บทที่ 321 เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร
เซียวเย่เจ๋อเพิ่งจะเอ่ยจบ ก็เห็นทหารองครักษ์กลุ่มหนึ่งลากคนที่เปื้อนไปด้วยเลือดสองสามคนออกมา ทำให้ชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ ถอยหลังด้วยความหวาดกลัวไปตาม ๆ กัน
“ดูสิ ดึกป่านนี้ยังจะจับคนไปอีก ได้ยินมาว่าแม้แต่พระในวัดก็ไม่เว้น ใครก็ตามที่สามารถทำนายดวงชะตาได้ล้วนถูกจับกุมทั้งสิ้น”
เนื่องจากคนที่ถูกจับครั้งนี้ต่างอยู่กับครอบครัว ทว่าเพื่อผลงานพวกเขาจึงทำทุกวิถีทางในการจับตัวคนมาให้ได้ แม้แต่แผงลอยบนถนนก็ล้วนถูกเตะจนกระเด็น
“ท่านพี่! ปล่อยสามีข้า ข้าไม่ใช่คนของสำนักเทพพยากรณ์อะไรนั่น”
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ!”
เมื่อเบื้องบนสั่งการลงมา คนเบื้องล่างไหนเลยจะกล้าขัดคำสั่ง ต้องจับคนไปให้หมด ฆ่าคนผิด ยังดีกว่าปล่อยคนที่น่าสงสัยลอยนวล
“ร้องอะไร ปล่อยมือ!” ทหารองครักษ์มองอย่างเย็นชา ถึงขนาดมีคนชักดาบออกมาจะลงมือกับผู้หญิงและเด็ก
เผยยวนคว้าถั่วลิสงที่เซียวเย่เจ๋อนำออกมา ก่อนจะซัดฝ่ามือออกไปผ่านม่านรถม้า ถั่วลิสงเหล่านั้นกระแทกใส่ข้อมือและท้ายทอยของทหารองครักษ์เหล่านั้น
จากนั้นร่างทั้งร่างก็เคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว ก่อนออกไปแสดงตัว
กลางดึก โคมไฟแกว่งไปมาอยู่เหนือหัว เหล่าทหารองครักษ์หันหน้าไปกำลังจะด่าว่า ‘ใครรนหาที่ตาย’ แต่ก็พบว่าเป็นเผยยวน
ต่อให้วันนั้นไม่ได้ตามฮ่องเต้เซี่ยเจินเข้าไปในหมู่บ้านตระกูลเฉิน แต่ก็ได้ยินคนพูดถึงมาบ้างแล้ว เมื่อเห็นเผยยวนยังปลอดภัยดี แต่ละคนก็ไม่มีใครกล้ามองหน้าเขาตรง ๆ
“ท่านโหว”
เผยยวนจ้องมองทหารองครักษ์ที่ยังไม่ยอมปล่อยมือด้วยแววตาเย็นชา จนกระทั่งพวกเขายอมปล่อยมือในที่สุด ทำให้สามีภรรยาคู่นั้นได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง จึงเอ่ยตำหนิขึ้นมา “ข้าว่าพวกเจ้าทำตัวเหมือนโจรมากขึ้นทุกวัน ใครเป็นคนสั่งให้พวกเจ้าทำร้ายชาวบ้านบนถนนเช่นนี้?”
เหล่าทหารองครักษ์เองก็น้ำท่วมปาก “ท่านโหว พวกเราแค่ทำตามคำสั่ง ท่านราชครูบอกว่า…”
“เช่นนั้นเจ้ากลับไปบอกราชครูสวะนั่นแทนข้าด้วย อย่ามาสร้างความเข้าใจผิดให้ผู้คนที่นี่ ทำให้ผู้คนตื่นตระหนก หากไม่อยากเก็บหัวเอาไว้สามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ ข้าจะตีให้แตกเอง!”
ต่อให้พวกเขามีความกล้าเพียงใด ก็ไม่มีคนกล้าตอบโต้เผยยวน เมื่อเขาบอกให้ปล่อยจอมคาถาคนอื่น ๆ ที่จับมาด้วย องครักษ์เหล่านั้นก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองดูเขาขึ้นรถม้าและจากไป
“ทำได้ดี! ข้าว่าทหารของราชสำนักเหล่านี้ไม่ทำตามกฎหมายจริง ๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ราษฎรอย่างพวกเรายังจะพึ่งใครได้อีก” ฮวาเซียงเซียงบ่นออกมา
เซียวเย่เจ๋อกลับกังวลเล็กน้อย “ราชครูนั่นคงไม่อาศัยโอกาสนี้หาเรื่องพวกเจ้าหรอกกระมัง”
สองสามีภรรยาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง “คนที่พวกเราล่วงเกินมีมากมายเพียงนั้น เขานับเป็นคนที่เท่าไรกัน”
หากมัวแต่กลัวนู่นกลัวนี่ยังจะคิดชิงบ้านเมืองอะไรได้อีก ต่อให้หนีไปบุกเบิกดินแดนที่ซีเป่ย เซี่ยเจินจะปล่อยพวกเขาไปอย่างนั้นหรือ?
ก็แค่คนมีวิชาในยุทธภพคนหนึ่ง หาได้อยู่ในสายตาพวกเขาไม่
เซียวเย่เจ๋อ “…”
ประมาทเกินไปแล้ว สองท่านนี้ไม่กลัวว่าจะมีเรื่องเลยจริง ๆ
ฮวาเซียงเซียงส่งเสียงชิชะออกมา “ก็แค่ราชครูไม่ใช่หรือ ทำใจกล้า ๆ หน่อย”
เซียวเย่เจ๋อลูบคางเล็กน้อย “ดูท่าข้าต้องไปสืบดูหน่อยแล้ว ว่าเจียงเช่อผู้นี้เป็นใครกันแน่”
…
ขณะนี้เจียงเช่ออยู่ในค่ายทหารองครักษ์ เขาสวมเสื้อคลุมสีขาว ดวงตาที่มองไม่เห็นคู่นั้นมีผ้าผืนยาวผูกเอาไว้ กวานหยกครอบผมตั้งขึ้น ทั่วทั้งร่างมีเครื่องประดับหยกส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งไม่หยุด แม้แต่แขนเสื้อคลุมก็ยังกว้างจนละพื้น ทุกการเคลื่อนไหว ชายเสื้อพลิ้วไหวราวกับเทพเซียน ใครจะคิดว่าชายคนนี้จะเป็นคนคนเดียวกันกับคนที่มีสภาพย่ำแย่กว่าสุนัขบนถนนในเมืองหลวงก่อนหน้านี้
“คนที่จับมาวันนี้ล้วนอยู่ข้างในหรือ?”
เจียงเช่อเอ่ยถาม ทหารองครักษ์ด้านล่างมองอย่างดูแคลน แต่ก็ไม่กล้าล่วงเกินเขา “อยู่ในนั้นหมดแล้ว”
ทั้งหมดถูกขังอยู่ในกรงไม้ที่ล้อมรอบด้วยตาข่ายเหล็กตามที่เขาสั่ง นี่คือกรงที่เอาไว้ขังสัตว์ป่าชัด ๆ ไม่มีอะไรใช้บังลมบังฝนได้ สภาพแย่ยิ่งกว่าคุกเสียอีก
ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ไปล่วงเกินอะไรท่านราชครูผู้นี้เข้า ถึงได้ถูกเหยียดหยามเช่นนี้
บางคนทนไม่ไหวก็ดึงสายคาดเอวมามัดกับกรงแล้วชิงแขวนคอตาย
เจียงเช่อวางมือบนเก้าอี้ “ไปสอบสวนว่ามีกี่คนที่เป็นคนของสำนักเทพพยากรณ์?”บราวนี่ออนไลน์
ทหารองครักษ์รู้สึกหงุดหงิดใจอย่างมาก งานพวกนี้ไม่ใช่งานของพวกเขา ในค่ายองครักษ์คนใดบ้างที่ครอบครัวไม่มีเส้นสาย ปกติแล้วนักเล่นวิชาในยุทธภพเหล่านี้ล้วนไม่อยู่ในสายตาพวกเขาแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ยังต้องทำตามคำสั่งอีก ได้ยินดังนั้นทหารองครักษ์จึงเอ่ยด้วยความโมโห “ทั้งหมดต่างบอกว่าไม่ใช่ ที่จับได้ก็จับมาหมดแล้ว ส่วนที่ยังจับไม่ได้พวกเราก็จนปัญญาแล้ว”
เจียงเช่อหันหน้าไป หัวเราะเยาะใส่คนผู้นั้น “อย่างนั้นหรือ? เจ้าเห็นว่าข้าตาบอด ดังนั้นก็เลยคิดจะหลอกข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าไม่กล้าหลอกลวงท่าน เพียงแต่พูดตามความจริงก็เท่านั้น”
“ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่กลับมาไม่ใช่หรือ? คนเล่า?”
เจียงเช่อกำลังเอ่ยถาม คนกลุ่มนั้นก็กลับมาพอดี ทว่ากลับมามือเปล่าและยังมีสีหน้าหดหู่อีกด้วย
“วันนี้พวกเจ้าจับไม่ได้แม้แต่คนเดียวอย่างนั้นหรือ?”
เรื่องนี้ไม่ถามยังพอว่า พอถามขึ้นมาก็ราวกับการจุดประทัดอย่างไรอย่างนั้น เดิมก็อัดอั้นตันใจอยู่แล้ว เมื่อเห็นเจ้านักต้มตุ๋นที่พูดจาเหลวไหลที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็เอ่ยออกมา “จับได้แต่ปล่อยไปแล้ว”
เจียงเช่อลุกขึ้นยืน “ปล่อยไปแล้ว?”
“ใช่แล้ว หย่งกวานโหวสั่งด้วยตัวเอง ทั้งยังให้ข้าฝากคำพูดมาให้ท่านด้วย”
มีเผยยวนหนุนหลัง พวกเขาก็จะได้ระบายความโมโหในช่วงที่ผ่านมาออกมาด้วย จึงได้ถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นออกมาให้เจียงเช่อฟัง
เส้นเลือดที่ขมับของเจียงเช่อเต้นตุบ ๆ ช่วงที่ผ่านมาถูกคนประจบสอพลอ มีราษฎรมากราบไหว้ ทั้งในและนอกราชสำนักคนใดบ้างที่เห็นเขาแล้วจะไม่เคารพนอบน้อม!
เมื่อได้ยินคำตำหนิเช่นนี้ ก็ทำให้ลูกประคำในมือร่วงลงพื้นทันที
“เขาช่างกล้าดียิ่งนัก”
เหล่าองครักษ์ได้ยินดังนั้นต่างก็มองหน้ากัน ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้า
“ท่านราชครู ไม่ใช่ว่าแม้แต่เผยยวนท่านก็ไม่รู้จักหรอกกระมัง หากไม่รู้จริง ๆ ท่านลองคำนวณดวงชะตาดูก็ได้ ว่ามีวันใดที่ท่านจะได้สู้กับเผยยวนหรือไม่ พวกเราจะได้รอชมอิทธิฤทธิ์ของท่านด้วย”
อาศัยที่เจียงเช่อมองไม่เห็น พวกเขาจึงถือวิสาสะนั่งลงอย่างไม่สนใจ ใบหน้าแฝงไว้ด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
เจียงเช่อโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ “ได้ เช่นนั้นพวกเจ้ารอดูได้เลย ดูว่าเขาจะตายด้วยน้ำมือข้าหรือไม่”
เขาลุกขึ้นยืนทันที มีขันทีที่ตามมาปรนนิบัติทางด้านหลังสองคนรีบมาประคองเขาเดินจากไป
เพิ่งจะเดินออกไปได้ไม่ถึงสองก้าว ก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากด้านใน
“น่าขันสิ้นดี เจ้าได้ยินหรือไม่ เขาจะฆ่าหย่งกวานโหว? ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า”
“คนที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังไม่กล้าแตะ เขาเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?”
“คิดว่ามีฮ่องเต้คอยหนุนหลังอยู่ จะทำอะไรก็ได้กระมัง”
“นักต้มตุ๋นชั้นต่ำย่อมไม่เข้าใจอยู่แล้ว”
เจียงเช่อกำหมัดทั้งสองข้างจนแน่น คนเหล่านี้เขาจะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว ทุกคนที่ดูถูกเขาล้วนต้องชดใช้!
เจียงเช่อตรงกลับวังทันที เพื่อไปหาฮ่องเต้เซี่ยเจิน
ฮ่องเต้เซี่ยเจินในที่สุดก็ออกจากฌานแล้ว เมื่อได้ยินว่าสองวันมานี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง และได้ยินว่าเผยยวนกลับมาเมืองหลวง ก็ปาถ้วยชาในมือทิ้งทันที “เหตุใดถึงไม่รีบรายงาน ตอนนี้คนอยู่ที่ใด?”
“ตอนนี้ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”
ก่อนหน้านี้คนที่มารายงานไม่มีแม้แต่จดหมาย อยู่ดี ๆ ใครจะกล้าสะกดรอยตามเผยยวนกัน หากถูกจับได้ขึ้นมามิเท่ากับจะกลายเป็นเป้าให้ราษฎรโจมตีหรอกหรือ?
ฮ่องเต้อยากจะโมโหก็โมโหไปเถอะ อย่างมากก็แค่ถูกปลด ตอนนี้กลับไปอยู่บ้านก็ยังดีกว่ารับตำแหน่ง
สรุปก็คือไม่มีข้าราชบริพารคนใดสนใจจะสืบหาที่อยู่เผยยวน ทำให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินโมโหจนอาการปวดหัวกำเริบขึ้นมาอีก จึงรีบเอ่ยขึ้น “ไปตามราชครู รีบไปตามราชครูมา!”
.
.
.