ถึงจะบอกว่านี่เป็นสตรีผู้หนึ่ง แต่ตั้งแต่เมื่อครู่แล้วที่เป็นสตรีผู้นี้คุยกับเขาทั้งสิ้น เห็นได้ชัดว่า ระหว่างสองคนนี้ สตรีผู้นี้เป็นหัวหน้า

พอได้ยินเขาถามเช่นนี้ โจวต้าไห่ที่อยู่ข้างๆเหงื่อออกที่ฝ่ามือแล้ว เขารีบดึงชายเสื้อโจวกุ้ยหลาน ให้นางพูดน้อยลงหน่อย

โจวกุ้ยหลานหันไปมองเขาด้วยสายตาให้วางใจได้ และหันกลับมาพลางยิ้มบอกเถ้าแก่นั่นว่า “ข้าอยากทำการค้าระยะยาว หากเถ้าแก่ให้ข้าหนึ่งจินสิบอีแปะ ข้าก็จะเผามาขายเถ้าแก่เท่านั้น”

เถ้าแก่อึ้งถาม “สิบอีแปะ?”

“ใช่ ถ่านของข้าชั้นดียิ่งนัก เผาออกมาแล้วไม่มีควันเลย บ้านคนมีเงินแม้แต่หนึ่งจินยี่สิบอีแปะก็ยินดีซื้อแน่” โจวกุ้ยหลานเหล่เห็นสายตาเถ้าแก่คนนี้ไม่มีวี่แววดูถูกอะไรต่อนาง เลยยินดีที่จะคุยต่อ

เถ้าแก่คนนั้นขมวดคิ้ว และมองถ่านในมืออีกครั้ง

เขาเปิดร้านขายของชำมาทั้งชีวิต ย่อมมองออกอยู่แล้วว่า ถ่านนี่เผาได้ดียิ่งนัก แต่สิบอีแปะมันแพงเกินไปหน่อย บ้านคนมีเงินก็มีไม่มากนัก ต่อให้เป็นบ้านคนมีเงิน ก็ไม่แน่ว่าจะซื้อถ่านนี้ไปใช้…”

พอคิดอย่างนี้ น้ำเสียงเขามีแววเสียดาย “ถ่านนี่เป็นถ่านดี ตามหลักแล้วสิบอีแปะก็รับซื้อได้ แต่เมืองเราก็แค่นี้ หากข้ารับไว้ทั้งหมด ก็คงขายไปได้ไม่มากเท่าไหร่ดอก…” พอโจวกุ้ยหลานได้ยินคำนี้ ก็อดไม่อยู่หัวเราะออกมา “เถ้าแก่แซ่อะไรรึ?”

“ข้าแซ่โจว” เถ้าแก่ตอบ

“ตระกูลเดียวกัน ข้าก็แซ่โจว” โจวกุ้ยหลานยิ้มบอก

เถ้าแก่นั่นก็ยิ้มเหมือนกัน มีแววสนิทสนมกับนังหนูที่มาจากตระกูลเดียวกันนี่ขึ้นมาหน่อย

“ร้านของเถ้าแก่มีของดีไม่น้อยเลย น่าจะนำเข้ามาจากเขตกระมัง?” โจวกุ้ยหลานยิ้มบอก

“ใช่ ของในเขตน่ะมักมีมากหน่อยดีหน่อย” เถ้าแก่โจวพูดตามความจริง

แววยิ้มในดวงตาโจวกุ้ยหลานยิ่งลึกขึ้น “ในเมื่อเถ้าแก่โจวนำเข้าสินค้าจากเขตได้ ทำไมไม่ขายของไปเขตล่ะ?”

เถ้าแก่โจวสะท้านเยือก มองโจวกุ้ยหลานอย่างตกใจ

หลังจากสบตากับดวงตานาง โจวกุ้ยหลานยังพยักหน้าให้เขาอีกด้วย

จริงสิ ถ้าขายในเมืองไม่หมด เขตใหญ่กว่านี่นา คนมีเงินก็มาก ต้องขายออกไปได้กระมัง? ทุกครึ่งเดือนเขาต้องนำของเข้ามาจากเขตหนึ่งรอบ เขาลากถ่านที่ดีที่สุดในเขตกลับมาอย่างนี้เหมือนกัน ถ้าเขารับถ่านนี่ไว้ แล้วขายไปเขต เช่นนั้นต่อไปการค้าเขาจะไม่ยิ่งรุ่งเรืองรึ?

ยิ่งคิด เขายิ่งดีใจ

“นังหนู ความคิดดีของเจ้านี้ ทำไมข้าคิดไม่ถึงนะ?” เถ้าแก่โจวลูบเคราตนเอง พลางหัวเราะร่วน

โจวกุ้ยหลานพูดต่อ “เมื่อครู่เวลาสั้นนัก เถ้าแก่เลยคิดไม่ได้มาก ต่อให้ข้ามิพูด อีกครู่เถ้าแก่โจวก็ต้องคิดได้เองแน่”

โดนยกยอแบบนี้เข้าให้ เถ้าแก่โจวยิ่งดีใจหนัก

“นังหนูนี่พูดจาเก่งนัก ทำการค้าเก่งนัก” เถ้าแก่โจวชมโจวกุ้ยหลาน และพูดต่อว่า “นังหนู ไม่ใช่ข้าหลอกเจ้านะ ถ้าไปขายในเขต ก็ต้องไปขายที่ร้านขายของชำในเขต ราคาจะแพงมากไม่ได้ดอก ถ้าเจ้าขายให้ข้าในราคาหนึ่งจินสิบอีแปะ ข้าก็ไม่ได้กำไรหรอก”

พอได้ยินคำนี้ โจวกุ้ยหลานยิ่งยิ้มหนักขึ้น “ถ้าทุกเดือนเถ้าแก่สามารถรับได้หนึ่งพันจินขึ้นไป เช่นนั้นข้าจะขายให้เถ้าแก่ในราคาหนึ่งจินแปดอีแปะ”

หนึ่งจินแปดอีแปะ ราคานี้น้อยลงไปไม่น้อยเลย

ถ้าเอาไปขายเขต หนึ่งจินสิบสองอีแปะก็น่าจะขายได้ เช่นนั้นหนึ่งจินก็ได้กำไรสี่อีแปะ ถ้าขายได้มาก เดือนหนึ่งนี่ก็ได้เงินไม่น้อยแล้ว

“แปดอีแปะก็ไม่แพง แต่นังหนู หนึ่งพันจินนี่ข้าไม่รู้จะขายออกไปได้ไหม เกิดรับมาแล้วขายไม่ออก ข้าก็ขาดทุนย่อยยับสิ” เถ้าแก่โจวยังคิดต่อรองราคา

โจวกุ้ยหลานไม่สนใจ เถ้าแก่โจวอยากกดราคาเป็นเรื่องปกติ นางเข้าใจอยู่แล้ว

“เถ้าแก่โจว ถ่านที่ข้านำมาในวันนี้ก็มีหลายร้อยจิน ขายให้ท่านในราคาแปดอีแปะแล้วกัน ท่านเอาไปลองขายดูก่อน และเอาไปขายในเขตด้วย ถ้าขายได้ดี ท่านค่อยมารับของกับข้า ถ้าขายไม่ได้ เงื่อนไขของหนึ่งพันจินนี่ข้าก็ไม่ต้องการแล้ว เป็นอย่างไร?”

“ไม่เลวเลย! ถ่านของเจ้าอยู่ไหนล่ะ เอามาด้วยกระมัง วันนี้ข้ารับหมดเลย!” เถ้าแก่โจวรับปากอย่างดีใจ

เขานำเข้าถ่านจากเขตก็ต้องจ่ายหนึ่งจินสิบอีแปะ ระดับยังไม่ดีเท่าถ่านนี้ ถ้าสามารถซื้อได้ในราคาหนึ่งจินแปดอีแปะ เช่นนั้นเขาก็ไม่นำเข้าถ่านจากเขตแล้ว มาซื้อกับนังหนูนี่อย่างเดียวเลย

พอได้ยินเขาพูดอย่างนี้ โจวต้าไห่ดีใจนัก ถ่านนี่ขายได้แล้ว!

ยังไงก็รู้จักแยกแยะสถานที่ เขาไม่กล้าพูดมาก ผลุนผลันออกไปทันที

โจวกุ้ยหลานรู้ว่าเขาดีใจ เลยไม่พูดอะไรมาก

เถ้าแก่นั่นก็เข้าใจว่าเขาออกไปยกถ่าน เลยเรียกคนของตนออกไปช่วยด้วย

“เถ้าแก่ เหล่าคนมีเงินในเมืองน่ะจะว่ามากก็ไม่มาก น้อยก็ไม่น้อย หนึ่งเดือนขายหลายร้อยจินน่ะมิใช่ปัญหาอยู่แล้ว บวกกับพวกโรงเตี๊ยมดีๆเอย โรงอาบน้ำดีๆเอย ล้วนต้องการถ่านทั้งนั้น”

“ในเมือง นอกจากพวกคนมีเงินแล้ว คนธรรมดามักจะซื้อถ่านระดับกลาง พวกเราขายได้ดีที่สุดคือถ่านระดับกลางนี่แหละ ส่วนถ่านระดับต่ำสุด มักจะเป็นคนยากจนมาซื้อ พวกโรงเตี๊ยมอะไรนั่น น่ากลัวก็ใช้ถ่านระดับกลางนี่แหละ”

เถ้าแก่โจวครุ่นคิด พลางพูดกับโจวกุ้ยหลาน

เขาทำการค้ามาตลอดชีวิต ของดีขายง่ายไม่ง่ายเขาก็พอรู้อยู่

แต่ไม่รู้ทำไม เขายอมคุยเรื่องทำการค้ากับนังหนูคนนี้

โจวกุ้ยหลานยิ้ม “พวกโรงเตี๊ยมธรรมดาก็คงอยากซื้อถ่านระดับกลางราคาถูก แต่พวกโรงเตี๊ยมชั้นเลิศเล่า? อย่างเช่นโรงเตี๊ยมเทียนเซียง อากาศใกล้จะหนาวแล้ว คนที่ไปเหมาห้องกินข้าวที่นั่นล้วนเป็นคนมีเงิน พวกเขาย่อมต้องการซื้อถ่านที่ดีที่สุดแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เถ้าแก่โจวเคยไปลองติดต่อดูหรือยัง?”

เถ้าแก่โจวชะงักกึก รู้สึกตนเหมือนได้รู้แจ้งเห็นหลักธรรม

ร้านของเขามีของมากมายที่เป็นของลูกค้าระยะยาว อย่างเช่นเกลือก็ขายให้กับลูกค้าระยะยาวและโรงเตี๊ยมหลายแห่ง เพียงแต่ส่วนมากต้องแย่งชิงกับร้านขายของชำอื่น ราคาเลยโดนปรับลงไม่น้อย กำไรก็ไม่เท่าไหร่ด้วย แต่ถ้าถ่านขายกับเขาคนเดียว ที่อื่นไม่มี เขาค่อยเอามาขาย ก็ไม่เหมือนกันละ

ไม่เพียงแค่โรงเตี๊ยมในเมือง ยังมีโรงเตี๊ยมในเขต ถ้าขายได้หมดแบบนี้ เดือนหนึ่งไม่ใช่แค่หนึ่งพันจินแล้ว!

ระหว่างที่คิด ทั้งหมดก็ขนถ่านจากข้างนอกเข้ามาหลายตะกร้านัก

เถ้าแก่โจวแอบครุ่นคิดในใจ รู้สึกว่า การค้านี้ยิ่งคิดยิ่งน่าทำ

“ขอบใจนังหนูที่เตือน” เขากำหมัดคารวะโจวกุ้ยหลาน

“มิเป็นไรดอก ข้าก็แค่เห็นคนอื่นทำอย่างนี้ ถ้าเถ้าแก่ขายได้มาก ข้าก็หาเงินได้มากขึ้นมิใช่รึ?” โจวกุ้ยหลานยิ้มร่ารับคำ

ระหว่างพูด ทั้งหมดก็ยก ถ่านเกือบสิบตะกร้านั่นเข้ามาหมดแล้ว

เถ้าแก่โจวจัดการจินน้ำหนักถ่านไม้พวกนั้นต่อหน้าทุกคน สุดท้ายลบกับน้ำหนักตะกร้า และที่โดนทับจนแตกที่พื้นไป ก็คือห้าร้อยยี่สิบแปดจิน คือสี่ตำลึงสองเฉียน และยี่สิบสี่อีแปะ