ถ้าถ่านดีเยี่ยงนี้มีแค่ที่ร้านเขาที่เดียว เช่นนั้นการค้าของคนอื่นก็ไม่มีทางดีเท่าเขา!
เถ้าแก่พยายามระงับจิตใจตนเอง และทำนิ่ง ถึงถามต่อว่า “ถ่านทั้งหมดที่พวกเจ้าเผาล้วนเป็นระดับนี้กระมัง?”
โจวกุ้ยหลานหันมองสวีฉางหลิน นางไม่รู้เรื่องนี้
พอรับรู้ถึงสายตาภรรยาตน สวีฉางหลินถึงหันบอกเถ้าแก่ว่า “ใช่”
พอได้รับคำตอบแน่ชัด หัวใจเถ้าแก่เต้นเร็วไม่เป็นส่ำ จากนั้นบอกอย่างร้อนใจว่า “เช่นนั้นท่านจะขายข้าเท่าไหร่?”
“เถ้าแก่ เรื่องนี้ท่านพูดดูจะเหมาะสมกว่านะ” โจวกุ้ยหลานดึงเรื่องกลับมาอย่างเหมาะสม เถ้าแก่พยายามระงับจิตใจตนเอง ในใจครุ่นคิด ถ้าซื้อมาทั้งหมด ก็จะยกราคาขึ้นไปดอีก ถึงเวลาต้องมีคนมาซื้อแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะมีคนมากน้อยแค่ไหนยอมจ่ายเงิน
เขามองสำรวจเสื้อผ้าที่สองคนตรงหน้าสวมใส่ ของผู้ชายยังดีหน่อย มีรอยปะชุนแค่สองที่ แต่ของสตรีผู้นี้ ปะชุนแทบหมดทั้งตัวแล้ว คงร้อนเงินอย่างหนัก และที่บ้านจนมาก น่าจะหลอกได้ง่าย
พอคิดอย่างนี้ เขาแสร้งทำหน้าลำบากใจ และยื่นนิ้วออกมาห้านิ้ว “ข้าให้ท่านหนึ่งจินห้าอีแปะ”
“ราคาต่ำเกินไป” โจวกุ้ยหลานส่ายหัว
“ราคาไม่ต่ำแล้ว ถ่านปกติของข้าซื้อมาในราคาสองสามอีแปะ “ เถ้าแก่ร้อนใจรีบอธิบาย
ห้าอีแปะ สำหรับคนยากจนถือว่าไม่เลวแล้ว
“เถ้าแก่ ระดับของถ่านนี่เป็นอย่างไรท่านรู้ดีแก่ใจ กลับเอาราคาของถ่านระดับต่ำสุดมาต่อรองกับถ่านนี้ มิได้ดอก ถ่านนี้ของเราเผายุ่งยากกว่าถ่านธรรมดา ถ้าเถ้าแก่ให้ราคาเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราจะดูที่อื่นล่ะ”
โจวกุ้ยหลานไม่ได้พึ่งทำการค้าครั้งแรก ร้านนี้ไม่รับ ในเมืองยังมีร้านอื่นอีกนี่นา? นางไม่เชื่อหรอกว่า ร้านอื่นก็จะไม่เอาเหมือนกัน
“ถึงจะดีกว่าหน่อย แต่ห้าอีแปะก็ไม่น้อยแล้วนะ” เถ้าแก่ขมวดคิ้ว แต่ยังพยายาม
เห็นเขายังพยายาม โจวกุ้ยหลานกลับไม่อยากเสียเวลาแล้ว “ในเมื่อเถ้าแก่พูดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นครั้งนี้พวกเราคงตกลงกันไม่ได้ ครั้งหน้าค่อยร่วมมือกันแล้วกัน”
พูดเสร็จ ดึงสวีฉางหลินเป็นเชิงให้เขาออกไป
คุยตกลงการค้า จะคุยได้ก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายจริงใจต่อกัน ถ้าเขาไม่ยอม นางก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองน้ำลายคุยต่อแล้ว
“เฮ้อ พวกท่านอย่ารีบร้อนไปสิ การค้าต้องเจรจานี่นา ไม่ได้ ข้าให้หกอีแปะเป็นอย่างไร?”
เถ้าแก่นั่นตะโกนเรียกโจวกุ้ยหลานไล่ตามหลัง “นี่เป็นราคาที่สูงที่สุดที่ข้าให้ได้แล้วนะ!”
“เถ้าแก่ ครั้งหน้ามีโอกาสค่อยคุยกันนะ” โจวกุ้ยหลานหันมาบอกเถ้าแก่นั่นหนึ่งคำ และเดินออกไปอย่างไม่ลังเล นางขึ้นรถเทียมวัว บอกเหล่าหม่าโถวว่า อยากไปร้านอื่น
เถ้าแก่ในร้านขมวดคิ้วมุ่น เห็นพวกเขาไปกันหมดเลย เริ่มร้อนใจขึ้นมาจริงๆ เขาอ้อมผ่านโต๊ะจ่ายเงิน รีบเดินออกมา และเห็นรถเริ่มขยับแล้ว
“เดี๋ยวก่อน! พวกเราคุยกันก่อน!”
ระหว่างพูด เขาก็พุ่งออกมาแล้ว
โจวกุ้ยหลานให้เหล่าหม่าโถวหยุดรถก่อน และกระโดดลงมาจากรถ เดินหลายก้าวมายืนหน้าเถ้าแก่ บอกเขาว่า “เถ้าแก่หากท่านให้ข้าหนึ่งจินสิบอีแปะได้ พวกเราค่อยคุยกันต่อ”
สำหรับเถ้าแก่คนนี้ โจวกุ้ยหลานไม่ค่อยชอบนัก
เมื่อครู่นางเห็นสายตาเถ้าแก่คนนี้ที่มองสำรวจนางกับสวีฉางหลิน มันมีแววดูถูกอยู่ในนั้น
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้นางไม่อยากคุยต่อไป
“แพงเกินไปแล้ว!” เถ้าแก่คิ้วขมวดมุ่นมองโจวกุ้ยหลานอย่างไม่พอใจ
ถ่านชั้นดีที่เขานำเข้ามาจากเขตก็ยังมีต้นทุนหนึ่งจินสิบอีแปะเลย เจ้าคนบ้านนอกนี่โลภมากนัก จะให้เขาให้ราคาสูงขนาดนี้เลย?
“ไม่แพงแล้ว เพราะถ่านนี่จะขายไปเขตด้วย” โจวกุ้ยหลานสำทับหนึ่งคำ
“แต่พวกเรายังต้องขนย้ายไปเขต และต้องหาเส้นสาย ทั้งหมดต้องใช้เงินทั้งนั้น ยังไงก็แพงอย่างนี้ไม่ได้ เอาอย่างนี้ เจ็ดอีแปะ นี่เป็นราคาสูงสุดที่ข้าจะให้ได้แล้ว หากท่านยินดี ข้าก็รับถ่านของท่านทั้งหมดเลย”
ดวงตาตาเหลี่ยมคู่นั้นของเถ้าแก่มองไปที่รถเทียมวัวเขม็ง สิบกว่าตะกร้านั่นต้องเป็นถ่านทั้งหมดแน่ หากเขาซื้อมา แล้วขายออกไป ต้องหาเงินได้ไม่น้อยแน่….
นี่ยังจะมาหลอกนางงั้นสิ
โจวกุ้ยหลานแอบยิ้มเย็นในใจ แต่สีหน้าไม่แสดงออก และพูดต่อว่า “ในเมื่อเถ้าแก่ที่นี่ไม่รับ ข้าจะไปดูที่อื่นแล้วกัน”
พูดจบ นางหมุนตัวกลับไปที่รถเทียมวัว สวีฉางหลินช่วยพยุงนางขึ้นรถ เหล่าหม่าโถวไม่รอช้า เคลื่อนตัวรถเทียมวัวออกไปทันที
เถ้าแก่ยืนมองรถเทียมวัวเคลื่อนตัวออกไปจริงๆ โกรธจนกระทืบเท้าเร่า ๆ “โลภมากนัก! ข้าจะดูสิว่าร้านไหนกลัวรับถ่านของเจ้าในราคาแพงเท่านี้!”
แค่ชาวนาจนๆ อยากได้เงินจนบ้าไปแล้ว!
เหล่าหม่าโถวได้ยินไม่ชัดว่าโจวกุ้ยหลานคุยอะไรกับเถ้าแก่นั่น เพียงแต่เห็นโจวกุ้ยหลานกลับมา เลยเดาว่า ถ่านนี่ขายไม่ออก เลยปลอบนางว่า “เถ้าแก่หงนี่ไม่ใช่คนคุยได้ง่าย ขายไม่ออกก็ไม่เป็นไร พวกเราไปร้านอื่นดู ต้องขายได้แน่”
“ข้ามิเป็นไร เถ้าแก่หงดูถูกข้า ข้าไม่อยากขายถ่านให้เขา” โจวกุ้ยหลานบอกความรู้สึกจริงๆออกมา
เหล่าหม่าโถวไม่เชื่อคำพูดนี้ของนาง คุยการค้าไม่ได้ มีหรือจะไม่เป็นไร?
ในใจเขาคิดอย่างนี้ แต่สีหน้าไม่ได้แสดงมันออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่โจวต้าไห่ทำการค้า พอเห็นไม่ได้เรื่อง ในใจก็ร้อนรนนัก
“กุ้ยหลานเอ๋ย พวกเราคงมิใช่ขายไม่ออกจริงๆนะ?”
“คิดอะไรน่ะพี่ใหญ่ ในเมืองนี้มีร้านขายของชำสามสี่ร้านนะ พวกเราต้องขายได้แน่ๆ ต่อให้ไม่มีที่ไหนรับจริงๆ พวกเราก็ไปขายให้บ้านคนมีเงินพวกนั้นได้นะ”
โจวกุ้ยหลานปลอบ
ไม่เห็นหรือว่าเถ้าแก่หงนั่นอยากได้ถ่านของพวกเขาแค่ไหนกัน แค่ดูถูกพวกเขามากเกินไปเท่านั้น
สวีฉางหลินที่อยู่ข้างๆไม่สงสัยภรรยาตนเลยสักนิด ก่อนหน้านี้ก็เคยเห็นภรรยาตนทำการค้ามาแล้ว ทุกครั้งก็หาเงินได้ไม่น้อยเลย
ต่อให้หาเงินไม่ได้ ข้าก็ไม่กลัว อย่างมากก็ไปล่าสัตว์ต่อ
ไม่นาน รถเทียมวัวมาถึงร้านขายของชำร้านที่สองในเมือง คราวนี้โจวกุ้ยหลานพาโจวต้าไห่เข้าไปด้วย
พอพวกเขาเข้าไป ชายอายุห้าสิบกว่าปีก็รับหน้าเข้ามา “ทั้งสองท่านต้องการสิ่งใดรึ?”
“ขอถามว่า พวกท่านที่นี่รับถ่านหรือไม่?” พอโจวกุ้ยหลานเข้ามาก็ถามเปิดประเด็นเลย
เถ้าแก่คนนั้นก็ไว “รับ ขอข้าดูระดับหน่อยได้หรือไม่?”
โจวกุ้ยหลานหยิบถ่านชิ้นหนึ่งที่หยิบมาเมื่อครู่ยื่นไปให้ เถ้าแก่นั่นรับไปพินิจพิเคราะห์แล้ว ก็ยิ้มทั้งดวงตา
“ถ่านนี่เผาดียิ่งนัก ดีกว่าถ่านชั้นดีที่สุดของข้าที่นี่อีก มิทราบว่าท่านจะขายเท่าไหร่รึ?” ระหว่างพูด เถ้าแก่นั่นก็เหล่มองทั้งคู่อีกครั้ง
สายตาหยุดที่โจวต้าไห่ชั่วครู่ และกลับมาที่โจวกุ้ยหลานอีก