บทที่ 259 ตระกูลเหยาเกิดเรื่อง

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 259 ตระกูลเหยาเกิดเรื่อง
บทที่ 259 ตระกูลเหยาเกิดเรื่อง

วันรุ่งขึ้น เหยาซูเรียกเสี่ยวเถามาที่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่ จากนั้นก็พานางไปเรียนรู้การทำชาดปาก

เสี่ยวเถามีฝีมือมากจริง ๆ มีหลายครั้งที่พูดแค่รอบเดียวก็สามารทำได้แล้ว เหยาซูลงมือเพียงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็เฝ้าดูอยู่ข้าง ๆ บางครั้งก็คอยเอ่ยแนะนำไม่กี่ประโยค

อาซือและเถิงเอ๋อได้ยื่นหน้าเข้ามาดูความคึกคักนี้ แม้ว่าพวกเขาจะเล่นกัน แต่ก็ได้เรียนรู้กันไปไม่น้อย

ในขณะที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน พลันได้ยินเสียงคนตะโกนมาจากนอกลานบ้าน “อาซู อาซูอยู่บ้านหรือไม่?”

อาซือเงยหน้าขึ้นทันใด ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกาย และพูดว่า “นั้นท่านยายหู! เสียงของท่านยายหู!”

อาซูเองก็ฟังออก เสียงนั้นคือเพื่อนบ้านของหมู่บ้านตระกูลเหยา

ว่าแต่เหตุใดท่านป้าหูถึงมาในเมืองได้เล่า?

นางรีบลุกขึ้น เดินออกไปยังลานบ้าน กระทั่งเห็นท่านป้าหูในชุดธรรมดา พร้อมกับถือตะกร้าในมือยืนอยู่ไม่ไกลนัก

เหยาซูขานเรียก “ท่านป้าหู เหตุใดวันนี้ถึงมีเวลาว่างมาได้ล่ะเจ้าคะ?”

สีหน้าของท่านป้าหูไม่สู้ดีนัก

นางเห็นอาซือวิ่งตามออกมา นางจึงพูดคุยกับเหยาซูก่อน จากนั้นก็ค่อยพูดกับอาซือว่า “ยายไม่เจอเอ้อเป่าตั้งนาน เอ้อเป่าสูงขึ้นมากเชียวนะ”

ท่านป้าหูมักดีกับลูก ๆ ของเหยาซูเสมอ ก่อนหน้านั้นยามที่ผู้เป็นยายของพวกเด็ก ๆ มาหาที่บ้าน จะช่วยพูดกับอาจื้อและอาซือเสมอ

อาซือสนิทกับท่านป้าหูมาก จึงเอ่ยด้วยความดีใจ “เอ้อเป่าสูงขึ้นแล้ว! ท่านยายหูเข้ามาดื่มน้ำในบ้านก่อนสิเจ้าคะ!”

ท่านป้าหูยิ้มอย่างเมตตา และพูดกับอาซือว่า “ยายหูกระหายนิดหน่อย แต่ยายมีธุระ ยืนคุยหน้าบ้านเดี๋ยวก็ไปแล้ว เอ้อเป่าช่วยไปรินน้ำให้ยายหูหน่อยได้หรือไม่?”

อาซือไม่ได้มีความสงสัยใด ๆ วิ่งตึก ๆ เข้าไปในบ้าน

เหยาซูเห็นท่าทางเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจของท่านป้าหู จึงอดเป็นกังวลในใจไม่ได้ รอจนอาซือเดินจากไปไกลแล้ว จึงรีบถามทันที “ท่านป้าหู ตกลงเกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ? หรือว่าท่านพ่อท่านแม่ของข้า พวกเขา…”

ท่านป้าหูเห็นนางร้อนใจ จึงพูดว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้า พวกเขาสบายดี อาซูเจ้าอย่าร้อนใจไป”

ครั้นอาซูได้ยินดังนั้น ก็ถอนหายใจออกมา “ข้าไม่เป็นไร เชิญป้าหูกล่าว”

ใบหน้าของท่านป้าหูเผยสีหน้าที่ยากจะพรรณนาออกมา เหมือนกับไม่รู้ว่าจะต้องพูดตรงไหน ทั้งยังเป็นกังวลว่าเด็ก ๆ จะเดินออกมาโดยไม่รู้ตัว จึงพยายามกดเสียงให้ต่ำลง “ไม่ใช่เรื่องของครอบครัวพวกเจ้าหรอก แต่เป็นคนในตระกูลหลินเหล่านั้น ทั้งยังหาเรื่องใหญ่โต…”

หัวคิ้วของเหยาซูขมวดเข้าหากัน ก่อนจะส่ายหน้าและพูดว่า “ตอนนี้เรากับตระกูลหลินไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันแล้ว ตอนที่แยกตระกูลกันในวันนั้น หลี่เจิ้งในหมู่บ้านตระกูลหลินก็อยู่ด้วย”

ท่านป้าหูทอดถอนใจ ใบหน้าแสดงสีหน้าขุ่นเคือง “อย่างนั้นหรือ! ข้าเองก็เคยเจอตระกูลนั้น เห็นท่าทางที่หญิงชราผู้นั้นสร้างความลำบากใจให้แก่ต้าเป่าและเอ้อเป่า ก็รู้แล้วว่านางไม่ใช่คนดี ตอนนี้พวกเขาไปหาพ่อกับแม่ของเจ้า คงมีเรื่องอยากคุย”

เหยาซูตื่นตกใจ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ “คุย? ไฉนเราต้องขอโทษพวกเขาด้วย? จะต้องคุยอะไรกันอีก?”

ท่านป้าหูกล่าวต่อ “แม่หวังแม่เฒ่าตระกูลหลิน พาสะใภ้รองและสะใภ้สามของพวกเขาไปบ้านพวกเจ้าตั้งแต่เช้าตรู่…”

เหยาซูตะลึงงันไปชั่วขณะ จากนั้นก็เอ่ยตัดบทท่านป้าหูทันที “ไม่ถูกต้องสิ หลินหงจะแต่งงานเมื่อไรล่ะ?”

ท่านป้าหูจึงเพิ่งนึกได้ หลายวันมานี้ที่เหยาซูไม่ได้กลับบ้านตระกูลหลิน และไม่ได้ติดต่อสัมพันธ์กับคนในหมู่บ้านตระกูลหลิน ย่อมไม่รู้เห็นเรื่องราวในตระกูลนั้น

นางอธิบายต้นสายปลายเหตุว่า “ลูกชายคนที่สามของตระกูลหลินแต่งงานไปแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน สู่ขอหลานสาวแม่ของเขา ซึ่งมีเป็นศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา”

เหยาซูพยักหน้า “ข้าเองก็เคยได้ยินมาบ้าง ว่ากันว่าเติบโตมาด้วยกันกับหลินหงตั้งแต่เด็ก ก็ไม่เลวนะ”

ท่านป้าหูแสดงสีหน้ารังเกียจ และพูดว่า “ไม่เลวได้อย่างไร ไม่เคยเจอกันสักครั้ง แล้วจะมีใจกันได้อย่างไร? แม่เฒ่าผู้นั้นเกิดถูกใจว่าที่สะใภ้อย่างแม่หนูผู้นี้ จึงคิดหาทางสู่ขอมาจนได้!”

เหยาซูขี้เกียจจะฟังเรื่องแย่ ๆ ของตระกูลนี้ จึงพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใยว่า “วันนี้พวกเขาไปบ้านข้า พูดอะไรกันบ้าง? ทำอะไรกันบ้าง?”

ท่านป้าหูขมวดคิ้วแน่น และพูดเสียงต่ำว่า “ก็คงไม่พ้นเรื่องเงิน ยามที่สะใภ้สามแต่งเข้ามา ไม่ได้มีสินสอดทองหมั้นมากเพียงนั้น … ได้ยินว่าหลินหงต้องเป็นหนี้เป็นสิน จนตอนนี้ก็เอาแต่ทุบตีภรรยาของเขาอยู่ในบ้านทุกวัน แม้แต่แม่เฒ่าหวังก็ไม่สนใจหลานสะใภ้ของตัวเอง เอาแต่ดุด่าทุบตีนางไม่ต่างกัน”

เหยาซูพูดอย่างเกลียดชัง “เหตุใดตระกูลหลินถึงได้ต่ำตมเช่นนี้ เรื่องของตระกูลหลิน แล้วมาหาตระกูลเหยาของข้าด้วยเหตุใด? อีกอย่างข้ากับอาเหราแยกตัวออกมาแล้ว ไม่ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันอีก!”

อีกทั้ง การตายของแม่สามีแท้ ๆ จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับหญิงชราตระกูลหลินผู้นั้นแน่นอน นางชักจะหน้าไม่อายเกินไปแล้ว

ท่านป้าหูพูดอย่างจนปัญญา “เช่นนั้นก็ตามนี้…”

เหยาซูเข้าใจความคิดคร่ำครึที่หยั่งรากลึกของชาวไร่ชาวนา ในเมื่อพวกเขาแยกบ้านออกมาแล้ว ขอแค่หลินเหรายังมีแซ่หลิน ในสายตาของคนภายนอก ก็ยังคงเกี่ยวพันกับตระกูลหลินไปชั่วชีวิต!

นางเองก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับเรื่องพวกนี้ จึงถามท่านป้าหูว่า “ตอนนี้พวกเขายังอยู่ที่บ้านท่านพ่อและท่านแม่ของข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

ท่านป้าหูพยักหน้า “ใช่ ข้าออกจากบ้านตั้งแต่เช้า ก็เห็นพวกเขาไปถึงแล้ว คนเหล่านั้นด่าสาดเทเสีย ปักหลักอยู่ในลานบ้านของเจ้าไม่ยอมไปไหน…ตอนนี้พี่ใหญ่ของเจ้าก็ไม่อยู่ มีแค่พ่อกับแม่ของเจ้าที่จะต้องจัดการเอง แค่คงไม่ดีแน่หากจะไล่แม่สามีและคนอื่น ๆ ออกไป”

เหยาซูนั่งไม่ติดอีกต่อไป

เหยาซูกล่าวขอบคุณท่านป้าหู “ขอบคุณท่านป้ามากที่วิ่งมาหาข้า ข้าเก็บของอีกครู่แล้วจะรีบตามออกไปเจ้าค่ะ”

ท่านป้าหูส่ายหน้า “ไม่เป็นไร แค่อยากจะกำชับเจ้าสักอย่าง เรื่องนี้ให้เด็ก ๆ รู้น้อยที่สุดจะดีกว่า ง่ายมากที่ต้าเป่าและเอ้อเป่าจะหลุดพ้นจากตระกูลนั้น แต่อย่าให้พวกเด็ก ๆ ต้องตื่นกลัวอีก”

เหยาซูตกใจชั่วขณะ นึกถึงพฤติกรรมที่ท่านป้าหูพยายามกันท่าให้อาซือออกไป ในใจจึงผ่อนคลายลง

นางพยักหน้าและพูดว่า “เป็นความรอบคอบของท่าน กลับไปคราวนี้ ข้าจะต้องจัดแจงที่อยู่ให้อาซือก่อนแล้วค่อยไป”

ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ก็เห็นอาซือยกน้ำชาร้อนถ้วยหนึ่งออกมาจากในลานบ้าน ข้างกายนั้นยังมีเถิงเอ๋อตามมาด้วยอีกคน

เด็กสาวเดินมาข้างกายของท่านป้าหู จากนั้นก็พูดเสียงชัดแจ๋วว่า “ท่านยายหู น้ำร้อนอยู่ที่พี่เถิง ชานี้เอ้อเป่าชงเอง เชิญท่านยายเจ้าค่ะ!”

ครั้นเห็นดวงตาที่สุกใสบนใบหน้าอันผุดผ่องของอาซือคู่นั้นฉายแววไร้เดียงสาไร้พิษไร้ภัย ท่านป้าหูพลันรู้สึกเอ็นดู รู้สึกดีใจยิ่งที่เมื่อครู่ไม่ได้พูดเรื่องไม่ดีเหล่านี้ต่อหน้าเด็กน้อย

ท่านป้าหูรับชาในมือของอาซือไป ก่อนจะยิ้มและพูดว่า “เด็กสองคนนี้ ช่างรู้ความจริง ๆ”

น้ำในถ้วยชาไม่ร้อนเกินไป กำลังพอดี

ท่านป้าหูคำนึงถึงสภาพจิตใจของเหยาซู จึงไม่อยู่นานนัก ดื่มชาเสร็จก็กล่าวลาโดยเร็ว

อาซืออดถามเหยาซูไม่ได้ “ท่านแม่เจ้าคะ ที่ท่านยายหูมาหาเรา มีเรื่องอะไรใช่หรือไม่?”

เหยาซูลังเลเล็กน้อย

เดิมทีนางอยากจะปิดบังอาซือ แต่เมื่อคิดทบทวนแล้ว บัดนี้อาซือก็ไม่ใช่เด็กน้อย มีสิทธิ์รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านเช่นกัน

เพียงแต่การจะไปเผชิญหน้าจริงจังนั้น ไว้ให้พวกผู้ใหญ่อย่างพวกเขาไปจัดการจะดีกว่า

นางโน้มตัวลง มองเข้าไปในดวงตาของอาซือ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านยายหูมาบอกกับแม่ว่าที่บ้านเกิดเรื่อง ญาติของตระกูลหลินไปบ้านตากับยายของเจ้า แม่ต้องกลับไปจัดการเสียหน่อย”

หัวคิ้วขนาดเล็กของอาซือขมวดเข้าหากัน ใบหน้าอันผุดผ่องก็เคร่งเครียดตาม

นางพูดอย่างจริงจัง “เดิมทีท่านพ่อไม่ใช่ลูกชายของพวกเขา เรากับตระกูลหลินไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน”

เวลานี้ ท่าทางของเด็กสาวดูเป็นผู้ใหญ่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแล้ว

เถิงเอ๋อเดินขึ้นหน้าเข้าไปจับมือของอาซือ และฟังอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดแทรก

ในใจของเหยาซูรู้สึกเคร่งเครียดขึ้นพลางมองดูท่าทางของลูกสาว ปิดปากเงียบไม่พูดอะไร จากนั้นก็พยักหน้า และพูดกับอาซือว่า “เอ้อเป่าพูดถูก เราและพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันจริง ๆ เรื่องนี้แม่ต้องกลับไปจัดการเสียหน่อย ถ้ามืดค่ำกลับมาไม่ได้ เจ้าและพี่เถิงต้องไปนอนกับตระกูลเจี่ยง ตกลงไหม?”

อาซือเกิดความไม่พอใจอย่างชัดเจน เด็กสาวดึงแขนเสื้อของเหยาซูทันใด “ท่านแม่ … เอ้อเป่าอยากกลับไปด้วยเจ้าค่ะ”

เหยาซูค่อนข้างเด็ดขาดกับเรื่องนี้ นางพยายามพูดกับอาซือด้วยเหตุผล “แม่รู้ว่าเอ้อเป่าอยากยืนอยู่ข้างกายของแม่… แต่แม่ไม่อยากให้เอ้อเป่าถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลหลินอีก อีกอย่างนี่เป็นเรื่องระหว่างผู้ใหญ่ ตอนนี้เอ้อเป่ายังเด็ก ไว้โตขึ้นก็ค่อยแก้ไขปัญหาแทนแม่ ดีไหม?”

ในใจของเด็กสาวยังคงไม่ยอม หากแต่ก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี

นางเห็นเหยาซูเก็บข้าวของอย่างง่าย ๆ และมอบหมายงานให้แก่เสี่ยวเถาอีกสองสามประโยค แล้วค่อยกำชับนางและเถิงเอ๋ออย่างละเอียด จึงค่อยอุ้มซานเป่าออกจากบ้านไป…

เถิงเอ๋อเห็นสีหน้าที่ไม่มีความสุขของเอ้อเป่า ตลอดการสนทนาของแม่ลูกจนถึงตอนนี้เขายังคงจับมือของนางไว้ จากนั้นก็พูดโน้มน้าวเสียงเบาว่า “เอ้อเป่าอย่ากังวลไป ท่านน้าซูเก่งที่สุด”

อาซือตอบ “อื้อ” เสียงเบา ดวงตากลับกวาดไปยังนอกลานบ้าน นัยน์ตาฉายแววกังวล

เฮ้อ คนของตระกูลหลินไร้เหตุผลและยากจะสลัดพ้นนัก ไม่รู้ว่าท่านแม่กลับไปเป็นอย่างไรบ้าง…

……………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

บ้านนั้นมาหาเรื่องอะไรอีกล่ะเนี่ย ขอให้อาซูชนะนะคะ

ไหหม่า(海馬)