แต่ทันทีที่โหย่วฉินเสวียนหย่าจากไป จิ่วจิ่วซึ่งยังไม่กลับมาหลังจากที่ออกไปในครั้งนั้น ก็ได้ขี่น้ำเต้าใหญ่มาจากยังทิศทางของยอดเขาพิชิตสวรรค์
สิ่งที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วประหลาดใจก็คือมีร่างที่ไม่คุ้นเคยอยู่ข้างๆ น้ำเต้าใหญ่…
คนผู้นี้ยับยั้งกลิ่นอายลมปราณของเขาเอาไว้ และไม่เผยความผันผวนของพลังในร่างกายของเขาออกมาแม้แต่น้อย เขามีร่างผอมและหน้าผากเข้มเล็กน้อย
เมื่อหลี่ฉางโซ่วเห็นคนผู้นี้ หัวใจของเขาก็เต้นผิดจังหวะทันที จนอยากจะรีบออกไปหยุดอาจารย์อาน้อยของเขาจริงๆ…
เขาคือผู้อาวุโสฉีหลิง!
หนึ่งในสองเซียนจินในสำนักที่มาจากเผ่ากิเลนโบราณ
หลี่ฉางโซ่วยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องราวของผู้อาวุโสฉีหลิง แต่สายตาและขอบเขตพลังการฝึกฝนของเขาย่อมไม่ใช่สิ่งที่ผู้อาวุโสว่านจะสามารถเปรียบเทียบด้วยได้!
เขาได้ปรับปรุงทักษะสงบลงปราณเต่าครั้งที่หกเสร็จสิ้นแล้ว บางทีเขาอาจจะปกปิดขอบเขตพลังการฝึกฝนของเขาต่อหน้าผู้อาวุโสคนนี้ได้…
แต่อีกฝ่ายย่อมมองเห็น ‘ความเจ็บป่วย’ จอมปลอมของเขาได้อย่างแน่นอน!
แล้วข้าควรทำอย่างไรดี
เหตุใดในวันนี้ ความเป็นอันตรายของน้องสาวโหย่วฉินจึงย้ายไปอยู่ที่อาจารย์อาน้อยเสียแล้ว
อาจารย์อาน้อยจัดการให้ผู้อาวุโสของหอสมบัติเต๋าลุกขึ้นยืนได้อย่างไร!! ผู้อาวุโสคนนี้อาจมาจากสำนักใหญ่? แค่กๆ บัดนี้ สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว หลี่ฉางโซ่วตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างในใจได้อย่างรวดเร็ว …
ไม่มีปัญหา เขาได้พิจารณาด้านนี้เอาไว้แล้ว!
หากเขาไม่อาจปกปิดตัวตนจากเซียนจินในสำนักได้ เขาย่อมจะไม่ทำ ‘การกระทำอันตราย’ ที่จะเปิดเผยไพ่ไม้ตายของเขาเองอย่างง่ายดาย
ในขณะนั้น เขาแอบกัดฟันและกำหมัดแน่น ขณะคำนวณความผันผวนของลมปราณที่ตามมา การปรับเปลี่ยนทักษะสงบลมปราณเต่า และการปลอมตัวในระดับต่างๆ และจากนั้น เขาก็…สั่นสะเทือนปราณวิญญาณของเขาเองโดยตรง!
ทันใดนั้น ปราณวิญญาณของหลี่ฉางโซ่วพลันสั่นสะท้าน และจู่ๆ ก็มีเลือดออกมาที่มุมปากของเขา และแล้ว บัดนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยแล้ว!
และความอ่อนแอก่อนหน้านี้ ได้เผยออกมาจากภายในสู่ภายนอกในครั้งนี้แล้ว!
นั่นเป็นระดับสูงสุดของการแกล้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บ—ได้รับความเสียหายอย่างแท้จริง!
ทันใดนั้น หลิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างเตียง ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ อาจารย์อาน้อยก็พาผู้อาวุโสมาที่หน้ากระท่อมมุงจากแล้ว หลิงเอ๋อร์จึงรีบกระวีกระวาดออกไปต้อนรับพวกเขาข้างนอก…
และไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ได้ยินเสียงของอาจารย์อาจิ่วจิ่วพร่ำพูดวุ่นวาย
“ท่านผู้อาวุโส เร็วเข้า รีบมาดูเร็วเข้า! ท่านมีขอบเขตพลังสูงมากเช่นนี้ แค่ท่านชี้นิ้วไปที่เจ้าคนผู้นี้ เขาย่อมต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน! การประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าใหญ่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว เขาเป็นศิษย์ที่โดดเด่นในสำนัก เขาอาจจะได้พบกับเหตุการณ์สำคัญเช่นนี้เพียงครั้งเดียวในชีวิตของเขา ดังนั้นให้เขาได้ไปเข้าร่วมสนุกด้วยเถิด”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก “เจ้า…” ผู้อาวุโสฉีหลิงถอนหายใจพร้อมด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความรักที่เขามีต่อรุ่นเยาว์ในฐานะผู้อาวุโส
ผู้อาวุโสเดินเข้าไปในกระท่อมมุงจาก และเหลือบมองไปที่ข้างเตียงของหลี่ฉางโซ่ว จากนั้นก็เอ่ยว่า “มันไม่ต่างจากที่เจ้าพูด เป็นเพียงแค่ปราณวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บจากการกระแทก ไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับไปหากไม่มีอะไรแล้ว”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวเสียงแผ่วเบาอย่างอ่อนแรง “ขอบคุณ ท่านผู้อาวุโส…”
ผู้อาวุโสฉีหลิงพยักหน้าอย่างสงบ และเมื่อเขาหันไปมองจิ่วจิ่ว เขาก็ยิ้มให้อย่างใจดี
ผู้อาวุโสคนนี้มาและจากไปอย่างรวดเร็ว จิ่วจิ่วยังคงรู้มารยาทและส่งผู้อาวุโสกลับไปที่หอสมบัติเต๋า
ต่อจากนี้ ข้าต้องคุยกับอาจารย์อาน้อยแล้ว
อาจารย์อาน้อยเกือบทำลายไพ่ไม้ตายของข้าไปเกือบหมดโดยไม่รู้ตัวแล้ว และหลังจากที่ผู้อาวุโสจากไป เหตุการณ์ก็ดำเนินต่อไปตามปกติ และเหตุการณ์คราวนี้ นับเป็นแค่อุบัติเหตุเล็กน้อยเท่านั้น
และไม่นานหลังจากนั้น หลิวเฟยเซียนนักพรตเต๋าร่างอวบอ้วนจากยอดเขาตันติ่งก็ขับเคลื่อนก้อนเมฆมา พร้อมกับของขวัญที่นำมามอบให้ที่ยอดเขาหยกน้อย เขามาให้กำลังใจหลี่ฉางโซ่วสองสามคำแล้วรีบจากไป และไม่นานในที่สุดก็ถึงยามค่ำคืนอันเงียบสงัด…
ในขณะนั้น หลิงเอ๋อร์ที่เหนื่อยมาทั้งวัน ก็นั่งเป็นอัมพาตอยู่ข้างเตียงและบ่นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างอดไม่ได้
“ศิษย์พี่ เมื่อใดกันนะ ที่ท่านโด่งดังถึงเพียงนี้”
“บางทีอาจเป็นปัญหาด้านอารมณ์” หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และยังคงนอนอยู่บนเตียงต่อไปขณะคร่ำครวญอยู่ในใจของเขา
และหลังจากแสร้งทำเป็นบาดเจ็บจนกลายมาเป็นบาดเจ็บสาหัส ในวันนี้เขาก็มีประสบการณ์มากมาย
แต่ตราบใดที่เขาไม่ได้ไปร่วมงานการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋า การได้รับบาดเจ็บก็อาจเป็นผลเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากเขาจะสามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเล็กน้อยได้อย่างง่ายดาย!
มันจึงคุ้มค่ายิ่ง!
หลิงเอ๋อร์ยิ้มและกล่าวว่า “คนที่ตกตะลึงที่สุดในวันนี้ไม่ใช่ศิษย์พี่สาวโหย่วฉิน แต่เป็นอาจารย์อาน้อย”
“ข้าไม่คิดว่านางจะใช้ความพยายามอย่างมากในการเชิญปรมาจารย์ดังกล่าวจากสำนัก ข้าแค่บาดเจ็บเล็กน้อย…”
หลี่ฉางโซวส่ายศีรษะ และในขณะที่เขากำลังจะบ่น จู่ๆ พลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็กวาดผ่านพบร่างทั้งสองร่างที่บินไปยังยอดเขาพิชิตสวรรค์
หนึ่งในสองร่างนั้นคือ โหย่วฉินเสวียนหย่าที่จากไปก่อนหน้านี้ และอีกคนก็คือ…
นั่นคือ…ผู้ที่แต่งกายด้วยชุดขาวราวกับหิมะ และกระแอมไอเป็นระยะๆ ใบหน้าของเขาหล่อเหลาและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
เขาคือเจ้าสำนักของเจ้าสำนักตู้เซียน ผู้ว่างเปล่าไร้กังวล แค่กๆ นักพรตเต๋าจี้อู๋โหย่ว!
ในตอนนี้ ริมฝีปากของหลี่ฉางโซ่วพลันกระตุกพร้อมด้วยความรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอีกครั้ง
ในคราแรก เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้สึกว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้น แม้อาจารย์อาน้อยจะ ‘เป็นอันตราย’ ในบางครั้งคราว แต่แน่นอนว่า ความเป็นอันตรายของนางจะเหนือกว่า ศิษย์น้องหญิงตัวอันตรายไปได้อย่างไร
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็รู้สึกอับจนหนทาง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกเสียใจที่ตอบสนองช้าเกินไปในการใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย เมื่อครั้งที่โหย่วฉินเสวียนหย่าตกลงมาจากฟากฟ้าในดินแดนเทวะอุดร!
ลองคิดดูสิว่า โฉมงามทุกคนที่มากินดื่มในยอดเขาหยกน้อยของเขา พวกนางอยู่ใกล้ข้ามากหรือไม่!
แต่ข้าเหนือกว่า!
หากเขาสามารถซ่อนตัวจากผู้อาวุโสฉีหลิงได้ เขาก็น่าจะสามารถซ่อนมันจากเจ้าสำนักได้อย่างแน่นอน
และหลังจากปกปิดมันจากเจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วอาการบาดเจ็บของหลี่ฉางโซ่วก็ยิ่งดูน่าเชื่อถือขึ้นเช่นกัน
แม้ว่าจะพลาดบ้าง แต่โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาล้วนอยู่ในการควบคุมของหลี่ฉางโซ่ว ในครั้งนี้ เขาได้ตรวจสอบว่าทักษะสงบลมปราณเต่าฉบับปรับปรุงครั้งที่หกของเขา มีประสิทธิภาพมากพียงใด
ต่อมาเขาก็สามารถส่งต่อฉบับปรับปรุงครั้งที่สามให้ท่านอาจารย์และศิษย์น้องหญิงของเขาได้
อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วก็ไม่รู้สึกสบายใจนานกว่าสิบสองชั่วยาม
และในวันที่สองของการแกล้งป่วย ศิษย์สี่สิบหกคนก็มารวมกันที่หอไป่ฝาน พวกเขาผนึกกฎห้ามไว้ในหอ และเริ่มสั่งสอนศิษย์ในเรื่องเกี่ยวกับการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าใหญ่
แต่หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม โหย่วฉินเสวียนหย่าและจิ่วอูก็รีบไปที่ยอดเขาหยกน้อยทีละคน และนำข่าวเดียวกันไปให้หลี่ฉางโซ่ว
“เจ้าสำนักขอให้คำแถลงการณ์ หลี่ฉางโซ่วมีส่วนร่วมในสำนัก และให้ความสำคัญอย่างมากกับการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าใหญ่ เขาจะทำงานอย่างหนักเพื่อฝึกฝน และฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้ก่อนที่การประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าใหญ่จะเริ่มต้นขึ้น บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วและโหย่วฉินเสวียนหย่า เป็นหัวหน้าศิษย์ และศิษย์คนอื่นควรอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาทั้งสองคน”
จุดสีดำหกจุดค่อยๆปรากฏขึ้นบนหัวของหลี่ฉางโซ่วและเขากระซิบ “มันเป็นความผิดพลาดหรือไม่”
“ไม่ นี่คือคำยืนยันของสำนักที่มีต่อเจ้า” จิ่วอูยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วงฉางโซ่ว เจ้าจะไปทันเวลาการประชุมครั้งนี้อย่างแน่นอน”
โหย่วฉินเสวียนหย่าพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ถูกต้อง ท่านจะตามทันอย่างแน่นอน การประชุมจะจัดขึ้นในในอีกสิบสองปี และเราจะไปถึงที่นั่นล่วงหน้าครึ่งปี”
สิบ!
ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วเบิกกว้าง จากนั้นก็ค่อยๆ ปิดลงอีกครั้ง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก และหัวเราะออกมาดังๆ จากความรู้สึกถึงความเหน็บหนาวของโลก แล้วถอนหายใจขณะคิดถึง…ความไม่เที่ยงของชีวิตจริงๆ