ว่าพวกเขาจะรวบรวมศิษย์ในวันพรุ่งนี้
เขาคาดว่าการประชุมจะเกิดขึ้นภายในเวลาครึ่งปี…
ณ จุดนี้ หลี่ฉางโซ่วแม่นยำมาก
พวกเขาต้องการเลือกข้าเป็นผู้นำหรือไม่
พวกเขาต้องการให้ข้าออกต่อสู้ในแนวหน้าและแก้ไขปัญหาทั้งหมดต่อไปหรือไม่
ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขา หลี่ฉางโซ่ว จะตกหลุมเล่ห์เหลี่ยมแบบเดิมถึงสองครั้ง!
ครั้งนี้หลี่ฉางโซ่ว ‘ล้มป่วย’ เป็นครั้งแรก และเขายังคิดพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนและคิดหามาตรการรับมือทีละเรื่อง
หลิงเอ๋อร์รีบเรียกจิ่วจิ่วมา จิ่วจิ่วก็รีบพาศิษย์พี่ห้าของนางซึ่งไม่ได้เข้าปิดด่านมาหลายปีแล้วไปที่ยอดเขาหยกน้อย
ในกระท่อมมุงจาก ใบหน้าของหลี่ฉางโซ่วซีดเซียวและหายใจแผ่วเบา เขานอนอยู่บนเตียงฟางและร่างกายของเขาทั้งหมดก็ดูอ่อนแออย่างมาก
หลังจากที่จิ่วอูทำการวินิจฉัยอย่างละเอียด เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและกล่าวว่า “ไม่ใช่อาการบาดเจ็บร้ายแรง เป็นเพียงที่เจ้าล้มเหลวในการทะลวงด่านและทำร้ายปราณวิญญาณของเจ้าแทน ทำให้รากฐานเต๋าของเจ้าไม่เสถียร ในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าไม่สามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์หรือปราณวิญญาณของเจ้าได้ แต่เจ้าต้องพักฟื้นเพียงเจ็ดถึงแปดปีก่อนจึงจะสามารถฟื้นตัวได้ช้าๆ และจะไม่มีอันตรายซ่อนอยู่ ไม่ต้องห่วง”
แม้ว่าหลิงเอ๋อร์จะรู้ว่าศิษย์พี่ของนางต้องจงใจแสร้งป่วย แต่ในเวลานี้ นางก็อดจะถามไม่ได้หลังจากได้ยินคำพูดของจิ่วอู จึงกล่าวถามว่า “แล้วจะเกิดอะไรขึ้น หากเขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์หรือเจ้าคะ”
“มันอาจทำให้รากฐานเต๋าของเขาเสียหายได้อย่างง่ายดาย” จิ่วอูพึมพำกับตัวเองแล้วกล่าวว่า “อย่าใช้มันเลยจะดีกว่า”
บนเตียงนั้น หลี่ฉางโซ่วซึ่งมีริมฝีปากซีดเซียว กล่าวออกมาว่า “เฮ้อ ข้าอยากจะทะลวงขอบเขตเล็กๆ แต่ข้าไม่คิดว่านั่นจะเป็นการฝืนตนเองเกินไป…แค่กๆ…”
จิ่วอูพึมพำกับตัวเอง “ข้าจะไปหาผู้อาวุโสว่าน เพื่อขอโอสถช่วยเสถียรปราณวิญญาณ คุณภาพโอสถที่ข้าหลอมออกมายังต่ำเกินไป จึงไม่ปลอดภัยนัก”
หลิงเอ๋อร์จึงรีบถามว่า “เช่นนั้น มันจะช่วยให้ท่านหายเร็วขึ้นเล็กน้อยใช่หรือไม่ ศิษย์พี่”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มในใจ เขารู้สึกว่าศิษย์น้องหญิงคนนี้ของเขามีประโยชน์จริงๆ
จิ่วอูกล่าวด้วยเสียงหนักแน่นว่า “มันยากนะ เขาต้องพักฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บนี้ และโอสถจะช่วยให้ขาไม่ได้รับบาดเจ็บอีกต่อไปเมื่อเขาฟื้นตัว”
หลิงเอ๋อร์ถอนหายใจเบาๆ ด้วยความรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
จิ่วอูวิ่งวุ่นทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว เขาไปขอโอสถและรายงานเรื่องนี้ไปที่หอไป่ฝานซึ่งช่วยให้หลิงเอ๋อร์พ้นจากความยุ่งยากในการต้องวิ่งวุ่นไปมารอบๆ
หลี่ฉางโซ่วนอนอยู่บนเตียง ในขณะนี้ พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เขาจำลองมานั้นค่อนข้างแตกซ่านเล็กน้อย
ต่อมาเมื่ออาจารย์ของเขาได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รีบมาตรวจดูอาการและดูแลหลี่ฉางโซ่วอย่างระมัดระวัง จนเกือบลืมไปว่าศิษย์คนโตของเขาได้ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปแล้ว
โชคดีที่ฉีหยวนตระหนักว่าอาการบาดเจ็บของหลี่ฉางโซ่วไม่ร้ายแรง ดังนั้นเขาจึงไม่ถามมากความ และกลับไปเข้าปิดด่านฝึกฝนแทน
ดูเหมือนการแสร้งป่วยจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับหลี่ฉางโซ่วแล้ว มันมีความสำคัญมาก
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนจะมาเยี่ยม ซึ่งเป็นไปตามที่หลี่ฉางโซ่วคาดเอาไว้เช่นกัน
หลังจากที่ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนรอบคอบแล้ว เขาก็ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกับจิ่วอู
มันเป็นการยืนยันสำหรับทักษะการแสดงอันยอดเยี่ยมอย่างมากของหลี่ฉางโซ่วที่ทำแกล้งป่วย!
“เจ้า… อย่าขยับ” ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนกล่าวช้าๆ “เจ้าจะฟื้นตัวได้ในหกถึงเจ็ดปี
“อย่าใจร้อน พรสวรรค์ของเจ้าดีที่สุดอยู่แล้ว เจ้ามีการรับรู้เข้าใจสูงและบุคลิกดี ทั้งเจ้ายังมีหน้าตาดี เจ้าจะต้องเติบโตได้ดี และไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน
“หลังจากนี้ ข้าจะปรุงยาชนิดนั้น แล้วข้าจะให้เจ้าประเมินมันอีกที”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกซาบซึ้งใจมาก แต่เขาอยากเตือนผู้อาวุโสว่าน…
ดูเหมือนว่าท่านจะเดินผิดทางในเรื่องโอสถพิษพลังสัมผัสเซียน ท่านเกือบจะเลือกเส้นทางที่ผิดและสร้างยาพิษอีกประเภทหนึ่งขึ้นมา…
ดังนั้น หลังจากที่ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนมอบโอสถฟื้นฟูสภาพจำนวนมากให้แล้ว เขาก็กลับไปที่ยอดเขาตันติ่ง และไม่ห่วงอาการบาดเจ็บของหลี่ฉางโซ่วอีกต่อไป
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็คาดว่า…มีโอกาสสูงที่ผู้อาวุโสสองสามคนจากหอไป่ฝานจะมารวมกันที่นี่
ผู้อาวุโสที่ได้รับโอสถปรารถนาในสำนักย่อมจะมารวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อเยี่ยมชมยอดเขาหยกน้อยเช่นกัน
เขาคิดว่า เขาน่าจะหาโอสถบางอย่างได้โดยแสร้งทำเป็นป่วยในครั้งนี้ และต่อมาก็แอบปล่อยให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นำมันออกไปขายที่เมืองฟาง จากนั้นเขาก็จะสามารถสร้างกรงสัตว์วิญญาณที่ยังไม่ได้เติมเต็มอย่างสมบูรณ์ได้
ความจริงแล้ว นี่ไม่ใช่การสนองตอบความพอใจเรื่องกรงสัตว์วิญญาณ แต่เป็นความปรารถนา…และความอยากของมนุษย์
และเป็นไปตามที่หลี่ฉางโซ่วคาดไว้ หลังจากที่ผู้อาวุโสว่านกลับไป ผู้อาวุโส ‘ปลาวิญญาณ’ สองสามคนจากหอไป่ฝานก็ได้รวมตัวกัน พวกเขาสัมผัสข้อมือของหลี่ฉางโซ่วและแนะนำให้เขาพักผ่อนอย่างสงบ
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้อาวุโสเซียนเทียนอีกสองสามคนก็มาถึง
ตราบใดที่ยังมีคนแปดคนที่กินโอสถปรารถนาและไม่เข้าปิดด่านฝึกฝน พวกเขาทั้งหมดแปดคนย่อมจะมาเยี่ยมหลี่ฉางโซ่วและถามอย่างมีมารยาทว่ายังมีโอสถปรารถนาเหลืออยู่บ้างหรือไม่
และแน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วได้เตรียมพร้อมไว้นานแล้ว และพวกเขาแต่ละคนก็ได้รับแจกจ่ายกันไปคนละเม็ด
ในขณะนั้น ผู้อาวุโสในสำนักรู้ว่า ปราณวิญญาณและฐานเต๋าของหลี่ฉางโซ่วได้รับบาดเจ็บเนื่องจากการฝึกฝนที่รวดเร็วของเขา…
บรรดาศิษย์ธรรมดาล้วนไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลย
อย่างไรก็ตาม แต่นับตั้งแต่ชั่วเวลาที่โหย่วฉินเสวียนหย่ารีบเร่งมาเยี่ยมเขาที่นี่ สิ่งต่างๆ ก็เริ่มบานปลายจนเกินความคาดหมายของหลี่ฉางโซ่ว…
“ศิษย์พี่ฉางโซ่ว!”
บัดนี้ ที่ด้านนอกกระท่อมมุงจากโหย่วฉินเสวียนหย่า ซึ่งในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าเย็นยะเยือกพลันขมวดคิ้ว
นางรีบเดินไปที่เตียงและมองดูหลี่ฉางโซ่วที่ซีดเซียว ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของนาง
ทันใดนั้น หลิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างเตียงก็รีบกล่าวว่า “ศิษย์พี่หญิง ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ขอบเขตพลังของศิษย์พี่แค่หยุดชะงัก เหล่าผู้อาวุโสในสำนักได้วินิจฉัยแล้ว หลังจากที่ศิษย์พี่พักรักษาอาการแล้ว เขาก็จะสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้เจ้าค่ะ”
ในขณะนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าพยักหน้าเบาๆ ขณะจ้องมองเข้าไปในดวงตาของหลี่ฉางโซ่ว
และด้วยเหตุผลบางอย่าง…หลี่ฉางโซ่วเคยสบตากับหัวหน้าศิษย์ของสำนักชั้นนอกของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย แต่เขาก็ไม่รู้สึกตื่นตระหนกเลย
แต่ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วรู้สึกกังวลเล็กน้อย…
เจ้าเป็นตัวอันตราย…
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินโหย่วฉินเสวียนหย่ากระซิบเบาๆ “ศิษย์พี่ ข้ารู้เจ้าค่ะ”
ลูกกระเดือกของหลี่ฉางโซ่วกระกระตุกเคลื่อนไหวทันที เจ้ารู้อันใด
นางกล่าวต่อว่า “ท่านต้องรีบเร่งฝึกฝนเพราะปรารถนาจะสร้างชื่อเสียง และนำเกียรติมาให้สำนักในระหว่างการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าใหญ่”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก
ไม่ใช่เช่นนั้นจริงๆ
“ศิษย์พี่ฉางโซ่วไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ ในฐานะที่เสวียนหย่าเป็นหัวหน้าศิษย์ของรุ่นนี้ ข้าจะทำตามความคาดหวังของท่านศิษย์พี่ฉางโซ่วอย่างแน่นอน ข้าจะทุ่มสุดตัวเพื่อต่อสู้เพื่อสำนักตู้เซียนของพวกเราเจ้าค่ะ!”
หลี่ฉางโซ่วจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากนางเข้าใจอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร หาใช่เรื่องใหญ่ไม่
“ศิษย์น้องโหย่วฉิน…”
“ศิษย์พี่ อย่าพูดเลย โปรดวางใจ รักษาตัวและฟื้นตัวของท่านก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”
โหย่วฉินเสวียนหย่ารีบก้มลงและกดไหล่ของหลี่ฉางโซ่วลงไปเบาๆ ในขณะนั้น เส้นผมยาวของนางก็สยายลงมาอยู่ต่อหน้าของหลี่ฉางโซ่ว
ใบหน้าของนางงดงามยิ่ง แต่สายตาของนางเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น!
“เสวียนหย่าจะไม่ทำให้ศิษย์พี่ฉางโซ่วผิดหวังอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”
หลี่ฉางโซ่วพลันเผยรอยยิ้มพึงพอใจ…
โชคยังดีที่ครั้งนี้นางไม่ได้หลงทางมากเกินไป
โหย่วฉินเสวียนหย่าอยู่ที่นี่สองชั่วยามก่อนจะทิ้งโอสถเอาไว้ให้มากมายแล้วจากไป