บทที่ 320 การแก้แค้นของเจียงเช่อ

หลังจากจัดการคนทรยศของค่ายองครักษ์ลับเรียบร้อยแล้ว ก็นำม้าในค่ายที่คนพวกนั้นไม่มีชีวิตจะนำไปได้มาด้วย เด็กสองสามคนนั่งบนม้าตัวเดียวกัน โดยมีคนของกองเรือคอยดูแล ส่วนเสี่ยวเตาถูกหามอยู่ในเปลที่ทำขึ้นอย่างง่าย ๆ

เมื่อไม่ต้องเร่งรีบเดินทาง พวกเขาจึงค่อย ๆ เดินกันอย่างช้า ๆ

ตอนที่อู๋ซิ่วขี่ม้าออกจากเมืองหลวงนั้นรีบร้อนเกินไป จึงมีแป้งอบเพียงเล็กน้อยที่ซื้อมาเป็นเสบียงเท่านั้น น่าเสียดายที่ตอนออกมามืดไปหน่อย กลางดึกกลางดื่นจึงทำให้เขาไม่รู้ทาง หลังจากเดินสะเปะสะปะอยู่สักพัก จึงคิดจะไปอาศัยบ้านของชาวนาเพื่อค้างแรมสักคืน แต่ใครจะคิดว่าเจ้าม้าบ้านี่ ยิ่งวิ่งก็ยิ่งห่างไกลหมู่บ้านขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้รอบข้างจึงไร้ผู้คน อย่าว่าแต่บ้านชาวนาเลย แม้แต่สุนัขสักตัวก็ยังไม่มี

อู๋ซิ่วรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ จึงนั่งกินอาหารอยู่บนก้อนหินข้างทาง

เขาเพิ่งจะนั่งลงก็ได้ยินเสียงเกือกม้าดังขึ้นเบา ๆ อู๋ซิ่วนึกสงสัยว่าดึกดื่นค่ำคืนเหตุใดถึงยังมีคนมาอยู่ในสถานที่ที่แม้แต่ผีก็ยังไม่เห็นเช่นนี้ได้

เมื่อคนค่อย ๆ เข้ามาใกล้ อู๋ซิ่วก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขานำทรัพย์สมบัติทั้งหมดติดตัวมาด้วย หากพบโจรขี่ม้าหรือโจรภูเขาอะไรเข้า เช่นนั้นทุกอย่างก็จบเห่แน่

เขารีบร้อนเก็บเสบียงและเตรียมจะจูงม้าไปซ่อนในป่า ก็พลันได้ยินเสียงหนึ่งที่แม้แต่ในฝันก็ยากที่จะลืมเลือนได้ “นายกองอู๋”

คราวนี้อู๋ซิ่วแข้งขาอ่อนแรงขึ้นมาจริง ๆ เขาหันไปมองก็เห็นเผยยวนและชายฉกรรจ์อีกยี่สิบกว่าคน

“เอ่อ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อู๋ซิ่วหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา ก่อนจะฉีกยิ้มและเอ่ยขึ้น “ท่านโหวกลับมาจากที่ใดกันหรือขอรับ?”

ความจริงแล้วสิ่งที่อู๋ซิ่วอยากจะถามก็คือ ไปปล้นบ้านใครมาอีก ถึงได้พาตัวเด็ก ๆ กลับมาด้วยมากมายเพียงนี้

ทว่าเมื่อมองดูดี ๆ โอ๊ะ ด้านหลังยังมีคนเลือดโชกถูกหามมาอีกคนหนึ่ง ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยผ้าพันแผลอย่างกับศพแห้ง ๆ อย่างไรอย่างนั้น

เผยยวนเอ่ยด้วยท่าทางสบาย ๆ “ไปเดินเล่นมา”

อู๋ซิ่วหมดอาลัยตายอยาก ไปเดินเล่นอีกแล้วหรือ เหตุใดทุกครั้งที่ไปเดินเล่นเจ้าต้องมาเจอข้าด้วย! เปลี่ยนคนบ้างได้หรือไม่! ได้หรือไม่!

“นายกองอู๋ออกจากเมืองหลวงกลางดึก มีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ?”

หากเขาจะตอบว่าตัวเองก็มาเดินเล่นบ้างจะได้หรือไม่?

“หลง…หลงทางขอรับ”

“อ้อ~ เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ ม้าข้าตัวนี้รู้ทางดี”

รอยยิ้มของอู๋ซิ่วแข็งค้าง “ฮะ จะทำให้ท่านล่าช้าหรือไม่ขอรับ ม้าของข้าสู้ม้าของท่านไม่ได้นะขอรับ”

“ไม่เป็นไร พวกเราไม่ได้เร่งรีบเดินทางอยู่แล้ว” เผยยวนเอ่ยจบก็ไม่รอให้เขาปฏิเสธ เดินผ่านข้างกายของเขาไปทันที

อู๋ซิ่วกัดฟัน โมโหจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา กระทืบเท้าแล้วก็ทำได้เพียงก้มหน้าเดินตามหลังไป ยอมรับชะตากรรมตามเผยยวนกลับเมืองหลวง

คราวหน้า! คราวหน้าเขาต้องเลือกฤกษ์งามยามดีก่อนแล้วค่อยหนี!

บนปฏิทินต้องเพิ่มคำว่า ‘หลีกเลี่ยงเผยยวน’ ลงไปด้วย!

เมื่อมาถึงประตูเมืองก็เป็นเวลาฟ้าสางแล้ว มีอู๋ซิ่วอยู่ก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเปิดประตู ย่อมสามารถเข้าไปทางประตูเล็กได้เลย

ทหารชั้นผู้น้อยเห็นอู๋ซิ่วจากไปอย่างรีบร้อน ทว่าสุดท้ายเขาก็กลับมาอีก

“ท่านนายกอง เหตุใดท่านถึงกลับมาพร้อมท่านพญายมเผยได้เล่าขอรับ!”

อู๋ซิ่วอยากจะร้องไห้ หากเขารู้ว่าเหตุใดถึงต้องกลับมากับเผยยวน เขาจะต้องหนีอีกทำไม!

“อย่าถามเลย ข้าล่ะอยากออกบวชจริง ๆ”

ทหารชั้นผู้น้อยยกมือขึ้นมาปิดปาก “เช่นนั้นเรื่องของท่านพญายมเผย พวกเราจะบอกเบื้องบนหรือไม่ขอรับ?”

“บอกกับผีน่ะสิ คนที่ถูกด่าก็เป็นพวกเราอยู่ดี เบื้องบนกล้าไปหาเรื่องเขาหรือไม่ เขากลับมาได้วันหนึ่งแล้ว เจ้าเห็นในวังมีข่าวหรือไม่ ไม่แน่ฮ่องเต้อาจจะกินยาอายุวัฒนะจนโง่ไปแล้วก็ได้”

นี่เป็นโอกาสดีที่จะฆ่าเผยยวน แต่เจ้าดูสิ เขายังเข้าออกประตูเมืองได้อย่างอิสระ เห็นได้ชัดว่าเบื้องบนเองก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเอง ส่วนฮ่องเต้ใครจะไปรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ของกองเรือ พวกเด็ก ๆ ถูกพาไปนอนก่อน เสี่ยวเตาถูกส่งไปที่เรือนด้านข้าง จี้จือฮวนถอดเสื้อผ้าของนางออกเพื่อตรวจดูบาดแผลทั้งหมดให้กับนางด้วยตัวเอง จากนั้นก็ทำการรักษาและพันแผลให้ใหม่ทั้งหมด

จนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เมื่อเดินออกมาฟ้าก็สว่างมากแล้ว ฮวาเซียงเซียงตื่นขึ้นมาก็มาหาพวกเขาทันที และกำลังคุยกับเผยยวนอยู่ด้านนอก

ตอนที่จี้จือฮวนออกมา เผยยวนก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาทันที “เป็นเช่นไรบ้าง?”

“มีอาการอักเสบเล็กน้อย ต้องนอนพักผ่อนบนเตียงสักระยะ”

มีทักษะและยาสมัยใหม่อยู่ อาการบาดเจ็บร้ายแรงในสมัยโบราณเหล่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

เผยยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ลำบากเจ้าแล้ว”

จี้จือฮวนตบที่หลังมือของเขาเบา ๆ “เจ้าก็ยังไม่ได้พักผ่อนหรือ?”

“อืม ข้านอนไม่หลับ”

ฮวาเซียงเซียงตัวสั่นพลางขนลุก “โอ๊ย ใครไม่รู้คงคิดว่าพวกเจ้าจะลาจากกันชั่วนิรันดร์เสียอีก แม่ทัพเผยรีบไปอาบน้ำเถอะ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่คราบเลือด เมื่อเช้าตอนข้ามาที่นี่ตกใจจนแทบจะหันหลังวิ่งหนี คิดว่าโจรที่ไหนเข้าบ้านเสียอีก”

เผยยวนได้ยินดังนั้นจึงได้ก้มมองตัวเอง ก่อนจะเอ่ยด้วยความหงุดหงิด “เสื้อชุดนี้เพิ่งจะตัดใหม่ด้วย เสียของจริง ๆ”

ลวดลายด้านบนฮวนฮวนยังเป็นคนออกแบบให้ด้วย รู้เช่นนี้เปลี่ยนเสื้อก่อนออกไปก็ดี

“เรือนด้านหลังมีเด็กอยู่กลุ่มหนึ่ง รบกวนเจ้าช่วยดูแลหน่อยนะ พวกเราสองคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน ขอไปพักผ่อนก่อน”

ฮวาเซียงเซียงปัดมือไปมา “วางใจเถอะ หากพวกเจ้าตื่นแล้วก็ให้คนมาบอกข้า ข้าจะได้ไปบอกเซียวเย่เจ๋อ พวกเรายังต้องไปดูร้านอีก ต้องตกแต่งร้านใหม่ด้วย”

“ได้”

เรือนด้านข้างที่เดิมฮวาเส้าจงเตรียมให้พวกเขา จี้จือฮวนกับเผยยวนไม่เคยได้อยู่มาก่อน แต่ตอนนี้ทั้งสองต่างก็ง่วงจนหาวหวอด ๆ หลังจากต่างคนต่างอาบน้ำแล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียง กอดกันและกันแล้วนอนหลับไป

เมื่อตื่นขึ้นมาฟ้าก็มืดแล้ว ท้องก็เริ่มส่งเสียงร้อง

เมื่อไปถึงโถงด้านหน้าก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กกลุ่มหนึ่ง ก่อนจะพบว่าฮวาเซียงเซียงพาพวกเขาเล่นนกอินทรีและจับลูกเจี๊ยบอยู่ นกอินทรีนั่นก็คือเซียวเย่เจ๋อที่วิ่งวุ่นจนเหงื่อออกเต็มไปหมด

“เฮ้อ ในที่สุดพวกเจ้าก็ตื่นแล้ว เจ้าตัวป่วนพวกนี้มีพลังมากกว่าพวกเด็ก ๆ ในหมู่บ้านตระกูลเฉินเสียอีก” เซียวเย่เจ๋อหอบหายใจ ฮวาเซียงเซียงเองก็เหนื่อยจนแทบจะขาดใจ “เอาล่ะ ๆ เตรียมตัวออกเดินทางไปดูร้านได้แล้ว จะได้ลองชิมฝีมือของภัตตาคารในเมืองหลวงด้วย รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”

ฮวาเซียงเซียงคิดเอาไว้ว่าสองวันนี้จะเดินเล่นดูเมืองหลวงก่อน ไปลองชิมภัตตาคารที่มีชื่อเสียงให้หมด บางครั้งอาหารของร้านเหล่านี้ทั้งอร่อยและมีการตกแต่งที่งดงาม ดังนั้นควรตามให้ทันจึงจะดี

พวกเด็ก ๆ ถูกเสี่ยวลิ่วจื่อพาออกไปเล่นแล้ว

ทั้งสี่คนจึงขึ้นไปบนรถม้า ออกเดินทางไปที่ภัตตาคารท่ามกลางแสงยามเย็น

“เหตุใดเจ้าไม่พาแม่นางเซียวมาด้วยเล่า?” จี้จือฮวนเอ่ยถาม

เซียวเย่เจ๋อมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขาจะบอกได้อย่างไรว่านางอกหัก มองดอกไม้ชมพระจันทร์แล้วก็เอาแต่นั่งร้องไห้อยู่ที่จวน เป็นเพราะคุณชายจี้ที่มีช่วงเวลางดงามร่วมกันกับนางเพียงไม่นานอย่างเจ้านั่นแหละ

“นางรู้สึกไม่ค่อยสบาย”

“ไม่สบายหรือ? เอายาจากข้าหรือไม่ กินปุ๊บเห็นผลปั๊บ”

“ข้ารู้ว่าฝีมือการแพทย์ของเจ้านั้นดีเลิศ แต่นางเป็นไข้ใจ ปล่อยไปสักพักก็จะหายเอง” เห็นได้ชัดว่าเซียวเย่เจ๋อไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไรนัก

เมื่อมาถึงบนถนน ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายด้านนอก

“สมกับที่เป็นเมืองหลวง เย็นป่านนี้แล้วบนถนนก็ยังคึกคักเพียงนี้”

มีโคมไฟแขวนอยู่ทั่วถนนสายยาว ฮวาเซียงเซียงชะโงกหน้าออกไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น เซียวเย่เจ๋อจึงส่ายหัว “ไม่ได้คึกคักเช่นนี้ทุกวันหรอก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะราชครูนั่น”

จี้จือฮวนขมวดคิ้ว “ราชครูอีกแล้วหรือ?”

“อืม คนของสำนักเทพพยากรณ์นั่นไม่รู้ว่าไปล่วงเกินอะไรราชครูเข้า เขาจึงบอกว่าจะกวาดล้างสำนักเทพพยากรณ์ ตอนนี้ทั้งในและนอกเมืองหลวง ไม่ว่าจะใช่สำนักเทพพยากรณ์หรือไม่ต่างก็ถูกจับ ทำให้คนหวาดผวากันไปหมด”

“การกระทำที่เหลวไหลเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดห้ามปรามเลยหรือ?” เผยยวนเอ่ยถาม

“แน่นอนว่าย่อมมีคนไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ถูกหาว่าวันเดือนปีเกิดชงกับฮ่องเต้จึงถูกปลดออก ทำเช่นนี้ผู้ใดยังจะกล้าพูดอะไรอีก ข้าได้ยินว่ามีขุนนางเก่าแก่หลายคนได้เก็บสัมภาระ บอกว่าจะไปหาไท่ซ่างหวงที่หมู่บ้านตระกูลเฉินของพวกเจ้าด้วย”

.

.

.