ตอนที่ 565 โหงวเฮ้ง ตอนที่ 566 มีรับสั่งให้จับพวกกบฏมาลงโทษไม่เว้นแม้แต่คนเดียว

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 565 โหงวเฮ้ง

การปรับเปลี่ยนแก้ไขสำมะโนครัวดูคล้ายเป็นเรื่องเล็ก แต่ในความเป็นจริงเรื่องสำมะโนครัวนี้เกี่ยวพันกับพื้นฐานราชสำนัก หากมีคนที่ดูแลจัดการด้านสำมะโนครัวไม่รู้ประสีประชาเช่นนี้ เช่นนั้นเมื่อราชสำนักจัดการเรื่องราวอันใดขึ้นมาก็ต้องยุ่งยากเพิ่มอีกมากเท่าไรเชียว

คนของที่ว่าการอำเภอล้วนรู้เกียรติศัพท์ความดุดันของฮั่วเจ้ายวน

แล้วนับประสาอะไรกับเขาที่ออกคำสั่งมาเช่นนี้ องครักษ์ด้านข้างแต่ละคนชักดาบออกมาพร้อมเพรียง มองดูเหมือนต้องการฟาดฟันลงมาที่ตัวคนในทันทีก็ไม่ปาน

บรรดาผู้คนที่อยู่ในสถานการณ์ต่างตระหนกตกใจกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทา

ผลปรากกฎว่า ทันใดนั้นก็มีคนคลานออกมาสองสามก้าว “ใต้เท้าโปรดไว้ชีวิตด้วยขอรับ…นักเลงอันดับหนึ่งของเมืองอย่างเก๋อต้ามาหาข้าน้อยก่อนหน้านี้ ให้เงินจำนวนยี่สิบตำลึงเงินเพื่อจัดการลงทะเบียนสำมะโนครัวครอบครัวเหมียวซื่อและ…ปลอมแปลง…”

“เจ้าบังอาจมาก รู้กฎหมาย แต่ทำผิดกฎหมายเสียเอง” นายอำเภอโมโหเช่นกัน ไม่นึกเลยว่าลูกน้องใต้อาณัติตนจะกระทำเรื่องประเภทนี้ นี่ต่างกับคนเฝ้าคลังเก็บของแต่กลับกลายเป็นหัวขโมยเสียเองตรงไหนเล่า!

ฮั่วเจ้ายวนไม่พูดอะไรแล้วเช่นกัน อย่างไรเสียคดีความระดับนี้นายอำเภอก็จัดการอย่างเป็นธรรมได้อยู่แล้ว

ขณะนี้ เหมียวซื่อก็ตระหนกตกใจจนแทบเป็นลมแล้วจริงๆ

เก๋อต้าถูกเอ่ยออกมา นี่เท่ากับจับตัวคนก็ง่ายดายแล้วได้ใช่หรือไม่

หลังจากพักศาลไปได้ครู่หนึ่ง คนของร้านชุ่ยเหยียนไจก็ถูกพาตัวมาแล้วเช่นกัน มองเห็นภาพฉากนี้ ผู้จัดการร้านและผู้ดูแลร้านหยวนรู้สึกวิตกกังวลในใจเล็กน้อยเช่นกัน

พูดตามจริง พวกเขาให้เงินเก๋อต้าไป แต่เก๋อต้าทำอะไรนั้น พวกเขาไม่รู้เลยจริงๆ พวกเขาต้องการแค่ผลลัพธ์เท่านั้นเองเก๋อต้าบอกว่าอย่างมากสุดสองสามเดือน พวกเขาก็จะได้รับสูตรการทำสบู่หอมอย่างแน่นอน…

แต่นี่เพิ่งกี่วันเอง ไฉนจึงขึ้นศาลพิจารณาคดีความเสียแล้ว

“ใต้เท้า…” ทั้งสองคนพร้อมใจกันคุกเข่าลง

นายอำเภอลอบมองฮั่วเจ้ายวนที่นั่งอยู่ด้านข้างแวบสายตาหนึ่ง ในใจราวกับกำลังตีกลอง ที่ไม่เข้าใจยิ่งกว่าอะไรคือ ไฉนคนผู้นี้จึงให้ความสนใจในคดีความเล็กๆ เช่นนี้

มิใช่ว่า…ถูกตาต้องใจความงามของแม่ม่ายผู้นี้แล้วกระมัง

ซ่งอิงอยู่ในโถงพิจารณาคดีความย่อมไม่อาจใส่ผ้าคลุมหน้าได้ ดังนั้นตอนนี้นายอำเภอก็มองเห็นชัดเจนเช่นกัน

ดวงหน้านี้ดูงดงาม

แม้ไม่ถึงขั้นงามล่มบ้านล่มเมือง แต่กลับเต็มไปด้วยราศีที่ไม่ธรรมดาประดับทั่วทั้งตัว ไม่เหมือนหญิงชาวบ้านคนหนึ่ง หากแต่เหมือนคุณหนูจากตระกูลผู้สูงศักดิ์ร่ำรวย

นายอำเภอไม่กล้ามองนานเช่นกัน เขากวาดตามองเพียงแวบสายตาเดียว จากนั้นก็กล่าวกับผู้ดูแลร้านทั้งสองคน “แม่นางฮั่วกล่าวว่าพวกเจ้าทั้งสองมีความแค้นกับนาง เคยว่าจ้างเก๋อต้าพร้อมพวกหลายคนไปเล่นงานนาง เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่”

ทั้งสองคนใจเต้นระรัว รีบบอกกล่าวทันควัน “ใส่ร้ายกันเห็นๆ ขอรับใต้เท้า! ข้าน้อยเป็นคนทำกิจการค้าขายอย่างเอาจริงเอาจัง จะทำเรื่องเลวทรามประเภทนั้นได้อย่างไรกันขอรับ!”

นายอำเภอรู้ว่าถามไปก็ไม่ได้อะไร แน่นอนว่าต้องรอเก๋อต้าผู้นั้นพร้อมพวกมาจึงจะได้เรื่องมีทหารองครักษ์ของใต้เท้าฮั่วเป็นผู้ช่วยอีกแรง จึงจับตัวคนได้อย่างรวดเร็ว แปดคน ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็ถูกจับตัวมาดำเนินคดีถึงศาลพิจารณาคดีความเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เก๋อต้าพร้อมพวกในใจรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่งเช่นกัน โดยเฉพาะยามที่มองเห็นพวกเหมียวซื่อ รู้สึกราวกับหัวใจพลันกระดอนขึ้นมาถึงลูกกระเดือกก็ไม่ปาน

“เป็นพวกเขาขอรับ!” ฮั่วเฉียงรีบบอกกล่าวทันควัน “พวกเราถูกข่มขู่และเอาผลประโยชน์มาหลอกล่อ ขอใต้เท้าโปรดลงโทษสถานเบาด้วยขอรับ!”

“เก๋อต้า เจ้าพร้อมพวกสารภาพความจริงมาเสีย ผู้ดูแลร้านทั้งสองคนนี้บงการอยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่!” เมื่อนายอำเภอพูดจบก็ลอบถอนหายใจ

เก๋อต้าผู้นี้ประสาทเสียหรือไม่ ต่อกรสตรีชาวบ้านธรรมดาๆ ยังต้องทุ่มทุนเช่นนี้เชียวหรือ…แน่นอนละว่าเขาก็แค่ประหลาดใจเท่านั้นเอง ไม่ใช่สนับสนุนนักเลงลอบรังแกผู้คนแต่อย่างใด

“ใส่ร้ายกัน…”

เก๋อต้าเพิ่งเอ่ยปาก ฮั่วเจ้ายวนก็กล่าวสวนขึ้นมา “แม่นางฮั่วตลอดจนคนเหล่านี้ล้วนยืนยันแล้วว่าเจ้าพร้อมพวกกระทำความผิด ไม่รู้จักละอายใจปรับปรุงตัวแล้วยังปากแข็งไม่ยอมรับอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้…เอาไปลงไม้โบยเถอะ บอกกล่าวผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังเมื่อใดก็ค่อยหยุดเมื่อนั้น หากไม่พูดก็เฆี่ยนไปจนตาย”

“…” นายอำเภอเบิกตาโตด้วยความตื่นตกใจ “เฆี่ยนจนตาย? เอ่อ คดีความนี้คงไม่ดีนักหากจะลงโทษหนักเช่นนี้นะขอรับ…”

“เช่นนั้นหรือ” ฮั่วเจ้ายวนไม่โมโหเช่นกัน “สังเกตโหงวเฮ้งเขาแต่ละคนเหมือนไม่ใช่คนดีแต่อย่างใด เกรงว่าปกติแต่ละวันก็กระทำเรื่องชั่วช้าไม่น้อยเช่นกัน ลองไปตรวจสอบดูแล้วรวบรวมหลายๆ เรื่องเข้าด้วยกันก็เป็นอันใช้ได้แล้ว”

“โหงวเฮ้ง?” นายอำเภอรู้สึกว่าตนจะขาดอาการหายใจแล้วอย่างไรอย่างนั้น

ตอนที่ 566 มีรับสั่งให้จับพวกกบฏมาลงโทษไม่เว้นแม้แต่คนเดียว

เก๋อต้าเห็นท่านนายอำเภอเกรงกลัวบุรุษที่อยู่ด้านข้างเช่นนี้ก็รู้ได้เช่นกันว่าอีกฝ่ายมีเบื้องลึกเบื้องหลังไม่ธรรมดา ชั่วขณะนั้นเขาถึงกับไม่รู้ว่าควรจัดการกับตัวเองอย่างไร

โดยเฉพาะ…

เขามองเห็นผู้ดูแลหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่ตนติดสินบนอยู่ตรงนี้อีกด้วย

ส่วนคำพูดที่อีกฝ่ายกล่าวก็ยิ่งย้ำเตือนสิ่งหนึ่งแก่เขาว่า หลายปีมานี้นอกจากเขาทำงานให้ร้านชุ่ยเหยียนไจ บางครั้งก็จะรับงานส่วนตัวอย่างอื่นด้วยเช่นกัน

ก็อย่างเช่น…

คดีความที่คุณหนูตระกูลสวี่หายตัวไปในตอนแรก ก็เป็นสาวใช้ผู้นั้นเอาเงินจ้างบรรดาพี่ๆ น้องๆ ของเขาจัดการ เพียงแต่น่าเสียดาย ตอนนั้นบรรดาพี่ๆ น้องๆ ที่ไปทำเรื่องนี้ดันตาลาย คล้ายว่าเจออะไรเข้าแล้วจึงได้ตระหนกตกใจจนล้มป่วย ยามนี้ยังคงพร่ำพูดอยู่เรื่อยว่าตัวเองเห็นปีศาจ…

เรื่องราวคล้ายๆ จำพวกกรณีคุณหนูตระกูลสวี่มีมากทีเดียว ซึ่งเรื่องที่ว่ายังไม่เคยผ่านการตรวจสอบมาก่อนล้วนเป็นความจริง

“ใต้เท้า! ข้าน้อยได้รับเงินจำนวนหนึ่งจากผู้จัดการร้านชุ่ยเหยียนไจรวมไปถึงผู้ดูแลร้านหยวน คาดหวังให้สั่งสอนแม่นางฮั่วผู้นี้สักยก ครั้งแรกกลับถูกแม่นางฮั่วทุบตีชุดใหญ่ ด้วยความรู้สึกไม่พอใจจึงได้สั่งการคนครอบครัวฮั่วซื่อไปเล่นงานซ่งอิงขอรับ…” เก๋อต้าบอกกล่าวทันที

ตนพูดเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นที่ผ่านมาก็คงไม่ต้องตรวจสอบแล้วกระมัง

พวกเขาเตรียมใจว่าคดีความนี้อย่างไรเสียก็ไม่ได้สร้างความเสียหายใหญ่โต แค่ลงไม้โบยไม่กี่ทีก็น่าจะสิ้นเรื่องแล้ว

อย่างมากสุดก็เรื่องการติดสินบนเจ้าหน้าที่ผู้นั้นที่ค่อนข้างเกินไปหน่อย อย่างน้อยๆ คงต้องติดคุกสามสี่ปี แต่ไม่เป็นไร ปีแรกอดทนไว้หน่อย หลังจากนั้นหาเส้นสายสักทางก็ออกมาได้แล้ว

“สารภาพง่ายดายขนาดนี้เชียว เช่นนั้นก็ประทับตรานิ้วมือลงหนังสารภาพเสียสิ” ฮั่วเจ้ายวนเอ่ยด้วยท่าทีผ่อนคลาย

ซ่งอิงตกตะลึงมากจริงๆ

เสน่ห์ของอำนาจอิทธิพลช่างชวนให้นางหลงใหลจริงๆ

ดูสิ ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค ผู้กระทำผิดเหล่านี้ก็ว่าง่ายเหมือนแมวน้อยขี้ขลาดตัวหนึ่ง!

เก๋อต้าพร้อมพวกประทับตรานิ้วมือในทันที เพียงแต่หลังประทับตรานิ้วมือแล้ว ฮั่วเจ้ายวนก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง “คนเหล่านี้รับผิดอย่างว่าง่ายเช่นนี้ นั่นต้องเป็นเพราะมีคดีใหญ่เก็บงำไว้อีกเป็นแน่ อย่างไรก็ต้องตรวจสอบให้ดีๆ ด้วย”

“…” เก๋อต้าเงยหน้าขึ้นทันใด

เพิ่งเตรียมพูดก็ถูกคนของฮั่วเจ้ายวนปิดปากเอาไว้ จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็ถูกลากตัวไปในทันที

ซ่งอิงจุ๊ปาก รู้สึกอิจฉาไม่เบา

อ๋องผู้หนึ่งซึ่งมีแซ่ต่างจากราชวงศ์ยังร้ายกาจเพียงนี้ เช่นนั้นหากเป็นบุตรโดยแท้ของฮ่องเต้ก็คงเป็นผู้ที่มีรับสั่งให้จับพวกกบฎมาลงโทษไม่เว้นแม้แต่คนเดียวอย่างเอาจริงเอาจังเป็นแน่!

เพียงแต่ว่า เทียบกับโอรสฮ่องเต้ยังธรรมดาไปหน่อย หากเป็นเซียนสวรรค์เล่า เช่นนั้นต่างหากจึงจะยิ่งเก่งกาจค้ำฟ้าน่าโอ้อวดขึ้นไปอีก เพียงยกฝ่ามือก็พลิกฟ้าคว้าฝน[1]ได้…

นึกมาถึงตรงนี้ ในแววตาซ่งอิงก็มีประกายพร่างพราว

ฮั่วเจ้ายวนเผยรอยยิ้มเล็กน้อยแต่งแต้มบนใบหน้า เห็นทีว่าสาวน้อยผู้นี้จะพอใจในวิธีการจัดการปัญหาของเขาเป็นอย่างยิ่ง ณ เวลานี้ต้องเลื่อมใสในตัวเขาเกินบรรยายเป็นแน่

ผู้จัดการร้านและผู้ดูแลร้านหยวนต่างก็งุนงงจนทำอะไรไม่ถูก

พวกเขายังไม่ทันได้พูดอะไรเลย ไฉนก็…ถูกกำหนดให้เป็นผู้กระทำผิดเสียแล้ว!

“ใต้เท้า เก๋อต้าผู้นั้นพร้อมพวกมีความแค้นกับพวกข้า ดังนั้นจึงได้ใส่ร้ายป้ายสีกัน! พวกเขาต้องถูกแม่นางน้อยผู้นี้ว่าจ้างแล้วเป็นแน่! ขอใต้เท้าโปรดตรวจสอบให้กระจ่างด้วยขอรับ!” ทั้งสองคนพร้อมใจกัดเอ่ยพูด

“พูดเช่นนี้หมายความว่าพวกเจ้าไม่ยอมรับหรือ” ฮั่วเจ้ายวนกล่าว

“ไม่ขอรับ ไม่ยอมรับขอรับ พวกเราไม่เคยทำเช่นนั้นจริงๆ นะขอรับ!” ทั้งสองคนกล่าวขึ้นทันทีอีกครั้ง

ฮั่วเจ้ายวนคล้ายกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก หลังจากนั้นชั่วขณะหนึ่งก็เอ่ยว่า “ได้ยินว่าแม้ร้านชุ่ยเหยียนไจเป็นร้านเครื่องประทินโฉมแห่งหนึ่ง แต่กลับมีเงินทองไหลมาเทมาตลอดทั้งปี ไม่รู้เช่นกันว่ามีเรื่องอย่างการหนีภาษีหรือไม่ นายอำเภอหาคนตรวจสอบบัญชีสักหน่อยแล้วกัน…”

“อ้อ ก่อนหน้านี้คล้ายได้ยินข่าวเล่าข่าวลือในตัวเมืองนี้มาด้วยเช่นกันว่า ตำรับของร้านชุ่ยเหยียนไจแห่งนี้ล้วนแย่งมาบ้างละ ขโมยมาบ้างละ อย่าได้มองข้ามคำพูดของประชาชน หาร้านค้ามาสักสี่ห้าร้านมาตรวจสอบซึ่งหน้า ดูสิว่าสรุปแล้วสินค้าเป็นของเจ้าไหนกันแน่ หากเป็นของผู้อื่น เช่นนั้นมาตกอยู่ในมือของพวกเขาได้อย่างไร ใช้วิธีการอันใด อีกทั้งจ้างคนแบบไหนไปลงมือ…”

ซ่งอิงแอบยกนิ้วหัวแม่มือให้เงียบๆ

นายอำเภอก็รู้สึกเช่นกันว่าใต้เท้าฮั่วผู้นี้ออกจะไร้ยางอายไปหน่อย

เจ้าไต่สวนก็ไต่สวนไป จะจับนู่นผสมนี่ให้มั่วไปหมดทำไมกัน

ที่กล่าวถึงในตอนนี้คือคดีความของร้านชุ่ยเหยียนไจกับร้านว่านหลิง เกี่ยวข้องอันใดกับผู้อื่นด้วยเล่า!

[1] พลิกฟ้าคว้าฝน (翻云覆雨) หมายถึงการใช้เล่ห์เหลี่ยมพลิกแพลงไปมาได้อย่างมีชั้นเชิง