บทที่ 258 เหยาซูอดนึกถึงหลินเหราไม่ได้
บทที่ 258 เหยาซูอดนึกถึงหลินเหราไม่ได้
มีลูกค้าสองคนเข้ามาในร้านชาด
เหยาซูได้สติทันใด จากนั้นก็โยนความคิดเหล่านั้นทิ้งไป เริ่มวุ่นวายกับงานในร้านต่อ…
เสี่ยวเถารออยู่ในร้านขายชาดตลอดครึ่งเช้า พยายามจดจำสินค้าทุกตัวภายในร้านหนึ่งรอบ
นางประหลาดใจกับลูกค้าที่เข้ามาในร้านอย่างต่อเนื่อง พลางรู้สึกจริง ๆ ว่า ร้านขายชาดไม่ได้มีขนาดใหญ่นัก แต่มีสินค้าหลากหลายเช่นนี้
แค่ชาดก็มีหลากสีสันไม่ต่ำกว่าห้าประเภทแล้ว นอกจากชาดจะมีหลายสีแล้ว กลิ่นยังแตกต่างกันอีกด้วย ประกอบกับไขทามือที่มีไว้สำหรับต้อนรับลูกค้า
สิ่งของทุกชนิดไม่ถือว่ามีราคาสูงนัก แต่ขอแค่มีลูกค้าเข้ามาในร้าน จะมากหรือจะน้อยก็ล้วนมีคนซื้อกลับไป
เสี่ยวเถาคาดการณ์โดยประมาณ แค่ระยะเวลาสั้น ๆ ในช่วงเช้า สินค้าที่มีในร้านถูกขายไปไม่ต่ำกว่ายี่สิบตำลึงแล้ว…
ถ้าเป็นอย่างที่แม่นางเหยาบอกกับนางเมื่อเช้า วัตถุดิบที่ใช้ผลิตสิ่งของเหล่านี้ออกมาไม่ได้มีราคาสูงนัก ร้านขนาดเล็กที่ดูไม่น่าดึงดูดเช่นนี้ สามารถทำเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว!
รอจนถึงช่วงเที่ยง ลูกค้าค่อย ๆ น้อยลง กระทั่งได้ยินเถ้าแก่หนิวพูดกับเหยาซูว่า “คุณหนู ไขทามือของเราถูกขายออกไปเกือบหมดแล้ว คุณหนูตั้งใจจะทำอีกเมื่อใดขอรับ?”
เหยาซูเองได้ดูแลลูกค้าในช่วงเช้าเช่นกัน รู้ว่าสิ่งที่ทุกคนมักถามบ่อยที่สุดคือไขทามือ “ดูท่าไขทามือจะเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดในตอนนี้ ในร้านยังมีของอีกเท่าไร?”
ในร้านมีอะไร เก็บไว้เท่าไร เถ้าแก่หนิวล้วนต้องละเอียดถี่ถ้วน
ครั้นเห็นเหยาซูเอ่ยถาม เขาก็อ้าปากตอบทันที “ไขทามือกลิ่นดอกไม้ที่เหลือถูกขายจนหมดเกลี้ยงแล้วขอรับ อย่างอื่นยังคงมีเหลือ แต่ก็คงอยู่ได้อีกสองสามวันนี้”
เหยาซูพยักหน้า ในใจครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าเห็นว่าวันนี้ขายสีผึ้งทาปากไปไม่เยอะ คราวนี้ต้องลดจำนวนสีผึ้งทาปากไปสักหน่อย”
สตรีในเมืองชิงถงส่วนใหญ่เป็นพวกอนุรักษ์นิยม ไม่ค่อยทาสีผึ้งทาปากที่มีสีสันสักเท่าไรนัก กลายเป็นว่าสีผึ้งทาปากที่ไม่มีสีภายในร้านกลับได้รับความนิยมที่สุด
ช่วงเช้าเหยาซูได้พูดคุยกับลูกค้าไปไม่น้อย มีการตัดสินต่อแนวโน้มทางการตลาดโดยส่วนใหญ่ ในใจจึงรู้ว่าครานี้จะต้องทำอะไร…
ครั้นเหยาซูเห็นเสี่ยวเถาฟังอย่างตั้งใจ จึงอดยิ้มไม่ได้ “เสี่ยวเถาอยู่ด้วยพอดี คราวนี้เรามาทำสินค้าแบบใหม่ด้วยกัน เจ้าจะได้เรียนรู้และถือว่าช่วยข้าด้วย”
เสี่ยวเถาเกิดความคาดหวังอยู่ในใจ จึงพยักหน้าอย่างจริงจัง “เจ้าค่ะ!”
ในร้านยังมีลูกค้าเข้ามา เถ้าแก่หนิวจึงลุกไปต้อนรับ เหลือเพียงเหยาซูและเสี่ยวเถาที่นั่งอยู่หน้าตู้วางสินค้า กำลังพูดคุยถึงสถานการณ์ในช่วงเช้า…
เสี่ยวเถาแสดงสีหน้าเหมือนอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็หยุดชะงักลง ไม่นานมันก็หายไป
เหยาซูมองออก จึงถามว่า “ทำไม? มีอะไรอยากจะพูดอย่างนั้นหรือ?”
เด็กสาวรีบส่ายหน้า “ไม่มีเจ้าค่ะ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร…”
นิสัยของนางช่างเหมือนอาซือ ใจอ่อนและเชื่อฟังมาก น้อยนักที่จะสร้างปัญหาให้ผู้อื่นเพิ่ม
เดิมทีเหยาซูเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของเจี่ยงฉีมาก ครั้นได้เจอกับเสี่ยวเถาในตอนนี้ ทั้งยังได้รู้จักกับนางในระยะเวลาที่ไม่สั้นนัก ตอนนี้จึงมีทั้งความเชื่อใจและความชื่นชอบ
เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ เหยาซูจึงคลี่ยิ้มกว้างและพูดว่า “วันข้างหน้าเจ้าก็อยู่ข้างกายข้า และอยู่ในบ้านของพี่สะใภ้หลิว เราก็คือคนในครอบครัวเดียวกัน มีอะไรก็พูดกับข้าได้เสมอ”
เสี่ยวเถารู้สึกลิงโลดอยู่ในใจ คำพูดของเหยาซูทำให้นางรู้สึกว่ามีที่พักพิง และยิ่งเชื่อใจต่อเหยาซูมากขึ้น
นางเม้มปากด้วยความรู้สึกเกรงใจและพูดเสียงเบาว่า “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ก็แค่รู้สึกว่าแม่นางเหยาช่างเก่งยิ่งนัก…”
ดวงตาของเหยาซูโค้งขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาดุจหยกขาวได้แต้มรอยยิ้มแสนอ่อนโยน เห็นได้ชัดว่าไม่ได้กว้างไปกว่าเสี่ยวเถาสักเท่าไร แต่กลับทำให้เสี่ยวเถาเห็นถึงความสบายใจจากพี่สาว
เหยาซูยิ้มพลางถามเสี่ยวเถาว่า “เก่งอย่างไร?”
เสี่ยวเถากะพริบตาอย่างเจ้าเล่ห์ “แม่นางเหยามีรูปลักษณ์ที่งดงามเพียงนี้ ทั้งยังทำกิจการ… ท่านแม่ข้าเคยกล่าวไว้ คนที่มีฝีมือจะไม่สามารถทำการค้าได้ ดังนั้นจึงรู้สึกว่าแม่นางเหยาเก่งมากเจ้าค่ะ!”
เหยาซูยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “ไม่ขนาดนั้นหรอก รอเจ้าเรียนรู้ ก็จะสามารถทำได้…”
เสี่ยวเถาพูดอย่างจริงจัง “ความคิดของแม่นางเหยาไม่เหมือนกับคนภายนอก เสี่ยวเถาไม่เคยได้ยินมาก่อน ใครเล่าจะสามารถขายชาดทาปากที่มีกลิ่นดอกไม้หลากหลายชนิดได้มากขนาดนี้!”
ในสายตาคนภายนอก เหยาซูเป็นผู้ที่มีฝีมือและมีมันสมอง แต่สำหรับเหยาซูเอง กลยุทธ์ในการขายสิ่งของเหล่านี้ เป็นเพียงความรู้ผิวเผินในการขายของคนสมัยปัจจุบันเท่านั้น…
นางพูดกับเสี่ยวเถาโดยไม่ได้คิดอะไรว่า “ความจริงหากจะทำเรื่องอะไรก็ล้วนต้องคิดก่อนเสมอ ขอแค่ในใจเจ้าครุ่นคิด จะทำสินค้าที่ลูกค้าชอบออกมาได้อย่างไร และจะขายให้หมดโดยเร็วได้อย่างไร หากการกระทำทั้งหมดทั้งมวลวนเวียนอยู่รอบประเด็นหลักสองข้อนี้ ก็จะทำมันออกมาสำเร็จแน่นอน”
เสี่ยวเถาครุ่นคิดจริงจัง ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่…
เหยาซูได้พูดสั่งสอนนางอีกครั้ง “ทำกิจการมีแค่สองรูปแบบ รูปแบบที่หนึ่งเหมือนของเราเช่นนี้ กำไรน้อยแต่ขายได้เยอะ อาศัยแค่ผู้ซื้อมาทำเงิน ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งก็คือของที่ประณีต มีคุณภาพ ยิ่งหายากยิ่งมีราคา เสี่ยวเถาคิดว่า รูปแบบไหนเหมาะสมกับเรามากกว่า?”
จู่ ๆ ก็มีภาพของผู้คนที่เข้ามาในร้านตลอดช่วงเช้าแวบขึ้นมาในหัวสมองของเด็กสาว ก่อนจะตอบว่า “ชาดและแป้งน้ำของเหล่านี้ทำไม่ยาก ต้นทุนก็ไม่สูง ถ้าตั้งราคาสูงเกินไป ก็จะต้องใช้ฝีมือที่ค่อนข้างมาก …เสี่ยวเถาคิดว่า รูปแบบที่หนึ่งน่าจะเหมาะสมมากกว่าเจ้าค่ะ”
ครั้นเห็นนางดูเหมือนจะยังพูดไม่จบ เหยาซูก็พูดให้กำลังใจ “อื้อ เจ้าพูดต่อเถอะ”
เสี่ยวเถาจึงพูดต่อว่า “แต่หากราคาต่ำ ก็ไม่สามารถดึงดูดลูกค้าที่มากกว่านี้ได้ ที่ร้านของเราขายดี นั้นเพราะสินค้าที่แม่นางเหยาทำออกมามีคุณภาพ”
เหยาซูเห็นนางตัดสินเช่นนี้ จึงอดเผยรอยยิ้มไม่ได้
เสี่ยวเถาไม่เข้าใจ “แม่นางเหยา ที่ข้าพูดไม่ถูกต้องหรือเจ้าคะ?”
เหยาซูส่ายหน้าเบา ๆ “เจ้าพูดถูกและไม่ถูก สินค้าในร้านมีคุณภาพดี เรื่องนี้เป็นขั้นตอนอย่างหนึ่งในการเอาชนะใจลูกค้า แต่เจ้ามองข้ามไปเรื่องหนึ่ง นอกจากคุณภาพแล้ว ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกหลายอย่างทำเพื่อดึงลูกค้าทั้งเมืองชิงถง”
ครั้นเห็นเสี่ยวเถากำลังสับสน เหยาซูก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะสอนเนื้อหาทั้งหมดให้นางภายในวันเดียว ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางจะอ้วนขึ้นเพราะกินแค่คำเดียวได้
นางจึงเอ่ยอย่างอดทน “เจ้าตามเถ้าแก่หนิวไปอีกสองสามวัน เดี๋ยวก็รู้เอง ตอนนี้เราเห็นรูปลักษณ์ภายนอกของสินค้าทั้งหมดเหมือนกัน แต่การแกะสลักตัวอักษรเหยาจี้ไม่ใช่เรื่องที่เกินความจำเป็น”
เสี่ยวเถาพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ
เหยาซูบอกเรื่องที่ต้องระวังในเวลาปกติภายในร้านกับนางแล้ว เสี่ยวเถายิ่งรู้สึกว่า การดูแลร้านขายชาดปากที่มีขนาดเล็กเช่นนี้ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้
เสี่ยวเถาทอดถอนใจ “แม่นางเหยาเก่งยิ่งนัก พี่เสี่ยวหนิวเองก็ไม่เลว… เมื่อเสี่ยวเถาเทียบเคียงกับพวกท่านแล้ว ไม่เป็นอะไรเลยสักอย่างจริง ๆ ”
เหยาซูหลุดหัวเราะออกมา จากนั้นก็พูดอย่างผ่อนคลายว่า “เจ้ายังเด็ก จะทำเป็นไปเสียทุกอย่างได้อย่างไรกัน! อยู่ในร้านสักปีสองปีก็เรียนรู้ได้หมดแล้ว เรื่องนี้ไม่ต่างกับการเลี้ยงเด็กหรอก เป็นพ่อเป็นแม่คนสิ่งสำคัญที่สุดคือความอดทน ดังนั้นเจ้าไม่ต้องร้อนใจไปหรอก”
เสี่ยวเถาได้ยินดังนั้น ความกดดันของตัวเองจึงลดน้อยลงมากโดยไม่รู้ตัว…
ครั้นเอ่ยถึงความเป็นพ่อแม่ เสี่ยวเถาเพิ่งคิดได้ แม่นางเหยาไม่เพียงแต่จะออกเรือนแล้ว ยังเป็นแม่ของเด็กอีกสามคนด้วย
ยามที่อยู่ในจวนเจี่ยง นางมักจะได้ยินนายน้อยและคุณหนูคนเล็กของแม่นางเหยาเล่นกัน แต่ไม่เคยได้ยินใครเอ่ยถึงสามีของนางมาก่อน…
ในใจของเสี่ยวเถาเกิดความแปลกใจ จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สู่ขอสตรีเฉกเช่นแม่นางเหยาได้ …สามีของแม่นางเหยา คงไม่ใช่คนธรรมดากระมังเจ้าคะ?”
จู่ ๆ นางก็เอ่ยถึงหลินเหรา เหยาซูเกิดความลังเลขึ้นมาทันใด ไอหยา อดนึกถึงเขาไม่ได้อีกแล้ว…
ในจดหมาย ได้ยินว่าฝ่ายประสบกับเรื่องบางอย่างอยู่ ไม่รู้ว่าจะจัดการได้หรือไม่…
เหยาซูดึงสติกลับมา ครั้นเห็นว่าในสายตาของเสี่ยวเถาเต็มไปด้วยความประหลาดใจที่มีต่อหลินเหรา จึงได้แต่ยิ้มบาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
มุมปากของนางกระตุกขึ้นอย่างไม่อาจควบคุมได้ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เขา เขาก็เป็นคนธรรมดา…”
หญิงสาวเหมือนจะพูดบางอย่างแต่กลับหยุดชะงัก ทั้งยังแสดงท่าทีเขินอาย ยากนักที่จะได้เห็น
ดวงตาของเสี่ยวเถาโค้งเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว จากนั้นก็ส่ายหน้าและพูดอย่างเด็ดขาดว่า “สามีของแม่นางเหยาจะต้องเก่งกาจแน่นอน ทั้งยังเหมาะสมกับแม่นางเหยาอย่างแท้จริง มิเช่นนั้น แม่นางเหยาไม่มีทางเอ่ยถึงด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นนี้”
เหยาซูหมดหนทางโต้แย้ง
นางยิ้มกับเสี่ยวเถา ปล่อยหัวข้อนี้ไป เปลี่ยนมาคุยเรื่องหลัก “ข้าจะกลับไปเตรียมของบางอย่างในตอนเที่ยง พรุ่งนี้จะสอนเจ้าทำชาดดีหรือไม่?”
เสี่ยวเถา พยักหน้าและพูดว่า “ดี พรุ่งนี้เราค่อยเริ่มกันเจ้าค่ะ!”
นางอยากจะเรียนรู้โดยเร็ว ไม่เนรคุณต่อความคาดหวังที่ทุกคนมีต่อนาง
เสี่ยวเถาไม่รู้ว่าในใจของเหยาซูก็อยากจะสอนนางให้เป็นโดยเร็ว เพื่อจะได้ไปพบกับหลินเหราในเมืองหลวง….
………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ซีอีโอเครื่องสำอางสอนเองกับตัวขนาดนี้ก็ต้องมีอะไรก้าวหน้าบ้างล่ะค่ะ
ขอให้อาซูเจอกับอาเหราเร็ว ๆ นะคะ
ไหหม่า(海馬)